น้องนางชายาบ๊องป่วนนคร นิยาย บท 30

ทั้งสามคนต่างค่อยๆ หันไปมองตามๆ กัน ตอนที่เห็นคนที่มา บนใบหน้าต่างก็เปี่ยมไปด้วยความตกตะลึงไม่มากก็น้อยย่อมมีให้เห็น

ในตอนนี้แม้ว่าไม่ใช่ในพระราชวัง แต่กลับเป็นเขตพระราชฐานที่พวกทหารอารักขาเอสไว้ด้วย ผู้ชายคนนี้สามารถเข้ามาได้อย่างง่ายดายเช่นนี้ วรยุทธ์ช่างคาดเดาได้ยากยิ่งจริงๆ

“พยัคฆ์ร้าย!” แม้แต่ฉู่หยุนเทียนที่ไม่ได้ตกใจกับอะไรง่ายๆ ในตอนนี้ก็ยังเปี่ยมไปด้วยความตะลึงงันไปหลายเท่าตัว

ตอนที่ฉู่หยุนเทียนมองไปยังหน้ากากนั้น ดวงตาดูหนักหน่วงขึ้นมาเล็กน้อย คนผู้นี้ไม่ว่าจะทำการใดๆ ก็ดูผิดแปลกอย่างยิ่งมาโดยตลอด? ในตอนนี้จู่ๆ ทำไมถึงมาปรากฏตัวอยู่ตรงนี้ได้?

“ปู้จิงหยู?” ไป๋อี้เฉินก็พึมพำออกมาอย่างประหลาดใจในขณะเดียวกัน ไม่เคยมีใครเห็นใบหน้าที่แท้จริงของเจ้าสำนักพยัคฆ์ร้านมาก่อนเลย เนื่องจากเจ้าสำนักพยัคฆ์ร้ายใส่หน้ากากมาโดยตลอด และหน้ากากอันนี้ก็กลายเป็นสัญลักษณ์ของเขาไปแล้ว

ฉู่หยุนเทียนและไป๋อี้เฉินต่างมีโอกาสได้เจอกับคนที่สวมหน้ากากผู้นี้มาก่อน

หน้ากากสีเงินบดบังรูปโฉมทั้งหมดของเขาไว้มิด ทำให้คนไม่มีทางที่จะไปสังเกตเห็นอารมณ์ความรู้สึกแม้แต่นิดของเขาเลย

เขายังคงสวมหน้ากากอยู่ต่อหน้าฝ่าบาท ไม่กล่าวไม่ได้ว่าเขาบ้าระห่ำจริงๆ แต่ว่าก็ไม่ยอมรับไม่ได้อีก เขาก็มีความสามารถที่จะบ้าระห่ำจริงๆ นั่นแหละ

ฝ่าบาทก็แอบตกตะลึงไปเช่นกัน ในส่วนลึกของดวงตาก็แฝงไว้ด้วยความระแวดระวังหลายเท่าตัวเพิ่มมากขึ้น คนผู้นี้อันที่จริงไม่ใช่ว่าจะยั่วโมโหได้ง่ายๆ

ได้ยินว่าครั้งที่แล้วฮ่องเต้แห่งราชวงศ์ต้าซีไม่ทราบว่ายั่วเขาโมโหเขาได้ยังไง ราชวงศ์ต้าซีเกือบสาบสูญไปเพียงชั่วข้ามคืน

คนผู้นี้แม้ว่าจะอยู่ในยุทธภพ แต่กลับทำให้จวิ้นจู่แต่ละคนต่างหวาดผวากันไปตามๆ กัน

“ปู้จิงหยูคารวะฝ่าบาท” เพียงแต่ผู้ชายที่สวมหน้ากากอยู่นั้นกลับโค้งคำนับมาทางด้านหน้าอย่างมีมารยาทอย่างยิ่ง

แม้ว่าน้ำเสียงจะเย็นชาไปหน่อย แม้ว่าจะเป็นเพียงแค่การเอามือมาประสานกันเท่านั้น การคารวะเป็นมารยาทในยุทธภพ

“จอมยุทธ์ปู้ไม่ต้องมากมารยาท เพียงแต่ไม่ทราบว่าจอมยุทธ์ปู้จู่ๆ มาถึงที่นี่ด้วยเหตุอันใด?” ในตอนนี้ฝ่าบาทจับต้นชนปลายไม่ถูกขึ้นมาจริงๆ

ตามหลักการแล้ว เขาราชวงศ์ซวนหยวนก็ไม่ได้มีการไปมาหาสู่กับปู้จิงหยูมากมายขนาดนั้นเสียหน่อย ปู้จิงหยูแสดงออกมาให้เป็นที่ประจักษ์ว่าจะออกค่าใช้จ่ายในค่ายทหารให้ มันช่างทำให้คนยากที่จะเข้าใจได้

“เมื่อครู่ข้าก็พูดไว้ชัดเจนแล้วว่ามาออกเงินค่าใช้จ่าย” ปู้จิงหยูพูดอย่างตรงไปตรงมาเลย เสียงไม่สูงแต่กลับเปี่ยมไปด้วยความน่าเกรงขามที่มีมาแต่เดิมนั้นของเขาไว้ ต่อหน้าฝ่าบาทก็ยังเรียกตัวเองว่าข้าออกมาโดยตรง

ฝ่าบาทอึ้งไปเล็กน้อย ยิ่งไม่เข้าใจไปอีก: “ข้าราชวงศ์ซวนหยวนและจอมยุทธ์ปู้ไม่ได้มีความสนิทสนมกัน จอมยุทธ์ปู้ทำเช่นนี้ยิ่งทำให้ข้ายากที่จะเข้าใจได้”

ฝ่าบาทก็ไม่อ้อมค้อมเช่นกัน ยังไงใต้แผ่นดินนี้ก็ไม่มีของฟรีอยู่แล้ว เขาไม่อาจจะรับเงินจำนวนมหาศาลขนาดนี้มาได้มือเปล่า อีกทั้งยังเป็นของคนผู้นี้ด้วย

ปู้จิงหยูหัวเราะเบาๆ ออกมาครู่หนึ่ง แม้ว่าเขาจะสวมหน้ากากเอาไว้ ไม่เห็นสีหน้าที่อยู่บนใบหน้านั้น แต่ว่าเสียงที่ชัดเจนนั้น แน่นอนว่าเป็นเสียงหัวเราะ

“หากจะบอกว่าไม่ได้สนิทสนมอะไรจริงๆ” เสียงหัวเราะยังไม่ทันได้ออกมา ก็ดูเหมือนว่าปู้จิงหยูจะถอนหายใจอย่างจนปัญญาออกมาหนึ่งเฮือก: “เฮ้อ ก็ไม่ใช่เพื่อผู้หญิงคนนั้นของข้าหรอกหรือ”

คำพูดนี้ของเขายิ่งทำให้ทั้ง 3 คนอึ้งไป ทำไมก็ยกผู้หญิงขึ้นมาอีกทีนี้?

ออกเงินค่าใช้จ่ายมันเกี่ยวอะไรกับผู้หญิงด้วย?

“จอมยุทธ์ปู้ หากไม่มีธุระอะไร ก็ขอให้เชิญกลับเถอะ” ดวงตาของฉู่หยุนเทียนเคร่งขรึมไปครู่หนึ่ง เห็นได้ชัดว่าเสียงเย็นชาขึ้นมาบ้าง ในเสียงที่ไม่สูงนั้นกลับเปี่ยมไปด้วยอำนาจที่ทำให้คนไม่มีทางจะคัดค้านได้เลย

นี่เป็นอำนาจของคนที่อยู่ในสนามรบมานานคนหนึ่งจึงจะขัดเกลาออกมาได้

ฉู่หยุนเทียนรู้สึกว่าปู้จิงหยูมาก่อกวนเท่านั้น เขาทราบดีว่าปู้จิงหยูล่วงเกินไปได้ แต่ว่าราชวงศ์ซวนหยวนก็ไม่ยินยอมให้ปู้จิงหยูอย่างเขามาล้อเล่นได้เช่นกัน

ฝ่าบาทอึ้งไปเล้กน้อ้ย ราวกับว่าคิดไม่ถึงว่าฉู่หยุนเทียนในตอนนี้จะแสดงออกถึงอำนาจอันทรงพลังเช่นนี้ออกมา

ดวงตาของฝ่าบาทแวววาวเป็นประกายเล็กน้อย แต่ว่ากลับไม่ได้พูดอะไร

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: น้องนางชายาบ๊องป่วนนคร