นั่นเดิมทีแล้วไม่ใช่นาง บาปอันนี้อันที่จริงนางก็ไม่อยากจะแบกรับเลย
“เหอะ......”
“เหอะ......”
ใต้พลับพลามีเสียงหัวเราะเบาๆ ติดต่อกันดังออกมา คนหนึ่งคือปู้จิงหยู อีกคนหนึ่งคิดไม่ถึงว่าจะเป็นพระยาฉู่ที่ดูน่าเกรงขามเข้มงวดต่อสายตาของคนภายนอกมาตลอด
ฝ่าบาทก็หัวเราะเช่นกัน: “เอาล่ะ การหมั้นหมายก็เป็นข้าที่พระราชทานให้ วันนี้ข้าจะมีราชโองการลงไปให้ยุติการหมั้นหมายนี้”
เห็นได้ชัดว่าไป๋อี้เฉินไม่ยอมจำนน ยังอยากจะเอ่ยปาก
ฝ่าบาททรงยิ้มอยู่ครู่หนึ่ง แล้วก็ล้อเล่นออกมาด้วยท่าทางสนุก: “พระยาฉู่เพิ่งจะชนะศึกกลับมา ไม่นานก็ต้องออกรบอีก หากข้าทำให้ลูกสาวสุดที่รักดั่งดวงใจของเขาถูกรังแก พระยาฉู่จะต้องไม่ให้อภัยข้าแน่”
คำพูดของฝ่าบาท ฉู่หวูโยวฟังแล้วก็อย่าจะหัวเราะ ความหมายในการข่มขู่นี้น่าจะเด่นชัดขึ้นมาอีกมากงั้นหรือ?
ใครๆ ต่างก็รู้ว่าพระยาฉู่เป็นถึงเทพสงครามแห่งราชวงศ์ซวนหยวน ปกป้องดินแดน ความดีความชอบนับไม่ถ้วน ไม่มีคนที่ไม่ยอมรับ ไม่มีใครที่ไม่เคารพ และก็ไม่มีใครไม่เกรงกลัว!
และพระยาฉู่ก็รักลูกสาวดั่งชีวิต ใครๆ ต่างก็ทราบดี!
พระยาฉู่เพื่อความรักเอ็นดูที่มีต่อลูกสาวแล้ว เรื่องอะไรก็ตามต่างก็สามารถทำออกมาได้ทั้งนั้นจริงๆ
ไป๋อี้เฉินไม่กล้าอกตัญญูต่อฝ่าบาท และก็ไม่กล้าลองดีกับพระยาฉู่เช่นกัน ดังนั้นเขาจึงเลือกที่จะจับเป้าที่ง่ายที่สุด: “หวูโยว อย่างอนอีกเลย ข้ารู้ดีว่าเมื่อก่อนข้ามีในจุดที่ทำไม่ถูกอยู่บ้าง แต่ว่าตอนนี้ข้ารับปากว่าจะแต่งเจ้าเข้ามาแล้ว หากจะงอนไปอีกก็ไม่ต้องแล้วล่ะ”
ความหมายในคำพูดนี้ของไป๋อี้เฉินเชื่อเป็นอย่างยิ่งว่าฉู่หวูโยวจงใจก่อเรื่องวุ่นวายให้เขา
คำพูดนี้ของเขาพูดแล้วก็น่าขำ เรื่องเล็กน้อยเมื่อก่อนทำไม่ถูก? เมื่อก่อนพวกเขาดูถูกทำร้ายเจ้าของเดิมเช่นนั้น แม้แต่จะเอาชีวิตของเจ้าของเดิมก็แล้ว ในใจของไป๋อี้เฉินก็เป็นเพียงแค่ความไม่ถูกต้องเล็กน้อยงั้นหรือ?
ตอนนี้เขารับปากว่าจะแต่งกับนาง นางก็ควรจะซาบซึ้งจนน้ำหูน้ำตาไหล?
ริมฝีปากแดงของฉู่หวูโยวแยกออกเล็กน้อย มุมปากค่อยๆ เหยียดออกมาให้เห็นรอยยิ้มจางๆ กล่าวออกมาทีละตัวๆ อย่างช้าๆ : “พระเยซูกล่าวไว้ว่าเจ้าไม่ได้มา ก็เป็นเพราะว่าเจ้าไม่ร้องขอ และเจ้าร้องขอแล้ว แต่กลับยังคงไม่ได้มา นั่นเป็นเพราะร้องขออย่างเลยเถิด”
ดวงตาทั้งคู่ของไป๋อี้เฉินถลึงออกมากลมโต มองไปยังฉู่หวูโยวอย่างผิดคาดทันที ร้องขออย่างเลยเถิด? นางบอกว่าเขาร้องขออย่างเลยเถิด?
เขาคิดว่าในใจของนางยังรักเขาอยู่ เขาคิดว่านางที่นางทำทั้งหมดนี้มาโดยตลอด ต่างก็เพื่อยั่วโมโหเขา
แต่ว่าในตอนนี้การร้องขออย่างเลยเถิดจากปากของนางกลับทำให้ใจของเขาจู่ๆ ก็แข็งทื่อไปเลย เย็นกระด้างไปเลย!
“วันนี้ข้าจะมีราชโองการลงไป ยุติการหมั้นหมายระหว่างไป๋อี้เฉินและฉู่หวูโยว” ในตอนนี้ในน้ำเสียงที่เคร่งขรึมของฝ่าบาท มีความน่าเกรงขามที่ไม่ยินยอมให้ปฏิเสธได้อยู่
ตอนที่ดวงตาคู่นั้นของฝ่าบาทมองไปยังไป๋อี้เฉิน สีหน้าค่อยๆ หม่นหมองเล็กน้อย มีความไม่พอใจอยู่บ้างเล็กน้อย
ร่างของไป๋อี้เฉินก็แข็งทื่อไปอีกครั้ง ในตอนนี้แม้ว่าเขาจะมีความไม่ยอมจำนนมากมายนับไม่ถ้วนขนาดไหน ไม่ยินยอมมากมายเท่าไร ก็ไม่กล้าจะมีความเห็นที่แปลกแยกใดๆ อีก
“ขอบพระทัยฝ่าบาทที่ช่วยให้สมปรารถนา” ในที่สุดฉู่หวูโยวก็ถอนหายใจออกมาได้เสียที กล่าวขอบคุณอย่างเร่งรีบ
ในที่สุดนางก็เป็นอิสระแล้ว
“ขอบพระทัยฝ่าบาท” ปู้จิงหยูก็กล่าวขอบคุณออกมาด้วยเสียงเบาๆ ในน้ำเสียงนั้นดูเหมือนว่าจะเปี่ยมไปด้วยรอยยิ้มจางๆ ที่พึงพอใจหลายเท่าตัวอยู่ด้วย
ดวงตาของฝ่าบาทกวาดสายตามองไปยังฉู่หวูโยวและปู้จิงหยู ในปลายคิ้วนั้นก็มีรอยยิ้มจางๆ หลายเท่าเพิ่มขึ้นมาด้วย ทันใดนั้นก็เอ่ยปากกล่าวว่า: “จะต้องให้ข้าพระราชทานงานอภิเษกให้พวกเจ้าหรือไม่”
“เป็นเกียรติยิ่ง” ปู้จิงหยูอึ้งไปครู่หนึ่ง จากนั้นก็เอ่ยปากรับคำ รอยยิ้มจางๆ ในน้ำเสียงนั้นก็ยิ่งเห็นได้ชัดเจนเพิ่มมากขึ้น
ดวงตาของฉู่หวูโยวค่อยๆ หันมองไปทางเขา ท่ามกลางความเงียบสงบกลับแอบแฝงการข่มขู่ที่ทำให้คนตกตะลึงจนสั่นไว้ด้วย
เมื่อปู้จิงหยูเห็นการข่มขู่ในดวงตาของนาง ก็เลยเปลี่ยนคำพูดอย่างรู้ทันว่า: “ดีก็ว่าดี เพียงแต่ข้าค่อนข้างจะชอบน้ำน้อยๆ ค่อยๆ ไหล แต่ไหลได้นานมากยิ่งกว่า ตนเองค่อยๆ ตามจีบไปดีกว่าถึงจะสนุก”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: น้องนางชายาบ๊องป่วนนคร
555น้องแสบ...
รออ่านน้า ชอบ มากเลยค่ะทุกเรื่องที่แอดลง อ่ะ...