น้องนางชายาบ๊องป่วนนคร นิยาย บท 33

“ไปไหน?” ดวงตาของซวนหยวนหรงโม่มองมาทางด้านนี้ เรียบเฉย ยังคงเย็นชาตามปกติ

แต่ว่าฉู่หวูโยวกลับรู้สึกถึงอันตรายอย่างหนึ่งขึ้นมาทันที

“ไม่ ไม่ไปไหน” ฉู่หวูโยวไม่รู้ว่าซวนหยวนหรงโม่ได้ยินคำพูดของนางก่อนหน้านี้หรือไม่ แต่ว่าไม่ว่าเขาจะได้ยินหรือไม่ นางก็จะปฏิเสธอย่างแน่วแน่แน่นอน

มุมปากของชิงจั๋วค่อยๆ ยกขึ้นครู่หนึ่ง นายหญิงยังรู้จักกลัวหรือ?

ยังรู้ว่าไม่กล้าจะพูดความจริงกับองค์ชายเจ็ดงั้นหรือ?

นายหญิงมีความสามารถจริงๆ ก็อย่าปิดบังองค์ชายเจ็ดสิ!

ซวนหยวนหรงโม่มองไปยังดวงตาที่ดูเหมือนว่าจะหรี่ไปมาของฉู่หวูโยว ความอันตรายนั้นยิ่งชัดเจนยิ่งขึ้น

ฉู่หวูโยวตะลึงไปจนใจสั่นไหวไปมาเล็กน้อย ค่อยๆ เปลี่ยนหัวข้อสนทนาไป: “เรื่องในครั้งนี้ต้องขอบพระทัยองค์ชายมาก”

คำพูดนี้ของฉู่หวูโยวรับรองว่าเป็นสิ่งที่ออกมาจากใจจริงๆ เรื่องในครั้งนี้หากไม่ใช่การช่วยเหลือของซวนหยวนหรงโม่ รับรองว่าจะไม่ราบรื่นเช่นนี้แน่

“พอใจแล้วสิ” ความอันตรายก้อนนั้นในดวงตาของเขาก็จางหายไปในที่สุด ในน้ำเสียงเบาๆ นั้น ดูเหมือนว่าจะมีอารมณ์ความรู้สึกที่ไม่เหมือนกันหลายเท่าตัวอยู่

“อืม?” ฉู่หวูโยวอึ้งไปเล็กน้อย คิดไม่ถึงว่าจู่ๆ เขาจะพูดประโยคนี้ออกมา หลังจากดึงสติกลับมาได้ก็พยักหน้าต่อเนื่อง: “พอใจ พอใจมาก ครั้งนี้ข้าติดค้างน้ำใจขององค์ชายเจ็ดไว้หนึ่งอย่าง ไว้วันหลังหากองค์ชายเจ็ดมีความต้องการอะไร ข้าจะชดใช้คืนให้อย่างแน่นอน”

งานอภิเษกในที่สุดก็ได้รับการยุติได้อย่างสำเร็จแล้ว นางพอใจอย่างมากจริงๆ

นางก็รับเอาน้ำใจจากซวนหยวนหรงโม่จากใจจริง มีโอกาสย่อมจะต้องคืนให้เขาแน่นอน

ต่อหน้าซวนหยวนหรงโม่ นางทราบดีว่าตนเองไม่มีอะไรที่จะซ่อนเร้นเอาไว้ได้ เพราะว่านางรู้ว่าไม่มีเรื่องอะไรที่จะสามารถปิดบังเขาเอาไว้ได้

ก็ดั่งตามที่เขาสามารถมองทะลุแผนทั้งกระดานของนางได้นานแล้วนั่นเอง

ตอนนั้นนางเพิ่งจะเริ่มทำแค่ช่วงเริ่มต้นเท่านั้นเอง เขาก็สามารถมองทะลุปรุโปร่งทั้งหมดแล้ว ดังนั้นปิดยังต่อหน้าเขาช่างไม่มีความหมายอะไรเลยจริงๆ

ดวงตาของซวนหยวนหรงโม่ค่อยๆ แวววาวอยู่ครู่หนึ่ง: “น้ำใจของข้าไม่ใช่ของที่จะติดค้างได้ง่ายๆ เช่นนั้น จดเอาไว้ก่อน ถึงตอนนั้นข้าค่อยเก็บทั้งต้นทั้งดอกพร้อมกันเลย”

ฉู่หวูโยวอึ้งไปเล็กน้อย คำพูดเมื่อครู่ของนางแน่นอนว่าออกมาจากใจจริง แต่ว่านางคิดไม่ถึงว่าซวนหยวนหรงโม่จะตอบประโยคเช่นนี้ออกมาได้ ซวนหยวนหรงโม่เย็นชามาโดยตลอด ไม่อาจพูดจาเช่นนี้มาแต่ไหนแต่ไรอยู่แล้ว

เพียงแต่ฉู่หวูโยวรู้สึกว่าแบบนี้ก็ดีเหมือนกัน ครั้งนี้นางติดค้างน้ำใจของซวนหยวนหรงโม่ หากตอนที่ซวนหยวนหรงโม่มีความจำเป็น นางก็คืนน้ำใจนี้ให้แก่ซวนหยวนหรงโม่ ถึงตอนนั้นระหว่างพวกเขาก็ไม่มีอะไรต้องติดค้างกันอีกแล้ว

“ได้” นางไม่ชอบติดค้างน้ำใจคนเป็นที่สุด ยิ่งไปกว่านั้นนางไม่ได้มีความสนิมชิดเชื้อกับซวนหยวนหรงโม่ ไม่ได้มีความเกี่ยวพันใดๆ น้ำใจนี้ยิ่งจะติดค้างไม่ได้เด็ดขาด

คิ้วของซวนหยวนหรงโม่ค่อยๆ ขมวดขึ้นเล็กน้อยไปชั่วขณะ เพียงแต่แอบซ่อนกลับลงไปได้รวดเร็วมากอีก ทันใดนั้นก็เปลี่ยนเรื่องไป: “ชุดของข้ารีบเอาคืนมาเร็วๆ ข้ารอใส่อยู่”

คำพูดนี้ของซวนหยวนหรงโม่กล่าวจบก็จากไปเลย

ฉู่หวูโยวแน่นิ่งไปเล็กน้อย ความคิดก้าวกระโดดของเขานี้มันก็ไวเกินไปหรือเปล่า มีที่ไหนกันเขาเป็นถึงองค์ชายเจ็ดจะมาขาดแคลนชุดใส่ตัวหนึ่งได้?

มองดูร่างที่เดินจากไปไกลของเขา มุมปากของฉู่หวูโยวก็อดไม่ได้ที่จะยกขึ้นมาจางๆ ชั่วขณะหนึ่ง ดังนั้นเขาเดินมาทางนี้ก็เพื่อจะมาทวงชุดตัวนั้นของเขาคืนงั้นหรือ?

ตอนที่ไป๋อี้เฉินกลับไปถึงจวนไป๋ กลับเห็นฉู่หรูเสว่นั่งอยู่ในพลับพลาคนเดียว เขาคิดว่าฉู่หรูเสว่มาหาเสี่ยวหยู

ในตอนนี้เขาอรมณ์ไม่ดี ไม่อยากจะสนใจใคร ก็เลยแสร้งทำเป็นมองไม่เห็น ก็เลยเดินไปทางด้านห้องของเขาเองทันทีเลย

“องค์ชายไป๋” แต่ฉู่หรูเสว่กลับตะโกนเรียกเขาขึ้นมาในทันใด

“ธุระอะไรงั้รหรือ?” ไป๋อี้เฉินขมวดคิ้วขึ้น น้ำเสียงค่อนข้างเย็นชาเล็กน้อย ในตอนนี้อารมณ์ของเขาพุ่งไปถึงขีดสุดแล้ว ยังไงก็ไม่มีกะจิตกะใจจะมาให้ความสนใจฉู่หรูเสว่อยู่แล้ว

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: น้องนางชายาบ๊องป่วนนคร