ดวงตาของฉู่หวูโยวถลึงออกมากลมโต นี่เท่ากับว่าจับได้คาหนังคาเขาเลย ใช่หรือเปล่า?
อีกอย่างยังเป็นเจ้าตัวเองที่เป็นหลักฐานให้จับได้คาหนังคาเขา! งั้นย่อมต้องไม่ผิดแน่นอน
องค์ชายเจ็ดไม่ได้สนใจชายหนุ่มที่หัวเราะเสียงดัง เขาจับปกคอเสื้อของฉู่หวูโยวไว้ แล้วหิ้วนางขึ้นมา จากนั้นก็หิ้วนางจากไปเลยเช่นนั้น
ไร้การทะนุถนอมอ่อนโยนต่อสตรีอย่างสิ้นเชิง เกือบรัดคอคนตายไปแล้ว
ฉู่หวูโยวรู้สึกว่าครั้งนี้นางล่วงเกินองค์ชายเจ็ดเกินไปแล้วจริงๆ!
อีกอย่างนางยังล่วงรู้ความลับขององค์ชายเจ็ดอีก หากไม่ใช่เพราะว่าท่านพ่อพระยาของนางและไทเฮา เดาได้เลยว่าองค์ชายเจ็ดก็คงจะฆ่าปิดปากนางไปนานแล้ว
นี่นางจะมาด่วนชิงตายเสียก่อนจริงๆ น่าเศร้าสลดจริงๆ!
องค์ชายเจ็ดหิ้วฉู่หวูโยวขึ้นไปบนม้าเลยทันที เสียงเยือกเย็นสั่งการกับองครักษ์ของจวนท่านพระยา: “ส่งนางกลับไปยังจวนท่านพระยา”
ฉู่หวูโยวไม่ได้ต่อต้าน เพราะว่าทราบดีว่าต่อต้านไปก็ไร้ประโยชน์
โชคดีที่องค์ชายเจ็ดก็ไม่ได้พูดอะไรอีก ไม่ได้ทำอะไรอีก
ผ้าม่านบนรถปิดลง รถม้ามุ่งหน้าไปทางจวนท่านพระยา
รถม้าเคลื่อนมาได้ระยะหนึ่ง ฉู่หวูโยวจึงพบว่าซวนหยวนหรงโม่ไม่ได้ตามมาด้วย และซวนหยวนหรงโม่ก็ไม่ได้ให้คนติดตามมาด้วยเช่นกัน คราวนี้ก็เลยโล่งใจออกมาได้แล้วค่อยๆ ถอนหายใจออกมาหนึ่งเฮือก
พูดตามความจริงนางก็กลัวว่าซวนหยวนหรงโม่จะไปฟ้องท่านพ่อพระยาอยู่บ้างเล็กน้อย
“นายหญิง องค์ชายเจ็ดกับท่านชายท่านนั้นเป็นจริงๆ ......จริงๆ ......” ชิงจั๋วอาจจะเป็นไปได้ว่ามีความเคยชินเล็กน้อยต่อวิธีการปฏิสัมพันธ์ที่ไม่ต้องมากพิธีรีตองต่อฉู่หวูโยวแล้ว และก็อาจจะเป็นไปได้ว่าชิงจั๋วสงสัยเกินไปหน่อย อันที่จริงแล้วก็อดทนไม่ไหว คิดไม่ถึงว่าจะนินทาถกเรื่องขององค์ชายเจ็ดกับฉู่หวูโยวได้
แน่นอนว่าการนินทาเป็นนิสัยที่สวรรค์ให้มาของมนุษย์ แน่นอนว่าเสียงของชิงจั๋วกดจนเบามากๆ เลย คนที่อยู่ด้านนอกรับรองว่าไม่ได้ยินแน่
ฉู่หวูโยวกำลังคิดถึงปฏิกิริยาตอบสนองเมื่อครู่ขององค์ชายเจ็ด ยังมีคำพูดของชายหนุ่มท่านนั้นอีก รู้สึกว่าความเป็นไปได้สูงจริงๆ : “มีความเป็นไปได้มากจริงๆ”
แม้จะบอกว่าแอบนินทาคนอื่นลับหลังเป็นสิ่งที่ไม่ถูกต้องอยู่บ้าง แต่ว่าซวนหยวนหรงโม่ที่ปฏิบัติต่อนางเช่นนั้นเมื่อครู่ ฉู่หวูโยวรู้สึกว่านางและองค์ชายเจ็ดในตอนนี้ได้เข้าใกล้ความสัมพันธ์ที่ไม่ลงรอยกันขึ้นมาแล้ว
นางก็แค่พูดไปตามที่เห็นเท่านั้น ไม่ได้บิดเบือนความจริงเลย รู้สึกขอโทษเขามากจริงๆ
ซู่เฟิงที่อยู่นอกรถมองไปยังองค์ชายของตนเองที่ไม่ทราบว่าเหตุใดจึงรีบตามมาได้ครู่หนึ่ง ริมฝีปากเม้มแน่น ไม่กล้าหายใจเสียงดังเลย
แม้ว่าเสียงของทั้งสองคนที่อยู่ในรถม้าจะกดจนเบามากๆ คนทั่วไปอยู่ด้านนอกย่อมไม่ได้ยินเป็นแน่ แต่ว่าองค์ชายไม่ใช่คนปกติ เขาสามารถได้ยินได้ รับรองว่าองค์ชายฟังได้ชัดเจนยิ่งเป็นแน่
ซู่เฟิงเห็นสีหน้าองค์ชายของตนเองดูเคร่งขรึมเย็นเยือกขึ้นมาหลายเท่าอย่างเห็นได้ชัดจริงๆ
ซู่เฟิงรู้สึกว่าองค์ชายที่ไม่มีอารมณ์ใดๆ มาทำให้สะทกสะท้านได้มาโดยตลอด เมื่ออยู่ต่อหน้าคุณหนูฉู่สีหน้าท่าทางกลับมักจะกลั้นเอาไว้ไม่ได้อยู่บ้าง
ฉู่หวูโยวที่อยู่ในรถม้าไม่อาจล่วงรู้ออันตรายที่กำลังมาถึงไปด้เลย: “เรื่องแบบนี้ปกติมาก ไม่มีอุปสรรคใดต่อหน้ารักแท้หรอก”
ซู่เฟิงเหยียดปากสูดลมเย็นๆ เข้าไปหนึ่งคำ รักแท้ นี่ทันเป็นรักแท้ของศิษย์สำนักไหนกัน?
แม้ว่าองค์ชายของเขาปกติแล้วจะไม่เข้าใกล้ผู้หญิง ปกติหากเป็นผู้หญิงมองยังไม่มองเลย ไม่สนใจด้วยซ้ำ แต่ว่าเขาทราบดีว่าองค์ชายของเขาไม่ได้ชอบผู้ชายแน่นอน
ซู่เฟิงพบว่าสีหน้าขององค์ชายตนเองเย็นชาขึ้นไปอีกหลายเท่าตัวเลย
“ปกติหรือ? นั่น......แบบนั้นเป็นรักแท้หรือ?” ในรถม้าชิงจั๋วตกใจจนถลึงตาทั้งสองข้างออกมา นางไม่กล้าเชื่อว่านั่นคือความรัก คือรักแม้งั้นหรือ?
“แน่นอน อย่างสงสัย ข้ารู้สึกว่าความรักของพวกเขาดุกล้าหาญกว่าคนอื่นอย่างยิ่ง” ฉู่หวูโยวกลับไม่แบ่งแยกหรือว่าดูถูกความรักระหว่างเพศเดียวกันเลย
ชิงจั๋วถูกนายหญิงของตนพาเสียคนไปแล้วได้สำเร็จ: “ที่แท้นี่ก็เป็นรักแท้เช่นกัน”
ชิงจั๋วคิดอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นก็เพิ่มเติมอีกหนึ่งประโยคด้วยเสียงที่เบาสุดๆ ว่า: “องค์ชายเจ็ดรูปงาม ท่านชายผู้นั้นก็รูปงามเช่นกัน ก็ดูเหมาะสมคู่ควรกันดี”
ฉู่หวูโยวกำลังคิดถึงการกระทำทั้งหมดที่ซวนหยวนหรงโม่เพิ่งจะทำกัยนาง ในใจก็ยังอดที่จะโมโหขึ้นมาไม่ได้ ได้ยินคำพูดของชิงจั๋วก็ค่อยๆ อึ้งไปครู่หนึ่ง
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: น้องนางชายาบ๊องป่วนนคร
555น้องแสบ...
รออ่านน้า ชอบ มากเลยค่ะทุกเรื่องที่แอดลง อ่ะ...