น้องนางชายาบ๊องป่วนนคร นิยาย บท 29

ซวนหยวนหรงโม่ยืนอึ้งไปในชั่วขณะนั้นครู่หนึ่ง สีหน้าค่อยๆ เกิดความเคร่งขรึมมืดมนขึ้นมาเล็กน้อย มือทั้งคู่ดูเหมือนว่าก็จะกำแน่นตามความรู้สึกไปด้วย ไม่รู้ว่าอยากจะบีบคอของใครบางคนหรือเปล่า!

และฉู่หวูโยวกลับไม่ได้มีความรู้สึกตัวแต่อย่างมด เมื่อเห็นว่าของสกปรกถูกชะล้างออกไปหมดแล้ว ก็หิ้วชุดที่อยู่ในน้ำขึ้นมา ใช้แรงบิดให้แห้ง จากนั้นก็คลี่ออกและสะบัดไปมา สุดท้ายก็เดินไปทางซวนหยวนหรงโม่

เมื่อเห็นท่าทางการบิดเสื้อผ้าของฉู่หวูโยว มุมปากของซู่เฟิงก็เผยอขึ้นอย่างเหี้ยมๆ อีกครั้ง

“องค์ชาย” เดิมนั้นฉู่หวูโยวอยากจะส่งชุดคืนให้แก่เขาไปเลย เพียงแต่กลับสบตาเข้ากับความเย็นชาบนใบหน้านั้นของเขาเข้า

ฉู่หวูโยวอึ้งไปเล็กน้อยชั่วขณะหนึ่ง สีหน้าของเขาเมื่อครู่ไม่ได้เย็นชาขนาดนี้นี่นา? เมื่อครู่ดุเหมือนว่าจะยังดีอยู่เลย?!

แต่ท่าทางของเขาในตอนนี้ดุเหมือนว่าจะเย็นชายิ่งกว่าปกติหลายเท่าตัว ทำไมอยู่ดีๆ ก็เปลี่ยนไปกะทันหันเช่นนี้ได้

“เจ้าคิดว่าจะคืนชุดแบบนี้ให้ข้างั้นหรือ?” ในน้ำเสียงที่เย็นเยือกของซวนหยวนหรงโม่ดูเหมือนว่าจะแอบซ่อนรสชาติการขบกรามกัดฟันอยู่ในนั้นด้วย

เขาไม่รู้ความรู้สึกของตนเองมาโดยตลอดว่าจะมีวันที่ไม่อาจควบคุมได้ขึ้น

ฉู่หวูโยวเป็นคนที่ฉลาดแค่ไหน จู่ๆ ก็กระจ่างขึ้นมาในทันใด และก็เข้าใจถึงความเย็นชาบนใบหน้านั้นของเขาด้วยว่าเป็นเพราะสาเหตุใด

ฉู่หวูโยวก็ไม่ได้รู้สึกจริงๆ ว่าที่นางล้างของที่อาเจียนออกไปเมื่อครู่มีอะไรไม่ถูกต้อง

แต่ว่านางเห็นได้ชัดว่าลืมไปเลยว่าฐานะของซวนหยวนหรงโม่สูงศักดิ์ เสื้อผ้าที่สวมใส่ก็ใช้ผ้าที่เนื้อดีที่สุด ทั้งหมดต่างก็ต้องให้คนซักทำความสะอาดเป็นพิเศษโดยฉพาะ

ฉู่หวูโยวเงยหน้ามองไปยังเขา ดวงตาที่มองมามีความเป็นทางการแล้วกล่าวอย่างไร้สาระออกมา: “แน่นอนว่าไม่ใช่ ข้าจะมาถามองค์ชายเสียหน่อยว่า สามารถให้ข้าเอาชุดกลับไป ซักทำความสะอาด รีดให้เรียบ จากนั้นก็ค่อยส่งคืนองค์ชาย”

ซู่เฟิงกลอกตามองบนไปทางฉู่หวูโยวครู่หนึ่ง เขากล้าเดิมพันเลยว่าผู้หยิงคนนี้เมื่อครู่ไม่ได้คิดเช่นนี้เด็ดขาด

ในตอนนี้คิดไม่ถึงว่านางจะหลอกลวงองค์ชายอีก องค์ชายเป็นคนที่หลอกง่ายขนาดนั้นเลยหรือ?

องค์ชายเป็นคนที่เกลียดการที่ถูกคนอื่นหลอกลวงมากที่สุดมาโดยตลอด ผู้หญิงคนนี้กล้ามาลวงโลก นางก็รอ......

เพียงแต่ว่าในตอนนี้เอง คิดไม่ถึงว่าซู่เฟิงจะได้ยินนายท่านของตนเองรับคำขึ้นมา รับปากงั้นหรือ? นายท่านของตนรับปากแบบนี้เลยหรือ

“อืม” ซวนหยวนหรงโม่รับคำออกมาเบาๆ หนึ่งคำ ในน้ำเสียงเบาๆ นั้นแม้ว่าจะฟังไม่ออกถึงอารมณ์ความรู้สึกก็ตาม แต่ว่าอันที่จริงแล้วก็รับปากจริงๆ

ฉู่หวูโยวแอบถอนหายใจออกมาหนึ่งเฮือก

ซู่เฟิงกลับตะลึงไปจนเกือบล้มไป องค์ชายวันนี้เป็นอะไรไป?

ในใจของฉู่หวูโยวยังคิดถึงเรื่องหน่วยพยัคฆ์ที่ซวนหยวนหรงโม่พูดเมื่อครู่เลย นางครุ่นคิดไปมาครู่หนึ่ง ตัดสินใจเอ่ยปากออกมาในทันที: “องค์ชายทราบหรือไม่ว่าสามารถหาคนของหน่วยพยัคฆ์ได้ยังไง?”

ในเมื่อซวนหยวนหรงโม่จงใจเตือนนางบนเรือเมื่อครู่นี้ เช่นนั้นเขาก็ต้องรู้แน่นอน

ดวงตาทั้งคู่ของซู่เฟิงก็แวววาวขึ้นมาทันที มองไปยังนายท่านของตนเองอย่างรวดเร็ว ภายในดวงตาของซู่เฟิงจู่ๆ ก็มีความซับซ้อนมากมายนับไม่ถ้วนแอบแฝงอยู่ในนั้นขึ้นมาชั่วขณะ

ดวงตาของซวนหยวนหรงโม่เป็นประกายขึ้นเล็กน้อย ผู้หญิงคนนี้ฉลาดตามที่คาดไว้จริงๆ

เขาเพียงแค่จุดประกายต้นตอเล็กน้อย นางก็สามารถปะติดปะต่อเรื่องได้อย่างประจวบเหมาะ

แน่นอน ท่าทีของนางในตอนนี้ก็ยืนยันว่าที่เขาคาดเดาไว้เดิมนั้นไม่ผิดเพี้ยนไปเลย

ซวนหยวนหรงโม่ยิ้มอยู่ครู่หนึ่ง ดุเหมือนว่าจะเอ่ยปากอย่างตามสบายว่า: “ตามที่ว่ากันว่าวันที่ 15 ของทุกเดือนสามารถหาได้ที่โรงเตี๊ยมเฟิงเย่ว”

มุมปากของซู่เฟิงในครั้งนี้ก็เผยอขึ้นอย่างเหี้ยมๆ อีกสองครั้ง เหตุการณ์ในวันนี้ทำให้เขาไม่รู้ว่าจะพูดอะไรดีจริงๆ

การแสดงออกของนายท่านในวันนี้ช่างแตกต่างจากปกติอย่างสิ้นเชิง เขาก็เดาไม่ออกเลยว่านายท่านกำลังคิดอะไรอยู่

ฉู่หวูโยวนิ่งไปเล็กน้อย วันที่ 15 ของทุกเดือน? วันนี้ไม่ใช่ว่าเป็นวันที่ 15 พอดีหรือ? บังเอิญอะไรขนาดนี้?

ในใจของฉู่หวูโยวแม้ว่าจะเกิดความสงสัยหลายเท่าตัว แต่ยังคงกล่าวขอบคุณอย่างจริงใจ: “ขอบพระทัยองค์ชายมากเพคะ”

แม้ว่าจะรู้สึกว่ามันดูบังเอิญเกินไปหน่อย แต่ว่าฉู่หวูโยวกลับไม่ได้สงสัยข้อมูลที่ซวนหยวนหรงโม่ให้ออกมาเลยแม้แต่นิดเดียว

“ชิงจั๋ว พวกเรากลับกันเถอะ” ไม่รอให้ไป๋อี้เฉินพูดจบ ฉู่หวูโยวก็หันหลังจากไปทันที

สีหน้าของไป๋อี้เฉินยิ่งหม่นหมองมากยิ่งขึ้นอีกหลายเท่า

เมื่อฉู่หรูเสว่เห็นปฏิกิริยาตอบสนองของไป๋อี้เฉิน ดวงตาที่โหดเหี้ยมคู่นั้นแอบแฝงการเอาคืนหลายเท่า

ความสามารถของนางเองไม่อาจจะยับยั้งเรื่องนี้ไว้ได้ แต่ว่าหากร่วมมือกับไป๋อี้เฉิน......

ฉู่หรูเสว่มีแผนการที่ดีเยี่ยมอันหนึ่งอยู่ในใจแล้ว นางมองไปยังร่างของฉู่หวูโยวที่จากไป ในดวงตาที่โหดร้ายนั้นแอบรอยยิ้มเยือกเย็นเอาไว้

ซวนหยวนหรงโม่เป็นของนาง นางจะไม่อนุญาตให้ใครก็ตามมาแย่งเอาไปเด็ดขาด

ฉู่หวูโยวเองที่หาที่ตาย ก็มาโทษนางไม่ได้

เรื่องของเงินค่าใช้จ่ายที่ยังระดมไม่ครบก็รู้ไปถึงหูของฝ่าบาทแล้วอยู่ดี

“ฝ่าบาท เมื่อคืนจวนไป๋มีโจรขึ้น เงินทั้งหมดต่างถูกลักเอาไป หวังว่าฝ่าบาทจะสามารถยืดหยุ่นให้หน่อย กระหม่อมในตอนนี้จะระดมเงินได้ภายใน 5 วัน และจะให้คนนำไปส่งที่ค่ายทหารโดยเฉพาะ รับรองว่าจะไม่เตะถ่วงเวลาที่จะต้องใช้อย่างแน่นอน” ไป๋อี้เฉินยังคงเป็นคำพูดนั้นเช่นเดิม เพียงแค่ในตอนนี้ท่ามกลางความนอบน้อมนั้นก็มีความระมัดระวังหลายเท่าเพิ่มขึ้นเยอะเลย

ฝ่าบาทหม่นหมองไปทั้งใบหน้า ในดวงตานั้นก็มีความเย็นชาอยู่ในนั้นอย่างเห็นได้ชัด ไม่ได้ตอบคำถามไป๋อี้เฉิน แต่กลับหันไปทางฉู่หยุนเทียนแล้วกล่าวด้วยเสียงเคร่งขรึมว่า: “หยุนเทียน ความหมายของเจ้าล่ะ?”

“กระหม่อมปกป้องความสงบสุขของประเทศชาติ ปกป้องชีวิตของทหารทุกคนใต้บัญชาการของกระหม่อม” ดวงตาทั้งคู่ของฉู่หยุนเทียนหรี่ลงเล็กน้อย ในน้ำเสียงนั้นกลับไม่ได้มีความรู้สึกอะไรมากมายจนเกินไป แต่ว่ากลิ่นอายที่น่าเกรงขามนั้นกลับดูบีบบังคับคน

เขาเป็นนายพลที่ดีคนหนึ่ง เขาปกป้องชาติ ปกป้องทหาร แต่ว่าหากเป็นเงินค่าใช้จ่ายที่ไม่เพียงพอจะให้เขาไปปกป้องชาติปกป้องทหารได้อย่างไร?

ความหมายในคำพูดนี้ของฉู่หยุนเทียนอันที่จริงแล้วก็เพียงพอแล้ว

ร่างของไป๋อี้เฉินแข็งทื่อไปเลยชั่วขณะ สีหน้าของฝ่าบาทก็หม่นหมองไปหลายเท่ายิ่งขึ้นอีก

“เงินค่าใช้จ่ายจะล่าช้าได้อย่างไรกัน ในเมื่อองค์ชายไป๋มีความลำบากอยู่ชั่วขณะ ไม่เช่นนั้นเงินค่าใช้จ่ายในครั้งนี้ก็ให้ข้าเป็นผู้ออกเถอะ” ทันใดนั้นเสียงหนึ่งก็ดังขึ้นมา ทำให้ทั้งสามคนต่างพากันตกตะลึงไปเลย

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: น้องนางชายาบ๊องป่วนนคร