ตอน บทที่ 28 องค์ชายเจ็ดหัวเสียเป็น จาก น้องนางชายาบ๊องป่วนนคร – ความลับ ความรัก และการเปลี่ยนแปลง
บทที่ 28 องค์ชายเจ็ดหัวเสียเป็น คือตอนที่เปี่ยมด้วยอารมณ์และสาระในนิยายนิยายย้อนยุคทะลุมิติ น้องนางชายาบ๊องป่วนนคร ที่เขียนโดย อล่าม เรื่องราวดำเนินสู่จุดสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นการเปิดเผยใจตัวละคร การตัดสินใจที่ส่งผลต่ออนาคต หรือความลับที่ซ่อนมานาน เรียกได้ว่าเป็นตอนที่นักอ่านรอคอย
ทุกคนกลับไม่ได้ฟังเข้าใจในนัยคำพูดของฉู่หวูโยวและองค์ชายเจ็ด ยังไงใครต่างก็ไม่สงสัยเรื่องที่จวนไป๋เงินหายเป็นฝีมือของฉู่หวูโยวเด็ดขาด
เกรงว่าในตอนนี้ฉู่หวูโยวเอ่ยปากรับผิดด้วยตนเองว่าเงินของจวนไป๋เป็นนางที่ขโมยไป คนอื่นก็ยังไม่เชื่อเด็ดขาด
“ท่านพี่เจ็ด หน่วยพยัคฆ์ไม่ใช่อะไรที่จะเชิญกันง่ายๆ ตอนนี้ยังไงก็ไม่ทันแล้ว แก้ปัญหายากที่อยู่ตอนนี้ก่อนจึงจะเป็นการดียิ่งกว่า” ซวนหยวนฝานครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง ก็พูดความคิดเห็นที่เขาคิดว่าตรงประเด็นมากที่สุดออกมา
ฉู่หวูโยวอึ้งไปเล็กน้อย หน่วยพยัคฆ์นางเคยได้ยินมาก่อน อันที่จริงความเป็นมาก็ไม่เล็ก
แม้ว่าจะไม่ทราบดีว่าหัวหน้าพรรคตัวจริงเป็นใคร แต่ว่าได้ยินว่าแม้แต่จวิ้นจู่ของอาณาจักรทั้งสี่ที่ใหญ่ที่สุดในแผ่นดินนี้ต่างก็ไม่กล้าจะล่วงเกินคนของหน่วยพยัคฆ์เลย
หากอยากจะเชิญหน่วยพยัคฆ์มาให้ได้ก็ไม่ใช่เรื่องที่ง่ายดายเช่นนั้น เพราะว่าเงื่อนไขของหน่วยพยัคฆ์ช่างทารุณหยาบช้าเกินไป
ตามที่ได้ยินมีองค์ชายอาณาจักรอื่นหลายท่าน แม้กระทั่งเป็นฝ่าบาทไปเชื้อเชิญคนที่หน่วยพยัคฆ์ ก็ยังเชิญมาไม่ได้เลย
หากเป็นไป๋อี้เฉินไปเชิญ ความเป็นไปได้ในการจะเชื้อเชิญได้นั้นก็คงจะน้อยมากจริงๆ
อีกอย่างไป๋อี้เฉินบังคับใจตนเองได้เป็นอย่างดีมาโดยตลอด เรื่องที่จวนไป๋ทรัพย์สินถูกขโมยนั้นเป็นไปไม่ได้ว่าเขาจะป่าวประกาศออกไป จะสืบหาก็เป็นเขาที่จะไปสืบหาเอง ยังไงก็เป็นไปไม่ได้ที่จะไปขอให้คนอื่นมาช่วยสืบ
เห็นได้ชัดว่าคำพูดนี้ของซวนหยวนหรงโม่มีนัยแฝงเอาไว้อยู่!
ก็คือกำลังเตือนนางนั่นเอง!
เตือนอะไรนางงั้นหรือ?
ฉู่หวูโยวตะลึงขึ้นมาในใจ ดวงตาคู่หนึ่งมองไปยังซวนหยวนหรงโม่อย่างรวดเร็ว ผู้ชายคนนี้เป็นไปไม่ได้ว่าจะมองทะลุปรุโปร่งแผนการทั้งกระดานของนางหรอกนะ?
ในตอนนี้ซวนหยวนหรงโม่ก็มองมาที่นางพอดี และนาทีนี้เองในดวงตาที่ไม่ไหวติงจากสิ่งเร้าภายนอกคู่นั้นของเขาก็ยังคงมองอารมณ์ความรู้สึกไม่ออกเช่นเดิม แต่ว่าฉู่หวูโยวกลับหาคำตอบที่ตนเองต้องการเจอ
เขามองทะลุแผนการทั้งหมดของนางแล้วจริงๆ
ในตอนนี้ฉู่หวูโยวตะลึงงันเข้าไปจริงๆ นางทราบดีว่าเขาร้ายกาจมากมาโดยตลอด ทราบดีว่าเขาอันตรายมาก แต่ว่าก็คิดไม่ถึงว่าเขาจะร้ายกาจมากถึงเพียงนี้ อันตรายมากถึงเพียงนี้ได้
หากนางเป็นศัตรูของเขา เกรงว่าตายยังไงก็ยังไม่รู้ตัวเลยด้วยซ้ำ
โชคดีที่นางไม่ใช่ศัตรูของเขา เห็นได้ชัดว่าในตอนนี้เขายังช่วยนางเอาไว้อยู่
โชคดีไป โชคดีไป!
อันที่จริงแล้วนางก็ทราบดีว่าในแผนการของตนมีจุดบกพร่องอยู่บ้าง ตอนนี้น่าจะไม่มีปัญหาอะไรแล้ว
เพียงแต่ในตอนนี้เองเรือก็โคลงเคลงขึ้นมาอีกอย่างรุนแรง
ในใจของฉู่หวูโยวรู้สึกว่าเหมือนมีอะไรบางอย่างกำลังสั่นไหวอยู่ในนั้น ดูแย่มาก พะอืดพะอมมาก
มือทั้งคู่ของนางจับมุมโต๊ะเอาไว้แน่น พยายามควบคุมตนเองอย่างสุดชีวิต
“นายหญิง เป็นอะไรไป?” ชิงจั๋วที่ยืนอยู่ข้างหลังนางพบความผิดปกติของฉู่หวูโยว สีหน้าก็เลยเปลี่ยนไปเลย
“เวียนหัว” ฉู่หวูโยวได้เพียงพูดออกมาจากปากหนึ่งคำอย่างเรียบง่ายเท่านั้น ก็รู้สึกว่าช่วงบริเวณหน้าอกมีอะไรบางอย่างปะทุขึ้นมาด้านบน ยิ่งแย่เข้าไปอีก
บนหน้าของนางได้แต่งหน้าเอาไว้ก็เลยไม่เห็นถึงความผิดปกติอะไร แต่ว่าริมฝีปากกลับซีดขาวจนทำให้คนตะลึงไปได้ มือคู่นั้นก็ยิ่งไม่มีสีเลือดเลยแม้แต่นิดเดียว
“หวูโยว” ไป๋อี้เฉินกำลังจะยื่นมือออกไปโอบนางเอาไว้ แต่ว่าในตอนนี้เอง ร่างหนึ่งก็มาปรากฏอยู่ต่อหน้านางด้วยความรวดเร็วยิ่งกว่า
คนผู้นั้นยื่นแขนออกไปก็โอบฉู่หวูโยวขึ้นมาในทันที
การเคลื่อนไหวเช่นนี้ ทำให้ฉู่หวูโยวยิ่งทนไม่ไหวอีกต่อไป ความพะอืดพะอมที่รุนแรงยิ่งขึ้นทำให้นางแม้อยากจะควบคุมก็ไม่สามารถควบคุมได้
นางอ้าปากออกมาในบัดดล ของที่ปั่นป่วนอยู่ในกระเพาะก็ปะทุขึ้นมา
“ฉู่หวูโยว เจ้ากล้า?” ซวนหยวนหรงโม่ที่เพิ่งจะโอบนางขึ้นมาเมื่อเห็นท่าทางของนางก็ส่งเสียงข่มขู่
เพียงแต่ในคำพูดคฎจานั้นกลับไม่ออกถึงเจตนาของความเกลียดชังหรือความโมโหอะไรเลย ในทางตรงกันข้ามความเย็นชาที่มีใบเวลาปกติก็ยังลดลงไปหลายเท่าตัวด้วยซ้ำ
เพียงแค่ไม่มากเกินไป นางก็ยอมรับได้ ยังไงนางอาเจียนใส่ตัวคนอื่นเขาทั้งตัว อีกอย่างเขายังมีน้ำใจช่วยนางลงมาจากบนเรือด้วย
ซวนหยวนหรงโม่รับรู้ได้ถึงการหลบหลีกอย่างรวดเร็วนั้นของนาง ดวงตาทั้งคู่ก็หรี่ลงครู่หนึ่ง
แล้วก็เห็นท่าทางที่ดูเชื่อฟังของนาง เหมือนกับครั้งนั้นที่พบเห็นที่ฮองไทเฮาไม่มีผิดเลย
ดูเหมือนว่านางจะชอบใช้การแสดงออกภายนอกที่ดูเชื่อฟังว่าง่ายเช่นนี้มาทำให้คนหลงใหล!
มุมปากของซวนหยวนหรงโม่ก็แอบเหยียดรอยยิ้มบางๆ ที่เหมือนว่าจะยิ้มก็ไม่ยิ้มออกมา จากนั้นก็ถอดชุดของตนเองออกมา แล้วส่งให้ฉู่หวูโยว: “เจ้าเป็นคนทำ เจ้าต้องซัก”
ในตอนนี้เสียงของเขาดูเหมือนว่าจะมีความเย็นชาลดลงจากปกติไปบ้าง แต่ก็ยังคงแอบแฝงความผิดปกติซ่อนอยู่บ้าง
แม้ว่าตอนนี้จะเป็นฤดูร้อน แต่ด้านในกลับยังใส่เสื้อทับอยู่เลย อีกอย่างเสื้อทับก็ค่อนข้างรัดกุมด้วย ในตอนนี้ถอดเสื้อตัวนอกออกก็ไม่มีปัญหาอะไร
ซู่เฟิงที่เดิมทีเห็นนายท่านของตนเองถอดเสื้อออกมาก็อยากจะเข้ามารับเอาไว้ก็อึ้งไปเลย เขาที่เย็นชามาโดยตลอดก็อึ้งไปทันที เห็นได้ชัดว่าใบหน้านั้นก็มีความประหลาดใจขึ้นมาอย่างมาก
“ฮะ?” ฉู่หวูโยวอึ้งงันไป นี่ก็คือปฏิกิริยาตอบสนองของเขางั้นหรือ? ‘บทลงโทษ’ ของเขางั้นหรือ?
“ทำไม? ฟังคำพูดของข้าไม่ชัดหรือไง?” เมื่อเห็นท่าทางยืนอึ้งไปของนางนั้น อารมณ์ของซวนหยวนหรงโม่ก็ดีขึ้นมาเยอะเลยอย่างไม่รู้ตัว: “หรือว่าจะไม่รับผิดชอบ?”
“ข้าซัก ข้าซัก” ฉู่หวูโยวที่ดึงสติกลับมาได้ก็รีบรับชุดข้ามมาจากมือของเขาอย่างรวดเร็ว
ฉู่หวูโยวแม้แต่คิดก็ยังไม่คิดเลย ก็เดินไปที่ริมทะเลสาบ ใช้แรงเขย่าชุดไปมาในน้ำ
ของที่นางอาเจียนออกมาเมื่อครู่ ก็เขย่าไปตามเช่นกัน ทั้งหมดก็ถูกล้างออกไปแล้ว
ดวงตาทั้งคู่ของซู่เฟิงถลึงออกมา มองไปยังผู้หญิงที่กำลัง ‘ซัก’ ชุดของท่านอ๋องอยู่อย่างไม่อยากจะเชื่อสายตาตัวเอง มุมปากของซู่เฟิงเผยอขึ้นมาอย่างโหดๆ ครู่หนึ่ง คุณหนูฉู่ซักเสื้อผ้าให้ท่านอ๋องเช่นนี้งั้นหรือ?
เสื้อผ้าของท่านอ๋อง ปกติก็ไม่ให้คนนอกได้แตะต้องอยู่แล้ว
ซวนหยวนหรงโม่ยืนอึ้งไปในชั่วขณะนั้นครู่หนึ่ง สีหน้าค่อยๆ เกิดความเคร่งขรึมมืดมนขึ้นมาเล็กน้อย มือทั้งคู่ดูเหมือนว่าก็จะกำแน่นตามความรู้สึกไปด้วย ไม่รู้ว่าอยากจะบีบคอของใครบางคนหรือเปล่า
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: น้องนางชายาบ๊องป่วนนคร
555น้องแสบ...
รออ่านน้า ชอบ มากเลยค่ะทุกเรื่องที่แอดลง อ่ะ...