ดวงตาของเหล่าไท่ไท่กลายเป็นสีแดง และรู้ว่าลูกสาวผู้นี้ของนางไม่รู้จะฟื้นขึ้นมาเมื่อไหร่ จึงทำได้แค่ตอบรับกลับไป
“งั้นหากร่างกายของเจ้าทนไม่ไหวก็ให้ไปเรียกต้าไห่” เหล่าไท่ไท่บอกกับสวีฉางหลิน
สวีฉางหลินพยักหน้า เหล่าไท่ไท่ถึงหันไปหาโจวต้าไห่พร้อมพูดว่า “ไปกันเถอะ ไปทานข้าวเช้ากันก่อน”
โจวต้าไห่ตอบรับ เข้าไปในห้องครัวเพื่อนำอาหารออกมา รีบทานอย่างรวดเร็ว เช็ดแก้มที่เปื้อน พาเจ้าก้อนน้อยกลับไปนอนบนเตียงเตาที่ห้องของตนเอง
เหล่าไท่ไท่ทานอิ่มแล้ว เก็บเตาและอุปกรณ์ทานอาหารเป็นอันเรียบร้อย นางเดินไปยังห้องของโจวกุ้ยหลานก่อนที่นางจะแต่งงาน วางผ้าห่มลงบนเตียงเตา นอนและหลับตาลง
ในห้อง สวีฉางหลินนั่งอยู่บนเก้าอี้ มองไปที่โจวกุ้ยหลานที่นอนอยู่บนเตียงอย่างเงียบ ๆ
เมื่อฟ้าสว่าง โจวต้าซานเดินเข้ามา เหลือบตามองโจวกุ้ยหลานที่อยู่บนเตียง
สวีฉางหลินเทน้ำให้เขาถ้วยหนึ่ง และบอกให้เขานั่งตรงม้านั่งข้างเตียง จากนั้นเขาก็นั่งลงด้วยตัวเอง
“เมื่อวานเป็นอย่างไรบ้าง” โจวต้าซานจ้องมองโจวกุ้ยหลานที่กำลังหลับอยู่และถามออกมา
“ไม่รู้ว่าจะฟื้นขึ้นมาเมื่อไหร่”
สวีฉางหลินตอบกลับไป เสียงของเขาดูแหบแห้งเล็กน้อย
โจวต้าซานดื่มน้ำเข้าไป วางถ้วยลงบนโต๊ะด้านข้าง หันหลังกลับ เงียบอยู่ครู่หนึ่งและพูดออกมาว่า “เมื่อคืนวานข้าตามลุงโหยวเกินเข้าไปในบ้านของพวกเจ้า จึงรู้สึกถึงความผิดปกติ ต้นไม้ที่พวกเจ้าตักก็ตากแดดไว้โดยรอบๆ บ้านเลยงั้นหรือ?”
“มีคนจงใจวางเพลิง” สวีฉางหลินเองก็ไม่อ้อมค้อม นางพูดกับโจวต้าซานอย่างตรงไปตรงมา
“เจ้าเองก็รู้งั้นหรือ?”
สีหน้าของโจวต้าซานเคร่งขรึมขึ้นทันที
สวีฉางหลินกำหมัดแน่น ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยความแค้น “มีไม้กองอยู่ด้านหน้าทั้งประตูและหน้าต่าง แถมยังมีต้นไม้และใบไม้ มันจะต้องมีคงจงใจวางไว้อย่างแน่นอน ตรงประตูและหน้าต่างก็มีกลิ่นน้ำมันอยู่ด้วย มีคนมาราดน้ำมันเอาไว้”
แม้ว่าเมื่อคืนจะค่อนข้างรีบร้อน แต่เขาก็ยังไม่ลืมรายละเอียดเหล่านี้
เห็นกันอยู่ว่าก่อนที่เขาจะส่งเหล่าไท่ไท่และโจวต้าไห่กลับมา พรรยาได้พาเสี่ยวเทียนไปอาบน้ำแล้ว เป็นไปไม่ได้ที่นางลืมดับเพลิง
และต่อให้นางไม่ระวังตัวทำให้เกิดเพลิงไหม้ เพลิงก็ต้องไหม้ออกมาจากด้านในของห้อง ไม่ใช่ไหม้ออกมาจากด้านนอก
“ที่ข้ามาที่นี่วันนี้ อย่างแรกมาเพื่อดูอาการของกุ้ยหลาน อย่างที่สองเพื่อนำเรื่องนี้มาบอกเจ้า เจ้าต้องการอะไรก็แค่หยิบกฎระเบียบออกมา ลุงใหญ่และพวกลูกผู้พี่ชายจะช่วยเจ้าเอง”
โจวต้าซานจ้องมองโจวกุ้ยหลานที่อยู่บนเตียงพร้อมกับถอนหายใจ
นี่คือการลอบวางเพลิงเพื่อหวังเอาชีวิตคน พวกเขาอยู่ในหมู่บ้านแห่งนี้มาหลายปีก็ไม่เคยเจอกับเรื่องพวกนี้ ช่างน่าตกใจเหลือเกิน
อีกอย่าง ในตอนนี้หลานสาวของเขาต้องทนทุกข์ทรมาน หัวใจของเขาก็ยิ่งเจ็บปวด
“ลุงใหญ่คิดว่าควรจะทำอย่างไรดี?”
สวีฉางหลินถามโจวต้าซาน
โจวต้าซานเช็ดหน้าของเขาพร้อมพูดว่า “หากตามความคิดของข้า พวกเราต้องรายงานเรื่องที่น่าอับอายนี้ มอบเรื่องนี้ให้ฝ่ายราชการจัดการ จับคนผู้นั้นมาตัดหัวให้ได้!”
ในท้ายสุดท้ายโจวต้าซานเองก็ไม่สามารถซ่อนความโกรธของเขาได้อีกต่อไป
คนแบบนี้สมควรโดนตัดหัว !
“ยังไม่ต้องรายงานฝ่ายราชการ” สวีฉางหลินปฏิเสธออกไปทันที
เขาในตอนนี้ยังไม่เหมาะที่จะไปยุ่งเกี่ยวกับคนของฝ่ายราชการ
โจวต้าซานยังอยากจะพูดอะไรออกมา แต่เมื่อเหลือบมองดูสวีฉางหลิน เขาก็กลืนสิ่งที่เขาต้องการพูดลงไปทันที
หลานเขยคนนี้ดูเหมือนจะไว้ใจได้ ในใจคงมีความคิดอะไรอยู่ เขาจึงไม่อยากจับจ้องหรือเข้ามายุ่งกับเรื่องนี้มากนัก
“เจ้ามีแผนอยู่ในใจ”
โจวต้าซานลุกขึ้นยืนพลางพูด “งั้นข้าขอตัวก่อน เจ้าดูแลกุ้ยหลานให้ดี มีอะไรก็บอกข้าได้ หากขาดแคลนเรื่องเงินก็สามารถไปเอาที่ข้าได้”
“ขอบคุณลุงใหญ่มาก” สวีฉางหลินพูดออกมาพร้อมกับลุกขึ้นยืน คิดจะเดินออกไปส่งโจวต้าซาน
เข้าใจในความหมายของการเคลื่อนไหว โจวต้าซานหยุดเขาไว้ บอกให้เขานั่งลงตรงที่เดิม “ไม่ต้องลุกขึ้นมาหรอก ข้าเองก็ไม่ใช่แขกด้วย เจ้าดูแลกุ้ยหลานให้ดี ข้าขอตัวก่อน”
เห็นความแน่วแน่ของเขา สวีฉางหลินก็ยอมปล่อยให้เป็นไปตามความต้องการของเขา เฝ้ามองเขาเดินหลังค้อมออกไป
ลุงใหญ่ผู้นี้จริงใจกับพวกเขาเป็นอย่างมาก ดูแล้วญาติพี่น้องของพรรยาก็ไม่เลว หากในอนาคตมีกำลังมากพอ เขาจะตอบแทนบุญคุณอย่างแน่นอน
โจวกุ้ยหลานอยู่ในความงุนงง เขาฝันว่าไฟไหม้บ้านมาโดยตลอด ตอนนี้นางกำลังจะถูกไฟเผาตายแล้ว
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: นางน้อยจอมพลังของนายพลบ้านนา
รอ บทต่อไปค่ะ...