โจวกุ้ยหลานโกรธจนอยากจะฟาดเขาแรงๆ!
แทบอยากจะเปิดสมองของเขาดูเสียเดี๋ยวนี้ว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่กันแน่
โจวต้าไห่ที่อยู่ข้างๆ ก้มหน้าก้มตา ทำเป็นไม่รู้ไม่เห็นอะไรทั้งสิ้น
โจวกุ้ยหลานคว้าแขนของสวีฉางหลินเต็มแรงและเอ่ยอีกว่า “พยักหน้าสิ!”
สวีฉางหลินไม่ขยับเขยื้อนแม้แต่น้อยและปล่อยให้ภรรยาจับเขาอยู่อย่างนั้น
นางไม่ชอบให้เขาสัมผัสนางจริงๆ ไม่งั้นทำไมจนถึงตอนนี้นางยังไม่นอนกับเขาสักที
หรือนางจะมีคนอื่นในใจอยู่แล้ว นางจึงไม่ยอมให้เขาแตะต้อง ต่อไปพอหาโอกาสได้ นางจะหนีไปกับชายอื่นงั้นหรือ
เมื่อนึกถึงสายตาที่ไป๋ยี่เซวียนมองน้องนางของเขาเมื่อครู่นี้ ไฟโทสะในใจก็พลุ่งพล่านขึ้นมาทันที
เขาเอื้อมมือไปกอดเอวน้องนางเอาไว้ แกะมือของนางออกและเอ่ยด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความโกรธเคือง “เจ้าชอบไป๋ยี่เซวียนใช่หรือไม่”
“อะไรนะ” โจวกุ้ยหลานชะงักงัน
“เจ้าอยากแต่งงานกับเขา อยากเขาสัมผัสเจ้างั้นหรือ” สวีฉางหลินพูดไป คิ้วก็ยิ่งขมวดกันแน่น ร่างกายของเขาแทบจะระเบิดออก และโทสะในน้ำเสียงก็ยิ่งเพิ่มพูน
โจวกุ้ยหลานสงสัยว่าหูของตนอาจจะมีอะไรผิดปกติ หรือไม่สมองของสวีฉางหลินก็ผิดปกติเสียเอง!
นางไม่อาจดึงมือออกจากการเกาะกุมของสวีฉางหลิน ดังนั้นจึงใช้มืออีกข้างปิดปากของเขา กันไม่ให้เขาพูดอะไรที่ไม่เหมาะสมออกมาอีก
“สวีฉางหลิน ข้าขอเตือนเจ้า ถ้าเจ้าพูดจาเหลวไหลอีกละก็ ข้าจะวางยาพิษเจ้าจนตายเลยคอยดู!”
โจวกุ้ยหลานโกรธจนหน้าแดง
ที่นี่คือที่ไหน นี่มันในโรงเตี๊ยมของไป๋ยี่เซวียน! นอกจากนี้พี่ชายของนางยังอยู่ด้วย! จะบ้าอย่างไรก็ต้องดูสถานที่บ้าง!
พอสวีฉางหลินได้ยินน้องนางบอกว่าจะวางยาพิษเขาจนตาย ภายในใจก็ยิ่งคิดไปในทางที่ไม่ดี
เมื่อเห็นสีหน้าที่ผิดปกติของเขา โจวกุ้ยหลานจึงเอ่ยอย่างโมโหว่า “ตอนนี้น่ะ ถ้ามีอะไรจะพูดก็ให้ยั้งไว้ก่อน ถ้าโกรธก็ระงับเอาไว้ อยากจะคิดเพ้อเจ้ออะไรก็เรื่องของเจ้า ไว้กลับไปเมื่อไรเราค่อยมาเถียงกัน!”
นางไม่อยากจะเถียงกับเขาต่อหน้าโจวต้าไห่ มันน่าเสียหน้าเกินไป!
ปากของสวีฉางหลินถูกปิดไว้ ทำให้เขาพูดอะไรไม่ได้และได้แค่มองโจวกุ้ยหลานเงียบๆ
โจวกุ้ยหลานเอ่ยอย่างโหดๆ อีกครั้งว่า “ถ้าเข้าใจก็พยักหน้า!”
คราวนี้สวีฉางหลินพยักหน้าตามที่นางต้องการ
โจวกุ้ยหลานปล่อยมือและตีมือเขาที่จับเอวนางไว้ “ปล่อยมือ!”
สวีฉางหลินปล่อยมือตามที่นางสั่ง แม้แต่มือที่จับแขนของนางก็ยอมปล่อยออกมาด้วย
หลังจากกลับมานั่งที่ของตัวเอง นางก็หยิบตะเกียบขึ้นมาคีบอาหารโดยไม่สนใจผู้ชายที่นั่งอยู่ข้างๆ
สวีฉางหลินที่อยู่ข้างๆ เห็นดังนั้นจึงได้แต่ยกชามของตนเองขึ้นมากิน
เมื่อโจวต้าไห่ที่นั่งอยู่ข้างๆ เห็นทั้งคู่เลิกทะเลาะกัน เขาจึงลอบถอนหายใจอย่างโล่งอก
ทั้งสามคนกินอาหารอย่างเงียบๆ จนอิ่ม และในระหว่างนั้นไป๋ยี่เซวียนก็ไม่ได้มาปรากฏตัวให้เห็นอีก
โจวกุ้ยหลานตะโกนเรียกลูกจ้างให้มาช่วยนางห่ออาหารที่ยังกินไม่หมด ส่งให้สวีฉางหลินถือลงไปข้างล่าง จากนั้นจึงเดินไปที่โต๊ะคิดเงินเพื่อจ่ายเงิน
ลูกจ้างผู้นั้นรีบโบกมือบอกปัดนาง “เถ้าแก่ของข้าบอกว่า มื้อนี้ให้จดไว้ที่บัญชีของเขาขอรับ”
“ทำแบบนั้นได้ยังไง ถึงอย่างไรพวกเจ้าก็เปิดกิจการเพื่อทำการค้า มีเหตุผลอะไรถึงมาให้พวกข้ากินกันเปล่าๆ” โจวกุ้ยหลานกล่าว จากนั้นจึงหันไปมองคนทำบัญชี “รบกวนคิดเงินด้วย พวกข้าต้องจ่ายเท่าใด”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: นางน้อยจอมพลังของนายพลบ้านนา
รอ บทต่อไปค่ะ...