คราวก่อนนางกลับบ้านก็ได้กินเนื้อหมูนิดหนึ่ง คราวนี้ยังได้ดื่มซุปถ้วยใหญ่อย่างนี้อีก นางแทบจะกลืนลิ้นของตัวเองแล้ว
เหล่าไท่ไท่ทางนั้นถลึงตาใส่โจวกุ้ยหลานทีหนึ่ง แต่อย่างไรก็ไม่ได้ตำหนิบุตรสาวคนเล็กของตัวเองต่อหน้าทุกคน
อาหารในบ้านแย่ตรงไหน? กินข้าวขาวทั้งวัน ขาดข้าวขาวมื้อหนึ่ง บุตรสาวคนเล็กยังต้องมีปัญหากับนาง!
โจวคายจือน้ำตารื้น รีบยกถ้วยซุปของตัวเองขึ้นดื่ม ปกปิดอารมณ์ของตัวเอง
อย่างไรก็บ้านมารดาดี บ้านแม่สามี...
ครั้นคิดถึงตรงนี้ นางก็รีบข่มอารมณ์ของตัวเอง ก้มหน้ากินอาหาร
เหล่าไท่ไท่รู้ว่าบุตรสาวคนโตของตัวเองเป็นพวกเก็บความในใจ และเป็นพวกที่หากมีของดีก็ไม่กล้าเอื้อมตะเกียบ ดังนั้นจึงคีบกับข้าวให้นางสองสามที
จากนั้นก็คีบเนื้อให้โจวต้าไห่ทีหนึ่ง ลุกขึ้นยืนยังตักน้ำซุปให้สวีฉางหลินอีกถ้วยหนึ่งด้วย
สำหรับบุตรสาวคนเล็ก นางตักของนางเอกได้ ยังต้องให้นางตักให้อีกหรือ?
โจวกุ้ยหลานก็ไม่คิดจะให้เหล่าไท่ไท่บริการ กินเนื้อกินข้าวของตัวเองไป
อื่ม ฝีมือการทำอาหารของเหล่าไท่ไท่ยังแย่เหมือนเดิม เนื้อก็ใช้น้ำต้มเอา ไม่อร่อยเอาเสียเลย!
ขณะที่ทุกคนกินอาหารเย็น เหล่าไท่ไท่ก็เอ่ยถามถึงเรื่องครอบครัวกับโจวคายจือ โจวคายจือบอกว่าดีหมด ไม่บอกอะไรเหล่าไท่ไท่ทั้งนั้น เหล่าไท่ไท่ถามสองสามประโยค รู้สึกเบื่อจึงคร้านจะถามอีก
กระทั่งกินอาหารเสร็จ โจวคายจือก็เก็บถ้วยตะเกียบล้างให้สะอาดร่วมกับหลิวเซียง
เหล่าไท่ไท่ลากโจวกุ้ยหลานไปที่ห้องว่าง หยิบผ้าห่มปูบนเตียงเตา
นางปิดประตู ขยับเข้าข้างหูบุตรสาวคนเล็กของตัวเองกระซิบ “กุ้ยหลาน เจ้ารู้สึกว่าพี่สาวใหญ่เจ้าแปลกๆ หรือไม่?”
โจวกุ้ยหลานสืบค้นจากความทรงจำครู่หนึ่ง ในความทรงจำ เหมือนว่าพี่สาวใหญ่ก็เป็นอย่างนี้นั่นแหละ “ไม่แปลกนี่”
“ปกติว่าเจ้าฉลาด ทำไมตอนนี้กลับโง่เสียได้? ช่างเถอะๆ คืนนี้ข้าจะนอนกับนาง ข้าจะถามนางให้ชัดเอง”
“พี่สาวใหญ่นอนกับท่าน? แล้วปูเตียงนี่ทำไมเล่า?” โจวกุ้ยหลานถาม แต่ก็ยังสะบัดผ้าห่มปู
“หลิวเซียงอย่างไรเล่า คืนนี้ให้นางนอนที่นี่” เหล่าไท่ไท่ตอบ
ก่อนหน้านี้ที่เหล่าไท่ไท่นอนกับนางทุกวันก็เพื่อจับตามองว่านางเป็นคนอย่างไร ดูท่าพอพี่สาวใหญ่มา หลิวเซียงก็มีห้องเป็นของตัวเองแล้ว
โจวกุ้ยหลานมองห้องอิฐในบ้าน รู้สึกเพียงบ้านหลังนี้ช่างใหญ่นัก มีหลายห้องด้วย
ครั้นทั้งสองปูเตียงเสร็จ โจวกุ้ยหลานก็กลับห้องของตัวเอง เห็นสวีฉางหลินกำลังจับมือเจ้าก้อนน้อยขีดเขียนตัวอักษรบนพื้น
โจวกุ้ยหลานเลิกคิ้ว “ทำไมเจ้ายังไม่ไปอีก?”
“อยู่เป็นเพื่อนลูก” สวีฉางหลินกล่าวคำอธิบายของตัวเองทันที
โจวกุ้ยหลานเบะปาก ต่อให้นางใช้อำนาจอย่างไร แต่ก็ห้ามให้คนอยู่กับบุตรชายตนเองไม่ได้กระมัง?
นางเดินไป เห็นเจ้าก้อนน้อยหยิบกิ่งไม้ขีดเขียนตัวอักษรบูดๆ เบี้ยวๆ อยู่ด้านข้าง
“นี่คือตัวอะไร?” โจวกุ้ยหลานชี้ตัวอักษรอันซับซ้อนบนพื้น ถาม
เจ้าก้อนน้อยตอบอย่างลิงโลด “อักษรเทียน!”
“นี่คือเทียน? ทำไมขีดเยอะอย่างนี้?” โจวกุ้ยหลานถามกลับอย่างไม่กล้าเชื่อ
อักษรนี้จะดูอย่างไรก็มีสิบกว่าขีด อักษร ‘เทียน’ ในยุคปัจจุบันของนางมีแค่สี่ขีดเอง!
“อื่ม เสี่ยวเทียนรู้จักตัวอักษรแล้ว!” เจ้าก้อนน้อยแหงนหน้าเอ่ยกับโจวกุ้ยหลาน
ใบหน้าโจวกุ้ยหลานชักกระตุก ตัวอักษรนี่ยุ่งยากขนาดนี้ ต้องเปลืองเวลาเขียนเท่าไรเนี่ย!
ขณะกำลังคิดนางก็เห็นเจ้าก้อนน้อยจ้องนางเขม็ง ท่าทางรอคอย โจวกุ้ยหลานพลันรับทราบ เอื้อมมือลูบศีรษะของเขา ยิ้มตาหยีเอ่ย “เสี่ยวเทียนเก่งมาก!”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: นางน้อยจอมพลังของนายพลบ้านนา
รอ บทต่อไปค่ะ...