โจวคายจือสีหน้าพลันเปลี่ยน ราวกับยังมีความกลัวอยู่เล็กน้อย เช็ดมือกับผ้ากันเปื้อนอย่างมือไม้พัลวัน น้ำเสียงสั่นเครือ “ท่านแม่ ท่านแม่เรียกข้า...เรียกข้าทำไมหรือ?”
“ข้าก็ไม่รู้เหมือนกัน พี่ไปถามดูเถอะ” โจวกุ้ยหลานไม่อยากพูดกับนางมาก เดินสองสามก้าว หยิบตะหลิวขึ้นมาผัดอาหารแทนตำแหน่งโจวคายจือ
โจวคายจือยังอยากถามโจวกุ้ยหลาน แต่พอเห็นนางกำลังทำกับข้าวอยู่ จึงกลืนคำพูดตรงปากลงไป
ต่อให้กลัวอย่างไร ตอนนี้ก็ไม่กล้าให้มารดารอนาน
นางแข็งใจเดินออกไปข้างนอก โจวกุ้ยหลานเห็นดังนั้นจึงบอกกับนาง “ท่านแม่อยู่ในห้องข้า”
“ได้!” โจวคายจือขานรับ ย่างเท้าเดินออกห้องครัวแล้วเดินไปทางห้องของโจวกุ้ยหลาน เมื่อเข้าไปถึงก็เห็นเหล่าไท่ไท่กำลังนั่งขัดสมาธิอยู่บนเตียงเตา จากนั้นนางก็ขาสั่น
เหล่าไท่ไท่เห็นท่าทางไม่เอาไหนของนางแล้ว อารมณ์โกรธในใจจึงเพิ่มทวีคูณ
“ยังอืดอาดยืดยาดทำอะไร? รีบปิดประตูสิ ข้ามีเรื่องจะพูดกับเจ้า!”
“ได้...ได้...” โจวคายจือตอบ แต่ด้วยเท้าที่ทำอะไรไม่ถูกจนไม่ได้ยกขึ้น จึงหวิดจะสะดุดธรณีประตูล้ม
นางรีบยืนให้มั่นคง แล้วสาวเท้าเดินเข้าไป ปิดประตู
เหล่าไท่ไท่มองสำรวจนาง ยิ่งเห็นบุตรสาวคนโตก็ยิ่งหงุดหงิด
ทำไมคนที่พูดจายังไม่กล้าเงยหน้าอย่างนี้จึงคลานออกมาจากท้องนางได้? พูดออกไปก็มีแต่ขายหน้านางสวีเหมยฮวา!
“ข้าคิดเรื่องที่เจ้าพูดเมื่อคืนแล้ว อย่างไร เจ้ารู้สึกว่าข้าให้น้องเล็กเจ้าอยู่บ้านกินข้าวเปล่าๆ เจ้าก็เลยกลับมาเอาธันยพืชได้หรือ?”
“เปล่า...ท่านแม่ข้าไม่...”
โจวคายจือร้อนรนอยากอธิบาย นางหรือจะกล้าตำหนิมารดาของตน?
“อย่าคิดจะพูดเรื่องไร้สาระเหล่านั้นกับข้า ลูกสาวที่แต่งงาน น้ำที่สาดออก อย่างไรก็ไม่มีเหตุผลที่เจ้าจะกลับมาเอาธันยพืช เจ้าเป็นสะใภ้ของพวกเขาตระกูลซุนกินอยู่ก็ควรเป็นของตระกูลซุน สำหรับน้องเล็กเจ้า นี่เพราะนางประสบภัยถึงได้มาอยู่ที่นี่ระยะหนึ่ง อีกอย่าง ธันยพืชในบ้านนางก็เป็นคนซื้อ ผ้าห่มนี่ก็เป็นนางซื้อ ถ้าเจ้าซื้อของพวกนี้กลับมา ข้าก็จะให้เจ้ากลับมาอยู่”
โจวคายจือเบิกตาโพลง ไม่อยากเชื่อในสิ่งที่ตนได้ยิน
น้องเล็กใจกว้างขนาดนี้เชียว ซื้อของให้ที่บ้านตั้งมากมาย?
“ท่านแม่ ที่ท่านพูดจริงหรือ? น้องเล็ก...น้องเล็กเอาเงินมาจากไหน? คงไม่ใช่...ไม่ใช่...”
“ข้ามีปัญญาหาเงินหรือ? ถ้าข้ามีเรือกสวนยังพอว่า!” เหล่าไท่ไท่พูดแทรก
“ข้าไม่สนว่าบ้านแม่ผัวพวกเจ้าจะรู้มาจากไหนว่าบ้านเรามีเงิน วันนี้ข้าจะบอกเจ้า บ้านเราสุขสบายกว่าเมื่อก่อนแล้ว แต่นั่นก็เป็นเพราะน้องเขยเจ้า เขามีความสามารถช่วยให้พวกเราได้กินข้าวอิ่ม แต่ต่อให้บ้านเรามีเงินอย่างไร นั่นก็เป็นของต้าไห่ ไม่เกี่ยวกับเจ้า เจ้าอย่าหวังไปเลย”
เหล่าไท่ไท่เถรตรง มีอะไรก็ว่าตามนั้น ต่อไปนางจะได้ไม่ถูกบ้านแม่สามีใช้กลับมาบ่อยๆ
โจวคายจือตกใจจนพูดไม่ออก
ตั้งแต่เมื่อวานกลับมา ของกินในบ้านทำให้นางไม่อยากจะเชื่อ ในบ้านกินเนื้อดื่มซุปได้ตั้งแต่เมื่อไร? แถมในห้องครัวนอกจากข้าวโพดหนึ่งถุงแล้วยังมีข้าวสารอีกหลายจิน
บ้านมารดาอยู่สุขสบายแล้ว แต่บุตรสาวนางยังกินไม่อิ่มท้อง แล้วยังสี่เอ๋อร์ของนางอีก ตอนนี้ยังไข้ขึ้นอยู่...
คิดแล้วน้ำตาก็ไหลพรากออกมา นางโผเข้าอกเหล่าไท่ไท่ ขอร้องนาง “ท่านแม่ ท่านช่วยสี่เอ๋อร์เถอะ นางนอนอยู่บนเตียงเตาสี่วันแล้ว ขืนช้าอีกนางต้องตายแน่!”
เหล่าไท่ไท่คิดไม่ถึงว่านางจะโผเข้าอกตนกะทันหัน เห็นนางร้องไห้เสียใจขนาดนี้ จึงยื่นมือตบหลังนาง แล้วถอนหายใจ
ต่อให้รู้สึกว่านางไม่เอาไหนอย่างไร แต่นั่นก็เป็นเลือดในอกของนาง นางจะทอดทิ้งได้อย่างไร?
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: นางน้อยจอมพลังของนายพลบ้านนา
รอ บทต่อไปค่ะ...