“นั่นก็มิใช่พวกเขาร่วมกันให้หรือ? ทำไมพี่ฉางหลินต้องโทษโจวกุ้ยหลานด้วยล่ะ?” โจวชิวเซียงไม่เข้าใจจริงๆ ถามต่อ
จางเสี่ยวจุ๋ยดูถูกนางในใจอีกหน ทว่าบนใบหน้ายังคงเป็นรอยยิ้มเอาใจ เอ่ยกับนาง “นั่นเพราะสวีฉางหลินไม่ได้อยู่กับคนในหมู่บ้าน เขาต้องคิดว่ากุ้ยหลานกับคนบ้านแม่เป็นคนเอาเรื่องเผาถ่านพูดออกไปแน่ แล้วนั่นจะไม่ผิดใจกับนางหรือ?”
พูดแบบนี้ก็เหมือนว่าจะมีเหตุผล
โจวชิวเซียงคิดออกรสอยู่ในใจ จากนั้นก็ถาม “แล้วทำไมเรื่องนี้ถึงไม่สำเร็จ?”
“ยังไม่ใช่เพราะกุ้ยหลานต่อกรยากหรือ? ไม่รู้นางคิดอย่างไรสิน่า ไปหาผู้ใหญ่บ้านให้สร้างบ้านให้ ผู้ใหญ่บ้านได้เงินจากนางยังจะไม่ช่วยหรือ? พอคนในหมู่บ้านไปหาพี่เกินก็ถูกไล่กลับไปหมด คนพวกนั้นอยากเอาเรื่องกับพวกเขา แต่มีผู้ใหญ่บ้านปกป้อง แล้วจะเอาเรื่องอย่างไร?”
ครั้นจางเสี่ยวจุ๋ยเอ่ยถึงเรื่องนี้ ใบหน้าก็มีความหวั่นนิดๆ
หลานสาวคนนี้ก็เก่งจริง ยังจัดการเรื่องนี้ได้ง่ายๆ อย่างนี้ รับมือยาก...
“แล้วจะทำอย่างไร? จะให้นางอยู่สุขสบายอย่างนี้หรือ?” โจวชิวเซียงขมวดคิ้ว เสียงดังขึ้นเล็กน้อย
ครั้นคิดว่าโจวกุ้ยหลานสุขสบายอยู่ในบ้าน นางก็หงุดหงิด แถมยังได้อยู่กับพี่ฉางหลินอีก
จางเสี่ยวจุ๋ยรีบปลุกปลอบ “ไม่เป็นไร อีกสองวันบ้านนางก็สร้างเสร็จแล้ว ผู้ใหญ่บ้านก็จะไม่ได้เงินจากนางอีก แล้วเขายังจะปกป้องนางอีกหรือ? กลัวแต่ผู้ใหญ่บ้านเองก็อยากได้วิธีเผาถ่านเหมือนกัน!”
จางเสี่ยวจุ๋ยเอ่ย สีหน้าผ่อนคลายลงเล็กน้อย
“อย่ามาหลอกข้าเลย! ขอเพียงท่านทำให้โจวกุ้ยหลานซมซานยิ่งกว่าข้าได้ ข้าก็จะไม่แพร่งพรายเรื่องของท่าน ไม่อย่างนั้น...” ว่าแล้วโจวชิวเซียงก็ถลึงตากับจางเสี่ยวจุ๋ยหนัก
“แน่นอน เรื่องนี้ข้ารับปากแล้ว ต้องช่วยเจ้าจัดการแน่ แต่เรื่องนี้จะรีบไม่ได้ เจ้าก็รู้ว่ากุ้ยหลานจัดการยากขนาดไหน” จางเสี่ยวจุ๋ยรีบเอ่ย
เรื่องนี้นับว่าเกลี้ยกล่อมโจวชิวเซียงได้แล้ว ตอนนี้นางไม่พูดอะไรอีก หยิบปลอกแขนขนสัตว์ขึ้นมาจากเตียง แล้วยื่นให้จางเสี่ยวจุ๋ย “ปลอกแขนขนจิ้งจอกสองข้างนี่ให้ท่านแล้วกัน ”
จางเสี่ยวจุ๋ยดีใจ รีบรับมา ลูบคลำ สัมผัสของขนนี่ดีเสียนี่กระไร
“ยังเป็นชิวเซียงที่ใจกว้าง!”
โจวชิวเซียงเหลือบมองนาง เชิดหน้า “ขอเพียงท่านช่วยข้าทำให้โจวกุ้ยหลานซมซานได้ มีของดีเยอะแยะ!”
เรื่องนี้จางเสี่ยวจุ๋ยไม่สงสัยสักนิด เพราะที่นั่งอยู่ด้านนอกนั่นคือเถ้าแก่เฉียนเชียวนะ! ในบ้านน่ากลัวว่าจะมีเงินทองเป็นภูเขาเลากา ถ้าต่อไปชิวเซียงสามารถแนะนำคนอย่างเถ้าแก่เฉียนให้นางได้ ครึ่งชีวิตหลังนางก็สบายแล้ว
ครั้นคิดอย่างนั้น นางก็ไม่รู้สึกรำคาญโจวชิวเซียงอีก
เพื่อเอาใจโจวชิวเซียง นางจึงรีบบอกเล่าเรื่องที่นางอยู่บ้านตระกูลโจวในระยะนี้ จากนั้นจึงเอ่ย “เจ้าไปหาหลิวเซียงสิ ถ้าเจ้าช่วยให้นางได้แต่งกับต้าไห่ นางต้องยินดีช่วยเจ้าแน่ แบบนี้ พี่สะใภ้รองกับต้าไห่ก็ต้องทะเลาะกัน ต่อไปมีเรื่องอะไรนางก็ยังช่วยเจ้าได้”
โจวชิวเซียงขมวดคิ้ว พลันเอ่ย “แล้วข้าจะช่วยให้นางแต่งเข้าตระกูลโจวได้อย่างไร? ไม่ใช่ว่าอาสะใภ้รองไม่อยากให้นางแต่งเข้าบ้านหรือ?”
นั่นอาสะใภ้รองเชียวนะ ใครกล้าแหยม?
จางเสี่ยวจุ๋ยรู้ว่านางไม่เข้าใจ พลันเอ่ย “เช่นนั้นก็ค่อยว่ากันวันหลัง ถ้าเจ้าไปหานางแล้วบอกว่าจะช่วยให้นางได้แต่งกับตระกูลโจว นั่นยังมิใช่สุดแล้วแต่เจ้าจะต้องการหรือ?”
เหมือนว่าจะเป็นอย่างนี้ หากมีคนช่วยนางอยู่ที่บ้านอาสะใภ้รอง ต่อไปก็ต่อกรกับโจวกุ้ยหลานง่ายขึ้น
เมื่อคิดอย่างนี้ นางก็ตัดสินใจทันที ไปหาหลิวเซียง
เช้าวันที่ยี่สิบห้าเดือนสิบสอง ทั้งครอบครัวขึ้นเขาอีกครั้ง เมื่อคืนหิมะตกอีกแล้ว ตอนนี้จึงมีหิมะเยอะ เดินไม่สะดวก
ทุกคนสร้างกำแพงอยู่ด้านนอก โจวกุ้ยหลานเห็นความคืบหน้า รู้สึกว่าวันนี้น่าจะทำเสร็จแล้ว จึงหารือกับเหล่าไท่ไท่ หลังจากกลับบ้านกินข้าวเที่ยงแล้ว นางจะไปบ้านโจวต้าซาน ซื้อหมูตัวใหญ่จากบ้านโจวต้าซานตัวหนึ่ง
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: นางน้อยจอมพลังของนายพลบ้านนา
รอ บทต่อไปค่ะ...