จากนั้นรับโจ๊กถ้วยโจ๊กใบนั้นมา และยกโจ๊กขึ้นดื่มจนหมด ทั่วทั้งร่างกายอบอุ่นขึ้น นางเริ่มรู้สึกดีขึ้นบ้างแล้ว
ร่างกายอบอุ่น จิตใจย่อมดีขึ้นมาก ตำหนิสวีฉางหลินเองก็น้อยลง
แต่ก็ยังคิดว่าจะให้บทเรียนกับเขาสักหน่อย ไม่อย่างนั้น ถ้าหลังจากนี้เขายังทำแบบนี้กับนางอีก เกรงว่านางจะมีชีวิตอยู่ได้อีกไม่กี่ปี
“วันนี้ตั้งใจว่าจะไปขายถ่าน แต่กลายเป็นว่าขายถ่านเหล่านี้ไม่สำเร็จ ในเมื่อเป็นอย่างนี้ งั้นเจ้าก็ไปปลูกหญ้าเนเปียร์แคระเถอะ” โจวกุ้ยหลานมอบหมายหน้าที่
สวีฉางหลินช่วงนี้ไม่กล้าแหย่หาเรื่องภรรยานัก แบกตะกร้าสานของตัวเองไว้บนหลังแล้วเดินออกไป โจวกุ้ยหลานลุกขึ้นด้วยความยากลำบาก พาเจ้าก้อนน้อยไปขุดไส้เดือนด้านนอก
แน่นอนว่าตอนนี้นางนั่งคุกเข่าลงไม่ไหว จึงทำได้แต่นั่งอยู่ข้าง ๆ มองดูเจ้าก้อนน้อยขุดดิน
เจ้าก้อนน้อยขุดไส้เดือนด้วยความรวดเร็ว ท่านแม่ชอบไส้เดือน ตอนนี้ท่านแม่กำลังป่วยอยู่ ถ้าขุดไส้เดือนได้ท่านแม่ก็จะดีใจ หลังจากที่ดีใจอาการป่วยก็จะหาย......
โจวกุ้ยหลานไม่เข้าใจความคิดของเจ้าก้อนน้อย แต่เมื่อเห็นเจ้าก้อนน้อยขุดดินอย่างมีความสุข จิตใจของนางก็มีความสุขไปด้วย ปล่อยให้เขาทำมันต่อไป
ไม่ทันไร สวีฉางหลินก็กลับมา บนหลังแบกหญ้าเนเปียร์แคระอยู่เต็มตะกร้า
เขาวางตะกร้าลงบนแปลงผักผืนนั้น เนื่องจากโจวกุ้นหลานนั่งอาบแดดอยู่ข้างแปลงผัก เขาจึงพาเจ้าก้อนน้อยไปปลูกหญ้าเนเปียร์แคระด้วยกัน เพียงไม่นาน เขาก็ไปตักน้ำอีกครั้ง นำมารดเมล็ดหญ้าเนเปียร์แคระที่เพิ่งหว่านลงไป
ตลอดช่วงบ่าย โจวกุ้นหลานได้แต่นั่งลง ไม่ได้ขยับไปไหน อาบแสงแดดด้วยความสบายใจ โจวกุ้ยหลานแหงนหน้ามองพระอาทิตย์ รอยยิ้มผุดขึ้นบนใบหน้า
สวีฉางหลินเงยหน้าขึ้น เห็นแม่นางกำลังยิ้มมาที่เขา ในใจก็รู้สึกดีใจ ความเร็วในการทำงานยิ่งเพิ่มขึ้นไปอีก
กระทั่งเขาทำงานจนเสร็จ ท้องฟ้ายังคงเป็นเวลาเช้าอยู่ เขาทำตามคำสั่งของโจวกุ้ยหลาน เก็บหญ้าเนเปียร์แคระของเมื่อวานที่ไม่สดใหม่ไปให้เหล่าไท่ไท่ที่อยู่ในหมู่บ้าน
“มีใครอยู่ไหม ?” ประตูห้องข้าง ๆ มีเสียงเด็กคนหนึ่งดังขึ้น
โจวกุ้ยหลานยกหัวขึ้น ตอบขานรับไปว่า “อยู่นี่ !”
เสียงนั้นเงียบลง เพียงไม่นาน ร่างอันผอมบางก็ปรากฏขึ้นต่อหน้าโจวกุ้ยหลาน
“ที่แท้ก็หลิวอ้ายนี่เอง มีธุระอะไรงั้นหรือ ?” โจวกุ้ยหลานยิ้ม ขณะที่คิดจะลุกขึ้น ก็รู้สึกได้ว่าร่างกายของตนเองนั้นปวดร้าวจนแทบทนไม่ไหว แต่ว่าตอนนี้มีคนมาหา จะให้นางนั่งอยู่ตลอดไปไม่ได้ จึงทำได้แต่ฝืนลุกขึ้นด้วยความเจ็บปวด
หลิวอ้ายที่แบกตะกร้าไว้รีบเดินเข้ามา ถามนางด้วยความเกรงใจว่า “พี่กุ้ยหลาน พี่ยังรับหนังสืออยู่หรือเปล่า ?”
“เจ้าอยากจะแลกอะไรงั้นหรือ ?” โจวกุ้ยหลานเอ่ยปากถามอย่างไม่รีบร้อน
หลิวอ้ายดวงตาเกิดประกายแวววาว รีบวางตะกร้าที่ตนแบกมาลง จากนั้นหยิบหนังสือที่อยู่ด้านในออกมา พลางพูดด้วยความดีใจว่า “ข้าอยากจะแลกกับแป้งหมี่สักหน่อย !”
แป้งหมี่น่ะ.......
โจวกุ้ยหลานครุ่นคิดถึงแป้งหมี่ในบ้าน แต่ว่ามันเหลืออยู่ไม่มากแล้ว
“ที่เจ้าแลกไปคราวนั้นกินหมดแล้วหรือ ?”
“ช่วงนี้ท่านพ่ออยากอาหารขึ้นมากแล้ว ร่างกายก็แข็งแรงขึ้นมาก ข้าแค่อยากจะถามว่า.....” พูดได้เพียงเท่านี้ หลิวอ้ายก็เกิดความเกรงใจขึ้นมา
ก่อนหน้านี้เขากำลังคิดว่าตนเองกำลังเอาเปรียบที่เอาแป้งหมี่กลับไปมากขนาดนั้น แล้ววันนี้ยังกลับมาเอาอีก
“มีอยู่ เจ้าเข้าไปในห้องกับข้าแล้วกัน” โจวกุ้ยหลานพูด จากนั้นพาเด็กทั้งสองเดินเข้าไปในห้องด้านใน
ร่างกายไม่สบาย ท่าทางการเดินของนางจึงแปลกไปสักนิด หลิวอ้ายที่เดินตามมาด้านหลังย่อมสังเกตเห็น
“พี่กุ้ยหลาน ขาพี่เป็นอะไรงั้นหรือ ?”
โจวกุ้ยหลานชะงัก รู้สึกละอายใจ ยกมุมปากขึ้น ยิ้มออกมาด้วยความขัดเขิน “ขาชาน่ะ”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: นางน้อยจอมพลังของนายพลบ้านนา
รอ บทต่อไปค่ะ...