เหล่าไท่ไท่ไม่ค่อยชอบเจ้าก้อนน้อย ไม่เพียงแต่โจวกุ้ยหลานเท่านั้นที่รู้ แต่สวีฉางหลินเองก็รู้เช่นกัน แม้จะพูดได้ว่าฉากหน้าเหมือนจะไม่มีปัญหาอะไร แต่สุดท้ายก็ยังทำให้เด็ก ๆ ได้ยินคำพูดแสลงหู จะสบายใจเท่ากับอยู่บ้านของตัวเองได้อย่างไรล่ะ?
นอกจากนี้ จะอย่างไรเสี่ยวเทียนก็ต้องชอบพ่อแม่ของตัวเองมากกว่าแน่
คราวนี้ สวีฉางหลินค่อยยอมเงยหน้าขึ้นมาสบตากับโจวกุ้ยหลาน น้ำเสียงที่พูดแฝงความน้อยเนื้อต่ำใจ: "น้องนาง พวกเราไม่ได้นอนด้วยกันนานมากแล้วนะ"
ผู้ชายคนนี้นี่....ฟ้ายังไม่ทันมืดเลยนะ!
สีหน้าของโจวกุ้ยหลานออกแววขวยเขินสะเทิ้นอายเล็กน้อย ก้มหน้างุด เบนสายตาออกไปจากเขา: “ทำไมจะไม่ได้นอนล่ะ? ไม่ใช่ว่าได้นอนอยู่ทุกวันหรอกรึ?”
“ข้าไม่ได้นอนกับเจ้ามานานมากแล้ว” สวีฉางหลินไม่เปิดโอกาสให้นางเบี่ยงประเด็นแม้แต่น้อย พูดแบบตรงประเด็นไม่มีอ้อมค้อม
โจวกุ้ยหลานคิดจะหาทางเฉไฉก็ยังไม่ได้
ก่อนหน้านี้พวกเขาเคยนอนด้วยกันมาแล้วครั้งหนึ่ง แต่กลางวันแสก ๆ แบบนี้มาโดนสวีฉางหลินพูดใส่ตรง ๆ ในใจนางย่อมรู้สึกกระอักกระอ่วนอยู่บ้างเล็กน้อย
“ถ้ามีเรี่ยวแรงดีขนาดนั้น ไม่สู้เอาไปทำงานให้มากขึ้นอีกหน่อยเล่า!” โจวกุ้ยหลานตอบกลับไปประโยคหนึ่ง
หัวใจของสวีฉางหลินร้อนรุ่มแทบจะลุกเป็นไฟ ก่อนหน้านี้ที่ยังไม่เคยได้ลิ้มลองรสชาติอันโอชะมาก่อนเขาก็ยังพอจะทนได้ แต่นับจากได้ลิ้มรสอันหอมหวานนั้นแล้ว ในใจก็ยิ่งอยากนอนกับภรรยาให้มากขึ้น ติดอยู่ที่ว่าเพราะคืนแรกเขาเตลิดเกินไปหน่อย จนทำให้ภรรยาไม่สบายไปหลายวัน เขาเลยต้องฝืนอดทนอดกลั้นมาโดยตลอด
วันนี้เขาเริ่มจะทนไม่ไหวแล้ว มองดูท้องฟ้า จากนั้นก็โยนจอบขุดดินในมือทิ้งไปทันที ก้าวเดินยาว ๆ สองสามก้าวเข้าไปหยุดอยู่ตรงหน้าโจวกุ้ยหลานที่นั่งยอง ๆ อยู่ ค้อมตัวลง แล้วอุ้มโจวกุ้ยหลานขึ้นมาทันที
โจวกุ้ยหลานร้องอุทานขึ้นมาเสียงหนึ่ง ด้วยความที่กลัวว่าจะตกลงไป จึงรีบเอาแขนโอบรอบคอของสวีฉางหลินไว้ทันที
"สวีฉางหลิน เจ้าจะทำอะไร?"
"นอนกับเจ้า"
“แต่นี่มันยังกลางวันแสก ๆ อยู่เลยนะ!” โจวกุ้ยหลานร้องคัดค้าน
อีกทั้งพวกเขาก็ยังทำงานอยู่ด้วยนะ!
สวีฉางหลินเหลือบมองนางแวบหนึ่ง น้ำเสียงยังคงจริงจังไม่เปลี่ยน: "นอนกับเจ้าก่อน แล้วเดี๋ยวค่อยไปรับลูกชายกลับ"
ใบหน้าของโจวกุ้ยหลานกระตุกอย่างหนักจนแทบดูไม่ได้ ฝืนบังคับระงับความอยากทุบตีเขาให้ตายคามือสุดขีด พยายามควบคุมน้ำเสียงตัวเอง แล้วต่อรองกับเขาว่า “เจ้าดูสิ วันนี้พวกเราเข้าตำบลไปก็ยุ่งกันมาทั้งวันแล้ว แถมยังเหนื่อยแล้วด้วย หรือไม่เราเลื่อนออกไปอีกสักสองวัน.....”
“เจ้านอนนิ่ง ๆ ก็พอ เดี๋ยวข้าขยับเอง” สวีฉางหลินตัดบทคำพูดของภรรยาตัวน้อยไปเลยตรง ๆ
เลือกวันไว้ก็สู้วันที่เหมาะสมไม่ได้ วันนี้ดีที่สุด
เรื่องแบบนี้ มันใช่เรื่องที่แค่ให้นางนอนนิ่ง ๆ แล้วจะไม่เหนื่อยได้ด้วยเรอะ?
ยังมีอีก กลางวันแสก ๆ แบบนี้ จะให้นางที่เป็นสาวใหญ่ที่ยังไม่ได้แต่งงาน.... ไม่ใช่สิ! ให้นางที่เป็นผู้หญิงคนนึงทำแบบนี้ จะไม่น่าอายเกินไปหน่อยรึ?
นางพยายามดิ้นรน “สวีฉางหลิน พวกเราต้องรีบทำงานนะ ไม่อย่างนั้นเราจะปลูกหญ้าเนเปียร์แคระไม่เสร็จ พวกเราควรจะทำก่อน....”
“พรุ่งนี้เช้าข้าจะมาปลูกเอง”
สวีฉางหลินตัดบทคำขอร้องของโจวกุ้ยหลานอีกครั้ง
โจวกุ้ยหลานโกรธมากจึงพยายามดิ้นรนจะลงมาให้ได้ แต่น่าเสียดายที่สองแขนของสวีฉางหลินมั่นคงดังเหล็กกล้า ไม่ขยับเขยื้อนเลยแม้แต่น้อย
หลังจากนั้นไม่นาน สวีฉางหลินก็อุ้มโจวกุ้ยหลานเข้าไปในเรือน ลงกลอนประตูเรือนจนแน่นสนิท อีกฟากหนึ่งของเรือน เสียงร้องของบรรดาเป็ด ไก่ หมูที่อยู่ในเล้า ต่างก็ดังอื้ออึงจนข้ามแปลงผักเข้ามาในเรือนทิศใต้ที่พวกเขาอยู่ หลังจากปิดประตูเรือนหลัก สวีฉางหลินก็วางโจวกุ้ยหลานลง
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: นางน้อยจอมพลังของนายพลบ้านนา
รอ บทต่อไปค่ะ...