ทันทีที่คิดแบบนี้ สายตาของเขาเลื่อนไปที่ใบหน้าของโจวกุ้ยหลาน เมื่อเห็นสีหน้าของนางดูปกติมาก ๆ ก็แอบถอนหายใจอย่างโล่องอกในใจ
เมื่อคิดว่าอย่างไรที่นี่ก็เป็นทางเดิน เขาก็รีบยิ้มแล้วพูดว่า “หรือไม่พวกเราเข้าไปในห้องส่วนตัวกันก่อน แล้วค่อยคุยกันดีหรือไม่?”
“เถ้าแก่ไป๋ ท่านไปทำงานเถอะ พวกเราจะกินข้าวกันก่อนแล้ว” โจวกุ้ยหลานตอบรับคำพูดของไป๋ยี่เซวียน ก่อนจะยกขาขึ้นแล้วก้าวเดินเข้าไปในห้องทันที
ระหว่างที่โจวชิวเซียงเพิ่งคิดจะก้าวขึ้นไปข้างหน้า โจวกุ้ยหลานก็ยกมือขึ้นปิดประตูทันที เร็วมากจนเกือบจะกระแทกโดนจมูกของนางอยู่แล้ว
โจวกุ้ยหลานถึงกับทำแบบนี้กับนางเลยรึ?
ด้วยความเร่งรีบ นางรีบยกมือขึ้นกุมท้องตัวเองทันที ปากก็คร่ำครวญว่า: "อั้ยหยา! ท้องของข้า! ลูกของข้า! โจวกุ้ยหลาน เจ้าคิดจะฆ่าลูกของข้ารึ!"
โจวกุ้ยหลานกระทั่งจะขมวดคิ้วก็ยังคร้านจะทำ ตะโกนออกไปที่ประตูประโยคหนึ่งว่า “เจ้าไม่ใช่ว่าเพิ่งจะแต่งงานรึ? ลูกมาจากไหน?”
คำพูดประโยคเดียว ทำให้โจวชิวเซียงโกรธจนแทบจะลงไปนอนดิ้นตายให้ได้แล้ว
นางก็ไม่มัวเสแสร้งอีกต่อไป เงื้อมือขึ้นตบ ๆ ประตูหลายต่อหลายครั้ง นางตั้งท้องแล้วจริง ๆ แต่แค่ตอนนี้ยังพูดออกมาไม่ได้เฉย ๆ เพราะไม่อย่างนั้นคนอื่นก็จะรู้กันหมดว่า นางยังไม่ทันได้แต่งงานก็มีลูกซะแล้ว
ที่หมู่บ้านต้าสือนั้นยังไม่เท่าไหร่ เพราะถึงอย่างไรนางก็ไม่เห็นคนพวกนั้นในสายตาอยู่แล้ว แต่ในตำบลนี้ นางยังต้องใช้ชีวิตอยู่ที่นี่ไปทั้งชีวิตนะ!
แต่น่าเสียดาย ไม่ว่านางจะแผลงฤทธิ์สักแค่ไหน คนในห้องก็ไม่สนใจที่จะตอบอะไรนางกลับมาอีก นางจึงทำได้แค่เตะประตูไปครั้งนึง แล้วเดินลิ่ว ๆ ออกไปภายใต้สายตาสอดรู้ของคนอื่น
โจวกุ้ยหลานเดินกลับมายังที่นั่งก่อนหน้านี้แล้วนั่งลง คีบปลาขึ้นมากินชิ้นหนึ่ง พลางเอ่ยปากทักทายเถ้าแก่โจวกับสวีฉางหลิน เชิญให้พวกเขานั่งลงกินข้าวด้วยกัน เมื่อทั้งสองคนเห็นท่าทางเช่นนี้ของนาง ก็พากันนั่งลงในตำแหน่งที่นั่งเดิมก่อนหน้านี้
ไป๋ยี่เซวียนที่อยู่ข้างนอก หลังจากไปส่งพระโพธิสัตว์เฒ่าเจ้าปัญหาออกไปด้วยตัวเองเสร็จ เขาก็กลับมาที่ห้องส่วนตัว หลังจากเข้าไปนั่งลงเรียบร้อยแล้ว ก็ทำท่าทางอึกอักลังเลคล้ายอยากจะพูดอะไรสักอย่างกับโจวกุ้ยหลาน
สวีฉางหลินที่อยู่ข้าง ๆ เห็นท่าทางแบบนี้ของเขา ในใจก็รู้สึกไม่สบอารมณ์ขึ้นมาตงิด ๆ ขณะที่เพิ่งคิดว่าจะลุกขึ้นไปเชิญให้เขาออกไป คิดไม่ถึงว่าภรรยาตัวน้อยจะเป็นฝ่ายชิงพูดขึ้นมาก่อน
“เถ้าแก่ไป๋ น้ำแกงไก่ในโรงเตี๊ยมของเจ้าทำได้ไม่เลวเลย” พูดจบ โจวกุ้ยหลานก็ดื่มน้ำแกงไก่เข้าไปอีกคำ
เมื่อได้รับคำชมจากโจวกุ้ยหลานขนาดนี้ ไป๋ยี่เซวียนย่อมปลาบปลื้มยินดีมากเป็นธรรมดา: "ได้รับคำชมจากฮูหยินสวีเช่นนี้ อีกประเดี๋ยวข้าจะรีบไปขึ้นค่าแรงให้พ่อครัวเลยล่ะ"
สวีฉางหลินที่เมื่อครู่ยังรู้สึกหงุดหงิดรำคาญใจอยู่น้อย ๆ พอได้ยินคำเรียกขานว่า “ฮูหยินสวี”คำนี้ของไป๋ยี่เซวียนเข้าไป ในใจก็รู้สึกปลอดโปร่งโล่งสบายขึ้นมาไม่น้อย เห็นหน้าไป๋ยี่เซวียนก็รู้สึกว่าไม่ถึงกับขัดนัยน์ตาเท่าไหร่แล้ว
เมื่อรู้สึกว่าการสายตาที่จ้องมองมาอย่างน่าสะพรึงกลัว ได้สูญสลายหายไปจากร่างของเขาแล้ว ไป๋ยี่เซวียนก็ถอนหายใจออกมาด้วยความปลอดโปร่งโล่งอกในที่สุด
โชคดีที่เขาเดิมพันได้ถูกต้องแล้ว
โจวกุ้ยหลานกลับไม่ได้สังเกตเห็นกระแสคลื่นใต้น้ำระหว่างพวกเขาเลย พูดกลับไปด้วยรอยยิ้มทันทีว่า: "เถ้าแก่ไป๋ เจ้าไปจัดหาไก่พวกนี้มาจากไหนรึ?"
"ส่วนใหญ่จะกระจายซื้อจากบรรดาพ่อค้ารายย่อย มีเกษตรกรบางคนที่บ้านเลี้ยงไก่จะนำไก่มาขายในตำบลน่ะ" ไป๋ยี่เซวียนผู้นี้ก็ตอบกลับอย่างไม่ปิดบัง
โจวกุ้ยหลานลอบยินดีในใจ ดูเหมือนว่าในอนาคต นางจะมีโอกาสจัดหาไก่เหล่านี้ไปได้อีกนานเลยทีเดียว
โจวกุ้ยหลานปรายตามองไปที่เถ้าแก่โจวที่อยู่ข้าง ๆ ไม่ได้คุยประเด็นนี้ต่อ แต่ยังคงดื่มน้ำแกงต่อไป
คำพูดเหล่านี้กลับทำให้ไป๋ยี่เซวียนคิดไตร่ตรองขึ้นมาทันที เมื่อเขาคิดถึงความร่วมมือในอนาคตที่โจวกุ้ยหลานเอ่ยถึงก่อนหน้านี้ ก็พอจะเข้าใจอะไรได้คร่าว ๆ แล้ว จึงยิ้มแย้มยินดี สายตาปรายมองไปที่เถ้าแก่โจวคล้ายตั้งใจแต่ก็คล้ายไม่ตั้งใจ แต่ก็เบี่ยงเบนหัวข้อสนทนาไปอีกประเด็นหนึ่ง
“ฮูหยินสวี ท่านมากินข้าวที่โรงเตี๊ยมข้า ฮูหยินเฉียนแห่งโรงเตี๊ยมไป่เว่ยจะไม่พอใจหรือไม่?”
คำพูดประโยคนี้ทำให้เถ้าแก่โจวถึงกับหัวใจเต้นโครมคราม สายตาพลันจับจ้องไปที่โจวกุ้ยหลานโดยไม่รู้ตัว
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: นางน้อยจอมพลังของนายพลบ้านนา
รอ บทต่อไปค่ะ...