วันฤดูใบไม้ผลิที่ดีแบบนี้ ไม่ทำงานแล้วจะเอาอะไรกิน?
ขุดไส้เดือนอยู่สักแปบ คุกเข่าจนขาชา นางลุกขึ้นมาเงยหน้าขึ้น แล้วก็มองเห็นพระอาทิตย์ตกสีแดงตรงขอบท้องฟ้า
“วิวงามนั้นยากจะต้านทาน คนงามนั้นยากจะเสียไป.....” โจวกุ้ยหลานคิดถึงการกระทำของสวีฉางหลิน ส่ายหัวก็ก้มตัวลงอีกครั้ง เปลี่ยนสถานที่ ขุดไส้เดือนต่อไป
วันเวลาผ่านไปไวมาก พริบตาเดียวก็ผ่านไปแล้วสองเดือน
โจวคายจือทั้งครอบครัวย้ายมาอยู่ด้วยกันแล้ว เด็กตัวเล็กหลายคนช่วยเจ้าก้อนน้อยขุดไส้เดือนอยู่ด้านนอก พาแพะน้อยไปกินหญ้าด้วย ตอนกลับมาก็ขุดหญ้ามาให้หมูด้วย
สวีฉางหลินกับโจวคายจือรับผิดชอบงานเลี้ยงสัตว์ ต้องทำความสะอาดคอกหมูเป็นบางครั้ง ยังปลูกผักรอบๆบ้านไว้อีกไม่น้อย ภายใต้ความต้องการของโจวกุ้ยหลาน ด้านหลังบ้านไม้ปลูกหญ้าเนเปียร์แคระไว้ทั้งหมด
ส่วนโจวกุ้ยหลาน สิ่งที่ต้องทำในแต่ละวันก็คืออาบแดด
สองเดือนที่ผ่านมานี้ นางรู้สึกว่าตนเองจะขึ้นสนิมแล้ว นอกจากนั่งอาบแดด ก็คือยืนอาบแดด บางครั้งทนไม่ไหวแล้ว ก็เดินไปมาอยู่ในลาน จากนั้นก็ดื่มชา วันหนึ่งดื่มยารสขมสามถึงสี่ถ้วย เหล่าไท่ไท่ต้มด้วยตนเองด้วย
ที่สำคัญคือ อำนาจในการทำกับข้าวของนางก็ถูกยึดไปแล้ว คนพวกนี้คอยจับตามองดูนาง ราวกับนักโทษ
ในเมื่อโจวกุ้ยหลานไม่ได้ทำกับข้าว งานทำกับข้าวจึงกลายเป็นของโจวคายจือ เสียดายโจวคายจือก็เป็นคนประหยัดจนเคยชิน ผักทั้งหมดล้วนเพียงแค่ใส่ลงไปในหม้อต้ม ใส่เกลือแล้วก็น้ำมันนิดหน่อย
โจวกุ้ยหลานรู้สึกว่ามีชีวิตแบบนี้ต่อไปไม่ไหวแล้ว ทุกครั้งที่โจวคายจือทำกับข้าว นางก็รีบไปแย่งทำ สุดท้ายโจวคายจือเห็นแก่สุขภาพของนาง จึงจำเป็นต้องเพิ่มน้ำมันหน่อย กับข้าวค่อยมีรสชาติขึ้นมาหน่อย
ไม่นานก็ผ่านไปแล้วเดือนหก อากาศก็เริ่มร้อนอย่างมากแล้ว คนในหมู่บ้านก็เร่ิมเกี่ยวข้าวในนา
หลิวอ้ายก็มาหาถึงบ้านอีกครั้ง ถามโจวกุ้ยหลานอย่างละลายใจว่าต้องการหนังสืออีกไหม
โจวกุ้ยหลานก็ไม่บ่ายเบี่ยง ฉวยโอกาสตอนที่สวีฉางหลินไม่อยู่บ้าน นางรีบลงเขาไปหาหลิวซิ่วฉาย เห็นเขานั่งล้างจานอยู่หน้าบ้าน คิดว่าคงทานข้าวแล้ว
“หลิวซิ่วฉาย สุขภาพเป็นอย่างไรบ้าง” โจวกุ้ยหลานยิ้มทักทาย
หลิวซิ่วฉายมองเห็นโจวกุ้ยหลานก็รีบลุกขึ้นมา มือก็ไม่รู้จะวางที่ไหน พร้อมพูดขึ้นว่า “ดีขึ้นมากแล้ว ดีขึ้นมาแล้ว โชคดีที่มีเจ้าช่วยเหลือ ไม่อย่างงั้นฤดูหนาวปีที่แล้ว เราพ่อลูกคงอดตายไปแล้ว”
“เจ้าไม่ต้องขอบคุณข้า แลกมาด้วยหนังสือของเจ้าเอง” โจวกุ้ยหลานพูดตอบ
หลิวซิ่วฉายก็ยังพูดขอบคุณอีกหลายประโยค เพียงแต่ทุกประโยคล้วนซาบซึ้งใจ
สามเดือนมานี้ โจวกุ้ยหลานไปมาหาสู่กับหลิวซิ่วฉายตลอด จึงรู้จักนิสัยหลิวซิ่วฉายเป็นอย่างดี เดิมหลิวซิ่วฉายชื่อหลิวเกา นอกจากอ่านหนังสืออย่างค่อนข้างคร่ำครึแล้ว อย่างอื่นถือว่าไม่เลว
คิดถึงแผนการของตนเอง แล้วก็พูดถึงจุดประสงค์ของตนเองที่มาในครั้งนี้ว่า “หลิวซิ่วฉาย บ้านของเจ้าไม่มีอาหารแล้วใช่ไหม?”
พูดถึงเรื่องนี้ สีหน้าหลิวเกาค่อนข้างไม่สู้ดี จากนั้นก็ถอนหายใจ ส่ายหัวพร้อมพูดขึ้นว่า “ช่วงฤดูเพาะปลูกข้าไม่สบาย ตอนนี้ถึงฤดูเก็บเกี่ยว จึงไม่มีอะไรเลย.....”
ยังมีคำพูดที่เขาพูดไม่หมด ตั้งแต่ปีที่แล้วจนถึงปีนี้ หนังสือในบ้านล้วนถูกหลิวอ้ายเอาไปแลกอาหาร พวกเขาจึงไม่ถึงขั้นอดตาย แต่ที่บ้านก็ไม่มีหนังสือแล้ว ถึงฤดูหนาวจะทำยังไง?
คิดถึงตรงนี้ เขาก็ไอติดต่อกันหลายที
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: นางน้อยจอมพลังของนายพลบ้านนา
รอ บทต่อไปค่ะ...