ความรู้สึกของสวีฉางหลินที่มีต่อนาง นางชัดเจนกว่าใคร ๆ และสัมผัสได้ แม้แต่เมื่อคืนนี้สวีฉางหลินก็ได้กอดนางไว้ในอ้อมแขนอย่างระมัดระวัง ความสนิทใกล้ชิดเช่นนั้นมิอาจเสแสร้งออกมาได้ ในเมื่อเป็นเช่นนี้นางจะกังวลใจทำไมเล่า
เมื่อคิดได้ดังนี้นางจึงโล่งใจมิน้อย
หลังจากทำอาหารเช้าเรียบร้อยแล้ว ก็ได้ไปปลุกเจ้าก้อนน้อย ก่อนจะเดินทางออกไปพบว่าโจวคายจือก็ตื่นแล้วเช่นกัน เด็ก ๆ ทั้งหลายทยอยลุกขึ้นทีละคน
ทุกคนกำลังยุ่งอยู่กับหน้าที่ของตนเอง อีกทั้งช่วยให้อาหารหมูและอาหารเป็ด จนกระทั่งหลิวเกาสองพ่อลูกกลับมาแล้วจึงได้ร่วมรับประทานอาหารเช้ากัน เด็ก ๆ ทั้งหลายเดินทางไปเรียนหนังสือ โจวคายจือและโจวกุ้ยหลานดูแลภายในและภายนอกบ้านให้สะอาดสะอ้าน เวลาเที่ยงวันก็มาถึงอีกครั้ง
โจวกุ้ยหลานและโจวคายจือทำอาหารกลางวันการ จนกระทั่งอาหารทำเสร็จนางจึงวิ่งออกไปที่ป่าแล้วตะโกนเรียกสวีฉางหลินอยู่หลายหนแต่มิมีเสียงตอบรับ ในใจของนางรู้สึกผิดหวังเล็กน้อย จึงได้ตะโกนเรียกอีกหน แต่นอกจากเสียงสะท้อนกลับของตนแล้ว มิมีเสียงใดตอบรับอีก
ท้ายที่สุดนางก็มิมีทางเลือกอื่น จึงกลับไปรับประทานอาหารกลางวันพร้อมกับทุกคน และแบ่งอาหารเอาไว้ให้สวีฉางหลิน ไป ๆ มา ๆ เวลากลางคืนก็มาถึง
โจวกุ้ยหลานจึงได้นำอาหารกลางวันที่แบ่งเอาไว้จะเทลงในถังอาหารหมู แต่ถูกโจวคายจือเข้าไปรั้งเอาไว้เสียก่อน
“อาหารดีอยู่แท้ เหตุใดเอาไปให้หมูกินเล่า ช่างสิ้นเปลืองเหลือเกิน!”
“หากมิมีคนกินก็ต้องเอาให้หมูน่ะสิ มิเช่นนั้นคงจะสูญเสียเปล่า” โจวกุ้ยหลานตอบอย่างเฉยเมย แล้วนำอาหารจานนั้นเทใส่ลงไปในถังอาหารหมู หยิบมันขึ้นมาแล้วตรงไปที่เล้าหมู
โจวคายจือมองไปด้วยท่าทางกระวนกระวาย ถอดผ้ากันเปื้อนแล้วผลักประตูลงไปเขา
เมื่อกลับมาถึงบ้านพบว่าเหล่าไท่ไท่กำลังล้างขาอยู่ โจวคายจือจึงได้เล่าเรื่องเหล่านี้ให้นางฟัง ดวงตาของเหล่าไท่ไท่เบิกกว้างทันที
“เจ้าว่าอย่างไรนะ สวีฉางหลินมีคนอื่นงั้นหรือ?”
“ข้าเองก็มิแน่ใจ แต่นางกลับมาด้วยกัน ข้าเอ่ยถามกุ้ยหลาน ทว่านางมิตอบสิ่งใดข้าเลย เอาแต่โมโหหงุดหงิดอยู่ทั้งวัน”
โจวคายจือนึกถึงท่าทางในวันนี้ของโจวกุ้ยหลานจึงได้รีบรายงานกับเหล่าไท่ไท่
เหล่าไท่ไท่ได้ยินดังนั้น ก็รู้สึกว่าเรื่องนี้มิธรรมดา
นางหยิบผ้าเช็ดขึ้นมาเช็ดฝ่าเท้าจนแห้งแล้วสวมรองเท้าอีกครั้ง เดินตามโจวคายจือไปทางภูเขา
เมื่อมาถึงประตูเรือนก็พบกับสวีฉางหลินและสตรีอีกนางหนึ่งเดือนตรงกลับมา ที่บ่าของสวีฉางหลินแบกหมูป่าไว้ตัวหนึ่ง สตรีชุดดำนางนั้นก็แบกหมูป่ามาด้วยตัวหนึ่งเช่นกัน
เหล่าไท่ไท่กลอกตาเล็กน้อยแล้วยิ้มทักทายว่า “อ้าว ฉางหลิน ไปล่าหมูป่ากลับมาอีกแล้วหรือ?”
“สวัสดีขอรับท่านแม่”
สวีฉางหลินเอ่ยทักทายตามธรรมชาติ จากนั้นบอกให้เหล่าไท่ไท่ไปรอที่ลานบ้าน
ด้านเหล่าไท่ไท่เองก็มิได้มีพิธีรีตองต่อสวีฉางหลินนัก นางก้าวเข้าไปในบ้าน พบว่าสวีฉางหลินวางหมูป่าไว้ที่บนพื้น สตรีนางนั้นก็ทำตามเขา วางหมูป่าลงไปที่พื้นเช่นกัน
“นี่......พวกเจ้าล่ามาเองงั้นหรือ?” เหล่าไท่ไท่เอ่ยถาม แต่สายตานางจับจ้องไปที่สตรีชุดดำ
โจวคายจือเดินตามเข้ามา เมื่อเห็นหมูป่าทั้งสองตัวนี้ก็ใจเต้นแรง
หมูป่าถึงสองตัว ขายได้เงินมากโขทีเดียว!
“พรุ่งนี้ให้พี่ใหญ่เอาไปขายเถอะ” สวีฉางหลินกล่าวพลางยกมือขึ้นเช็ดเหงื่อที่หน้าผาก
เหล่าไท่ไท่พยักหน้าตอบรับ แล้วลากเสี่ยวจิ่ว ยิ้มให้ก่อนดึงนางเข้าไปในห้อง
โจวคายจือเองก็เดินตามเหล่าไท่ไท่เข้าไปในห้องเช่นกัน สวีฉางหลินตรงไปที่ห้องครัวมองไปยังเตา พบว่ายังมีอาหารอยู่ในหม้อร้อน ๆ จึงตักมันขึ้นมากิน
“มา ๆ แม่หนู มาสนทนากันก่อน หมู่บ้านของเรามิมีหญิงสาวเช่นนางฟ้าแบบเจ้าเลย ให้ป้าพิจารณาดูเจ้าหน่อย” เหล่าไท่ไท่กล่าวแล้วดึงหญิงชุดดำนั้นเข้าไปในห้องของโจวกุ้ยหลาน เดิมทีโจวกุ้ยหลานอาบน้ำนอนอยู่บนเตียงแล้ว เมื่อเห็นผู้คนตรงเข้ามาในห้อง นางจึงได้รีบลุกขึ้นอย่างรวดเร็วแล้วจุดตะเกียงน้ำมัน
สตรีชุดดำขึ้นไปนั่งบนเตียง เหล่าไท่ไท่นั่งอยู่ข้างหน้า มองไปยังใบหน้าแล้วเอ่ยชื่นชมในใจ
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: นางน้อยจอมพลังของนายพลบ้านนา
รอ บทต่อไปค่ะ...