เห็นโจวกุ้ยหลานเดินเข้ามา ผู้หญิงหลายคนกล่าวทักทายนางอย่างเอาใจ โจวกุ้ยหลานเดินเข้ามาใกล้ เปิดฝาหม้อดู ด้านในมือข้าวและข้าวโพด ดูแล้วน่าจะกำลังทำโจ๊กอยู่
“ใส่ผักป่าลงไปด้วย” โจวกุ้ยหลานพูดออกมา
“ฝนตกแบบนี้ คงออกไปหาไม่ได้......” ผู้หญิงคนหนึ่งพยายามปฏิเสธ
โจวกุ้ยหลานหันไปมองฝนที่กำลังตกอยู่ด้านนอก ขัดคำพูดของนาง “อาหารที่มีอยู่คงอยู่ได้อีกไม่นาน เพิ่มผักป่าเข้าไป หากหิวก็สามารถรับประทานต่อได้อีกสักสองสามมื้อ”
คนที่อยู่ด้านข้างนางใช้สายตา ผู้หญิงคนนั้นเงียบทันที
“กุ้ยหลานเอ๊ย เจ้าไม่สบายอยู่ก็ไปพักผ่อนเถิด ที่นี่มีพวกเราอยู่ และพวกเราก็รู้ว่าอาหารวางอยู่ที่ไหน สามารถเดินไปเอามาเองได้ เจ้าไม่ต้องกังวล” ซิ่วเหลียนรีบเข้ามาพยุงโจวกุ้ยหลานและพูดกับนาง
โจวกุ้ยหลานขมวดคิ้ว แต่ก็ไม่มีอะไรจะพูด จากนั้นก็ถามออกมาว่าหวังโหยวเกินอยู่ที่ไหน ซิ่วเหลียนบอกว่าเขาจะมาที่นี่ในอีกไม่ช้า
โจวกุ้ยหลานปวดหัวอย่างรุนแรง นางไม่มีอารมณ์จะมาตอบโต้กับคนพวกนี้ ทำได้เพียงกลับไปห้องของตนเองและนอนพิงกำแพง
เหล่าไท่ไท่นั่งอยู่กับนาง หัวใจเต็มไปด้วยความกังวล ลูบศีรษะของนางและพูดออกมาว่า “เมื่อไหร่ไข้จะหาย !”
โจวกุ้ยหลานปวดหัวรุนแรง ไม่รู้ว่าตนเองพูดอะไรออกมา หลับตาลงและหลับไป
ในห้องครัว ซิ่วเหลียนพูดกับผู้หญิงที่กำลังทำงานอยู่ว่า “กุ้ยหลานพูดแบบนี้เพราะอยากให้พวกเรามีชีวิตรอด เจ้าอย่าไปใส่ใจ”
ผู้หญิงคนนั้นก็พูดออกมาด้วยความเขินอาย “ข้าเองก็ไม่ได้คิดจะไปเถียงกับนาง รู้อยู่ว่าที่นี่มีอาหารอยู่มากน้อยแค่ไหน เจ้าวางใจเถอะ”
จางเสี่ยวจุ๋ยขมวดคิ้ว “ให้กินซุปแบบนี้ทั้งวัน ไม่รู้ว่าจะกินต่อไปได้อีกสักกี่วัน”
“นี่ มีให้กินก็ดีแค่ไหนแล้ว” ซิ่วเหลียนขมวดคิ้ว ทนไม่ไหวจึงพูดออกมา
ทั้งที่ทุกอย่างเป็นไปได้ด้วยดี แต่ทำไมทุกอย่างต้องหายไปเพียงเพราะถูกน้ำท่วม ?
ผู้หญิงคนอื่นเองก็นึกถึงเรื่องที่บ้านของตนเองไม่เหลืออะไร หัวใจของพวกนางรู้สึกเจ็บปวด
ผ่านไปพักหนึ่ง จางเสี่ยวจุ๋ยถึงพูดออกมาอีกว่า “บ้านของกุ้ยหลานยังมีเป็ดและไก่อยู่อีกหลายตัว จากที่ข้าเห็นเกรงว่ามันมีมากกว่าหมื่นตัว แถมยังมีหมูอีกหลายร้อยตัว นางคงไม่มีทางปล่อยให้พวกเราตายไปทั้งแบบนี้หรอกจริงไหม ?”
“จางเสี่ยวจุ๋ย ! เจ้าพูดอะไรของเจ้า ? ทั้งหมดนั่นเป็นของโจวกุ้ยหลาน !” ซิ่วเหลียนตวาดนางออกมาด้วยความโกรธ
“ข้า......ข้าก็แค่พูด นางเป็นหลานสาวของข้า ข้าไม่มีทางทำร้ายนางอย่างแน่นอน !” จางเสี่ยวจุ๋ยนึกไม่ถึงว่าซิ่วเหลียนจะปกป้องโจวกุ้ยหลาน ดังนั้นนางจึงรีบจัดการกับมันและเงียบปาก
โจวคายจือที่อยู่ด้านข้างพูดออกมา “นั่นเป็นของที่เทียบได้กับชีวิตของโจวกุ้ยหลาน......”
คนที่อยู่ในครัวเงียบไปครู่หนึ่ง ทุกคนส่ายหน้า พวกเขาไม่คิดถึงความคิดของกุ้ยหลาน กุ้ยหลานจะเป็นคนดีมากหากนำอาหารทั้งหมดที่นางมีออกมาให้พวกเขากิน
ในตอนที่โจวกุ้ยหลานตื่นขึ้นมาอีกครั้ง นั่นเป็นเพราะเหล่าไท่ไท่ปลุกนาง โจวกุ้ยหลานกินโจ๊กที่เหล่าไท่ไท่นำมาให้ กินไปได้ไม่กี่คำก็ไม่อยากกินมันแล้ว
“มีคนอื่นอยู่ด้วยจึงไม่สะดวกที่จะทำอย่างอื่นให้เจ้ากิน เจ้าคงทำได้แค่กินให้สิ่งที่เหมือนกับพวกข้า เฮ้อ เมื่อไหร่อาการป่วยของเจ้าจะหายเสียที” เหล่าไท่ไท่พูดออกมาด้วยความกังวล
โจวกุ้ยหลานหลับตาลง “แค่นี้ก็พอแล้ว ทุกคนเองก็กินมันเหมือนกัน แม่ ท่านช่วยข้าดูแลรุ่ยหนิงกับรุ่ยอานที อย่างให้พวกเขาออกมาวิ่งเพ่นพ่านด้านนอก”
“หลิวซิวไคกำลังสอนหนังสือพวกเขาอยู่ พวกเขาไม่มีทางวิ่งออกมาเล่นได้”
โจวกุ้ยหลานพยักหน้าและนอนหลับพักผ่อนต่อไป
หลังจากกินอาหารเช้าเป็นที่เรียบร้อย พวกผู้ชายก็นั่งในอ่างน้ำ ใช้ไม้พายออกไปเพื่องมอาหารขึ้นมา
ผ่านไปสองวันแล้ว คนที่จมน้ำตายลอยขึ้นมาบนผิวน้ำ แต่ตอนนี้ไม่สามารถกู้ศพของพวกเขาขึ้นมาได้ และกลัวการแพร่กระจายของโรค ดังนั้นจึงทำได้เพียงทำเป็นมองไม่เห็น
หลังจากผ่านช่วงเช้าไป พวกเขาสามารถเก็บกู้อาหารได้เป็นจำนวนมาก คนพวกนั้นจึงมีอาหารดี ๆ กินที่บ้านของโจวกุ้ยหลานไปอีกสองวัน
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: นางน้อยจอมพลังของนายพลบ้านนา
รอ บทต่อไปค่ะ...