ไม่ง่ายเลยที่บุตรสาวของนางจะรักษาทรัพย์สินของครอบครัวที่ทำงานหามรุ่งหามค่ำจนได้มา
โจวกุ้ยหลานส่ายหน้า “ท่านแม่ พวกเขาหิวมาก อะไรก็เกิดขึ้นได้ทั้งนั้น”
“แต่นั่นยังคิดจะชิงหมูเห็ดเป็ดไก่ของเจ้าอีกนะ? ชีวิตของพวกนั้นถูกเจ้าช่วยไว้! เจ้าช่วยพวกนั้นไว้นะ!” เหล่าไท่ไท่เอ่ยอย่างโมโห
ถ้าไม่ใช่เพราะบุตรสาวของนาง คืนวันนั้นจะมีอีกสักกี่คนที่ต้องตาย? แล้วที่กินไปหลายวันก่อนหน้านี้ก็เป็นอาหารของบุตรสาวนาง กินข้าวปลาอาหารของนางจนไม่มีเหลือ!
โจวกุ้ยหลานจ้องมองเหล่าไท่ไท่โดยไม่พูดอะไร
เหล่าไท่ไท่อยากโต้แย้งอีก แต่เมื่อนึกถึงสถานการณ์ของทุกคนยามเกิดภัยแล้งเมื่อหลายปีก่อน นางก็พูดอะไรไม่ออก
“อาหารที่เก็บขึ้นมาได้จะอยู่ได้กี่สักกี่วัน? หากน้ำยังไม่ลด เกรงว่าอีกสามสี่วันพวกเขาก็คงมาแย่งชิงกันอีก อาศัยตอนที่ยังมีลุงโหยวเกิน เรายังควบคุมพวกเขาได้ พวกเราต้องจัดการเป็ดไก่กับหมู่เหล่านี้โดยเร็วที่สุด” โจวกุ้ยหลานบอกแผนของนาง
นางไม่กล้าท้าทายสันดานของมนุษย์
เหล่าไท่ไท่ขยับริมฝีปาก มีคำพูดนับร้อยนับพันคำ แต่ทำได้เพียงถอนหายใจออกมา
ในครอบครัวของพวกนางมีผู้ชายเพียงคนเดียวคือเอ้อร์เฉียง แบบนี้จะไปหยุดผู้คนนับพันได้อย่างไร
ภายในห้องเงียบลง โจวกุ้ยหลานเอนกายลงบนยกพื้นและหลับตาลงเพื่อพักผ่อน
ความเจ็บป่วยกัดกินมานานเกินพอ และร่างกายก็แทบจะทนไม่ไหวอีกต่อไป
เหล่าไท่ไท่แตะหน้าผากของนางและรู้สึกว่านางตัวร้อนขึ้นอีกเล็กน้อย ภายในใจรู้สึกเจ็บปวดเป็นอย่างยิ่ง “ฆ่าก็ได้ เจ้าเองก็ต้องบำรุงร่างกายเหมือนกัน”
โจวกุ้ยหลานส่งเสียงงึมงำก่อนจะหลับลงไปอย่างสะลึมสะลือ
จนเมื่อได้ยินเหล่าไท่ไท่เรียกหานางจึงรู้ว่าหวังโหยวเกินกับคนอื่นๆ มาถึงแล้ว จากนั้นนางจึงลุกขึ้นโดยมีเหล่าไท่ไท่คอยประคองไปที่ห้องโถง
ขณะนี้หวังโหยวเกินและผู้อาวุโสในหมู่บ้านรออยู่ที่ห้องโถงแล้ว
เมื่อโจวกุ้ยหลานนั่งลงนางจึงรับรู้เรื่องที่พวกเขานำศพเหล่านั้นมาเผาหมดแล้ว นางพยักหน้ารับรู้ ในที่สุดก็ผ่อนคลายลงเล็กน้อย
หลังจากพูดคุยเรื่องนี้จบ หวังโหยวเกินก็กล่าวถึงสถานการณ์ปัจจุบันอีกครู่หนึ่ง จากนั้นจึงพูดกับโจวกุ้ยหลานว่า “กุ้ยหลาน มีเด็กกับผู้ใหญ่ไม่น้อยกำลังเป็นไข้ เราไม่มีหมอ ถ้ามีโรคระบาดจริงๆ เจ้าว่าพวกเราควรจะทำเช่นไรหรือ”
“ในภูเขายังมีสมุนไพร ถ้ามีคนที่รู้ก็ยังลองไปเก็บมาต้มให้ทุกคนดื่มได้” โจวกุ้ยหลานเองก็คิดอะไรไม่ออก
ผู้อาวุโสหลายคนพยักหน้าแสดงท่าทีว่าเห็นด้วยกับเรื่องนี้
ผู้เฒ่าสองสามคนพากันส่งสายตาให้หวังโหยวเกิน หวังโหยวเกินเองก็พูดไม่ออก แต่เรื่องนี้มีแค่เขาที่พูดได้ เขาถอนหายใจและเอ่ยกับโจวกุ้ยหลานอย่างหน้าด้านๆ ว่า “กุ้ยหลานเอ๊ย สุขภาพร่างกายของคนในหมู่บ้านกำลังแย่ อาหารก็มีไม่เพียงพอ ทำไมไม่เอาไก่กับหมู่ที่บ้านของเจ้ามาให้ทุกคนกินบำรุงร่างกายกันก่อนล่ะ”
ทันทีที่กล่าวจบ ชายชราคนอื่นๆ ก็มองไปที่โจวกุ้ยหลานเช่นกัน
ในที่สุดก็พูดมาถึงเรื่องนี้
โจวกุ้ยหลานเคาะนิ้วลงบนโต๊ะ “ข้ามีไก่หนึ่งหมื่นหกพันตัว มีเป็ดสี่ถึงห้าพันตัว มีห่านน้อยหน่อย ประมาณหนึ่งพันตัว หมูสองร้อยตัว แล้วก็แกะอีกหนึ่งร้อยตัว จำได้ไม่ละเอียด แต่ส่วนมากก็น่าจะประมาณนี้”
แม้ว่าจะเดินไปมาทุกวัน ได้เห็นหมูเห็ดเป็ดไก่ที่อยู่ข้างนอกและเดาได้ว่าคงมีจำนวนมาก แต่เมื่อได้ยินข้อมูลนี้ ทุกคนก็ยังประหลาดใจ เกรงว่าเป็ดไก่ทั้งหมู่บ้านต้าสือรวมกันก็ยังมีไม่เยอะเท่านี้...
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: นางน้อยจอมพลังของนายพลบ้านนา
รอ บทต่อไปค่ะ...