น่าเสียดายที่นางแต่งงานแล้ว...
เมื่อนึกมาถึงตรงนี้ ริมฝีปากของเขาก็เต็มไปด้วยรสชาติอันขมขื่น ทว่าเขาก็ดึงตัวเองกลับมาได้ทันที
เหล่าไท่ไท่ตุ๋นไก่สองตัวพร้อมกับหุงข้าวไว้อีกหนึ่งหม้อใหญ่
ทุกคนมานั่งล้อมวงกันเต็มโต๊ะอาหารและเริ่มรับประทานอาหารกัน จากนั้นจึงขอข้าวอีกสองชามจากเหล่าไท่ไท่ บอกว่าจะนำไปให้พี่น้องที่เฝ้าอยู่ที่เชิงเขากิน
หลังจากกินอิ่ม ทุกคนก็เริ่มจับเป็ดจับไก่วิ่งลงไปจากภูเขา เมื่อจับจนเต็มแล้ว คนเหล่านั้นจึงรีบเคลื่อนรถม้ากลับไปที่ตำบล
ไป๋ยี่เซวียนอยู่แต่ในบ้านและพูดคุยกับเหล่าไท่ไท่อย่างถูกคอ
เหล่าไท่ไท่พอใจเป็นพิเศษกับคนที่มาซื้อของที่บ้านของพวกนาง
เมื่อเห็นว่าคนโหดๆ เหล่านั้นกลับไปแล้ว รุ่ยหนิงจึงวิ่งออกมาอย่างตื่นเต้นด้วยขาสั้นๆ ของเขาและเข้ามากอดขาของโจวกุ้ยหลานอย่างออดอ้อน
“กอดท่านแม่!”
โจวกุ้ยหลานไม่มีทางเลือกและยื่นมือไปอุ้มเด็กดื้อขึ้นมานั่งบนตักของนาง
พอหันไปมองอีกด้านจึงเห็นรุ่ยอานเดินเอามือไพล่หลังออกมาจากห้องอย่างเนิบช้า เมื่อเดินมาถึงตัวโจวกุ้ยหลานก็เงยหน้ามอง เอ่ยเสียงอ้อแอ้ว่า “ท่านแม่อุ้มข้าหน่อยได้ไหม”
โจวกุ้ยหลานรู้สึกขบขัน จากนั้นนางจึงยื่นมือไปอุ้มรุ่ยอานขึ้นมานั่งบนขาอีกข้างหนึ่งของนาง
“เด็กสองคนนี้นิสัยแตกต่างกันโดยสิ้นเชิงเลยใช่หรือไม่” ไป๋ยี่เซวียนมองเด็กสองคนที่หน้าตาเหมือนกันทุกประการอย่างประหลาดใจเล็กน้อย
โจวกุ้ยหลานส่ายหน้า “ดูเหมือนคนหนึ่งจะเหมือนข้า คนหนึ่งเหมือนสวีฉางหลินใช่หรือไม่”
พูดมาถึงตรงนี้ รุ่ยอานก็ดูเหมือนเหมือนผู้ใหญ่ตัวน้อยจริงๆ แต่เขาเหมือนสวีฉางหลินหรือ?
ถึงอย่างไรเขาก็เติบโตมาเคียงข้างนาง นอกจากนี้อายุก็ยังน้อย ดังนั้นจึงย่อมดูผ่อนคลายกว่าสวีฉางหลิน
“ไม่ว่าจะต่างอย่างไรก็ยังติดแม่เหมือนกัน นี่ เจ้าเด็กน้อย เล่นนั่งบนตักแม่ของพวกเจ้ากันหมดแบบนี้ แม่ของเจ้าไม่เมื่อยแย่หรือ มานี่มา มาหายาย!”เหล่าไท่ไท่ว่าพลางเอื้อมมือมาอุ้มรุ่ยหนิงที่อยู่ใกล้นาง
ใครจะไปคิดว่ารุ่ยหนิงจะกอดโจวกุ้ยหลานไว้แน่นด้วยสองมือเล็กๆ ส่งเสียงประท้วงอย่างงอแงว่า “จะกอดท่านแม่!”
เขาไม่ได้กอดแม่มานานแล้ว!
เหล่าไท่ไท่หน้าเคร่ง “เจ้ามันใจร้าย! ยายทำของอร่อยให้เจ้ากินตั้งมากมาย จำไม่ได้แล้วรึ”
“ท่านแม่ ท่านจะทะเลาะกับเด็กๆ ทำไมเจ้าคะ ข้าไม่เหนื่อย ให้พวกเขากอดไว้สักพักก็ได้” โจวกุ้ยหลานตอบด้วยรอยยิ้ม
ต่อให้มีปัญหาหนักหนาแค่ไหน แค่ได้อุ้มลูกชายทั้งสองคนไว้ นางก็มีความสุขแล้ว
ช่วงก่อนหน้านี้นางป่วยหนักมาก นางไม่กล้าส่งต่อสภาพป่วยๆ ไปให้ลูกทั้งสอง ดังนั้นนางจึงหลบเลี่ยงพวกเขามาตลาด บางทีพวกเขาก็อาจจะคิดถึงนางเหมือนกัน
“มีลูกแล้วลืมแม่ เจ้าเองก็ใจร้ายเหมือนกัน!” เหล่าไท่ไท่เอ่ยกับโจวกุ้ยหลานอย่างน้อยใจ
ไป๋ยี่เซวียนมองครอบครัวนี้และเกิดความอิจฉาขึ้นมาเล็กน้อย แค่นึกถึงสถานการณ์ของโจวกุ้ยหลานในตอนนี้เขาก็ทนไม่ได้ คำพูดเหล่านั้นอัดอั้นอยู่ในใจ เขาได้แต่เก็บคำไว้เงียบๆ
เมื่อเห็นว่ามีแขกอยู่ด้วย เหล่าไท่ไท่กับโจวกุ้ยหลานจึงไม่ทะเลาะกันอย่างที่เคยและนั่งคุยกับไป๋ยี่เซวียน
เมื่อนึกถึงกลุ่มคนก่อนหน้านี้ โจวกุ้ยหลานจึงยิ้มและเอ่ยว่า “ท่านทำอย่างไรหรือ โจรภูเขาพวกนั้นจึงฟังท่าน”
ไป๋ยี่เซวียนฉีกยิ้ม “โรงเตี๊ยมไป่เว่ยจ่ายเงินให้พวกนั้นมาสร้างปัญหาที่โรงเตี้ยมของข้าได้ แล้วข้าจะจ่ายเงินให้พวกนั้นมาเฝ้าเรือนบ้างไม่ได้หรือ”
พูดมาถึงตรงนี้ก็ดูเหมือนเขาจะคิดอะไรได้อีก เขาหรี่ตาที่เรียวยาวและเอ่ยว่า “ในช่วงที่วุ่นวายเช่นนี้ โจรภูเขามักจะใช้กำลังสยบผู้คนได้ดีกว่าเสมอ”
“ก็จริง ถ้าพวกนั้นไม่ถือมีดถือดาบ พวกคนในหมู่บ้านก็คงไม่ยอมไป!”
เหล่าไท่ไท่ตอบและนึกถึงเหตุการณ์ก่อนหน้านี้
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: นางน้อยจอมพลังของนายพลบ้านนา
รอ บทต่อไปค่ะ...