ทางนี้มีการเคลื่อนไหวที่ครึกโครมมาก ชาวบ้านที่เดิมทีก็ไม่กล้านอนหลับสนิทต่างก็ตื่นมาจุดโคมไฟ ชาวบ้านใกล้เคียงต่างก็ตื่นขึ้นมาแล้ว รีบวิ่งมาทางด้านนี้
ผู้หญิงเหล่านั้นมองเห็นสภาพของจางเสี่ยวจุ๋ยและซุนโก่วต้าน แล้วมองเห็นสีหน้าของสามีตนเอง ตะโกนเสียงดังแล้วพุ่งเข้าไป ทั้งด่าทั้งตีจางเสี่ยวจุ๋ยไม่หยุด
โจวกุ้ยหลานนั่งอยู่ที่มุมกำแพง มองอย่างมีความสุข ได้ระบายอารมณ์ออกมาเสียที
นั่งยองๆ อยู่อย่างนี้นานแล้ว นางรู้สึกชาที่ขาแล้ว จึงแอบยืนตัวตรง เตะขาเพื่อยืดเส้นยืดสาย จึงทำให้อาการชาหายไป จากนั้นก็หมุนตัวเดินขึ้นไปบนภูเขา
ยุ่งมาครึ่งค่อนคืนแล้ว กลับไปต้องพักผ่อนดีๆเสียหน่อย
กลับไปถึงบ้านตนเองบนภูเขาท่ามกลางความมืด ล้มตัวลงนอนหลับทันที
เช้าวันที่สอง เหล่าไท่ไท่ก็มาหาโจวกุ้ยหลานถึงบ้าน กระชากนางลงมาจากเตียงเตา ไม่สนใจว่านางจะตื่นแล้วหรือไม่ ลากตัวนางเดินออกไปข้างนอก
“กุ้ยหลาน เกิดเรื่องใหญ่แล้ว”
เหล่าไท่ไท่พูดกับโจวกุ้ยหลานหนึ่งประโยค ก็ออกมาถึงหน้าประตูลานบ้านแล้ว
โจวกุ้ยหลานยังคงหาวอย่างง่วงนอน “ถ้าเกิดเรื่องก็เรียกพี่ใหญ่ไปด้วยซิ”
“ไม่ได้ไม่ได้ ”เหล่าไท่ไท่รีบส่ายหน้าไปมา ลากตัวโจวกุ้ยหลานไปถึงหน้าประตูลานบ้านแล้ว
โจวกุ้ยหลานหูตาไว คว้าขอบประตูเอาไว้ไม่ยอมไปกับเหล่าไท่ไท่
“ท่านแม่ รีบเรียกพี่ใหญ่ไปด้วย เรื่องนี้นางจำเป็นต้องไปช่วยดู”โจวกุ้ยหลานพูดกับเหล่าไท่ไท่ จากนั้นก็หันไปร้องตะโกนเรียกโจวคายจือ
โจวคายจือที่เพิ่งจะหวีผมเสร็จวิ่งออกมาข้างนอก มองดูสภาพของพวกนางสองคน หัวใจก็รู้สึกกระวนกระวายขึ้นมาอย่างไม่รู้ตัว “เกิดอะไรขึ้น”
“เรื่องใหญ่ ท่านแม่บอกว่าเกิดเรื่องใหญ่แล้ว พวกเรารีบไปดูกันเถอะ”โจวกุ้ยหลานร้องตะโกนขึ้นอีกครั้ง
เหล่าไท่ไท่เห็นว่าลูกสาวคนโตของนางออกมาแล้ว ก็เริ่มหลบสายตา และไม่กล้าดึงตัวโจวกุ้ยหลานอีก
ทางด้านโจวคายจือที่ได้ยินสิ่งที่โจวกุ้ยหลานพูด ก็พยักหน้า เดินกลับเข้าไปในบ้านอย่างรวดเร็ว
“นังเด็กโง่ เจ้าจะทำให้พี่สาวเจ้าตายหรือไง”เหล่าไท่ไท่รู้สึกปวดใจมาก
แต่ไม่ว่านางจะปวดใจแค่ไหน ก็ไม่สามารถยับยั้งเรื่องที่เกิดขึ้นได้
ผ่านไปครู่เดียว โจวคายจือก็ถือกุญแจออกมา ปิดประตูบ้านให้เรียบร้อย แม่ลูกทั้งสามจึงลงไปจากภูเขา
เมื่อก้าวเข้าไปในบ้านของหวังโหยวเกิน ก็ได้ยินเสียงด่าทอต่อว่าดังออกมา
เมื่อทั้งสามคนเดินเข้าไปใกล้มากขึ้น คนอื่นๆเห็นว่าทั้งสามคนมาแล้ว ต่างก็หลีกทางให้ รอจนกระทั่งพวกนางเดินเข้าไปถึงด้านใน ก็พบว่าจางเสี่ยวจุ๋ยผมเผ้ายุ่งเหยิง เสื้อชั้นในตัวเดียวที่ใส่อยู่ก็ขาดหลุดลุ่ย เผยให้เห็นผิวขาวนวลเป็นหย่อมๆ ใส่หรือไม่ใส่ก็มีค่าเท่ากัน
บนใบหน้า และลำตัว เต็มไปด้วยรอยขีดข่วน ใบหน้ามีแต่รอยฟกช้ำดำเขียว มองไม่ออกถึงเค้าเดิมของใบหน้า
โจวกุ้ยหลานส่ายหน้าหลายครั้ง แล้วมองไปทางซุนโก่วต้าน สภาพดูน่าสมเพชยิ่งกว่า บนใบหน้ามีแต่เลือด นอนร่างสั่นเทาอยู่กับพื้น
ทนดูไม่ได้ ทนดูไม่ได้เลยจริงๆ
นางเบือนหน้าหนี แล้วก็มองเห็นโจวคายจือที่ยืนทื่อจ้องมองซุนโก่วต้านที่กองอยู่บนพื้น ร่างของนางกำลังสั่นเทาไปหมด
“ท่านลุงโหยวเกิน นี่มันเกิดอะไรขึ้น ”โจวกุ้ยหลานเคลื่อนสายตาไปยังร่างของหวังโหยวเกินที่มีสีหน้าเคร่งเครียด และถามเขา
ไม่รอให้หวังโหยวเกินเปิดปากพูด ซิ่วเหลียนก็ชิงพูดขึ้นมาก่อนว่า “ยังจะมีอะไรอีก อาสะใภ้สามของเจ้า กับพี่เขยของเจ้าคบชู้กันไงเล่า ถ้าหากไม่ใช่เพราะฟืนในบ้านเกิดไหม้ขึ้นมา พวกเราก็คงไม่รู้เรื่องสกปรกเช่นนี้”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: นางน้อยจอมพลังของนายพลบ้านนา
รอ บทต่อไปค่ะ...