“ท่านป้า ข้าวกระสอบนี้พวกท่านสามารถกินได้ตลอดทั้งเดือนแล้ว” โจวกุ้ยหลานขัดจังหวะนางทันที
ญาติก็ญาติเถอะ นางดูแลคนจำนวนมากขนาดนั้นไม่ได้
การเลี้ยงดูคนที่มีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับนางไม่ใช่เรื่องที่ง่ายเลย
เมื่อเห็นว่าโจวกุ้ยหลานโกรธ หลี่ซิ่วยิงก็ไม่กล้าพูดอะไรอีก
ขณะที่นางกำลังจะออกไปพร้อมกับอาหารบนหลัง โจวกุ้ยหลานก็หยุดนางไว้และบอกให้นางรอก่อน ถึงตอนกลางคืนค่อยแบกอาหารกลับไป ไม่อย่างนั้นถ้าคนอื่นรู้ว่าที่ครอบครัวของนางมีอาหาร คนพวกนั้นก็คงมาปล้นชิงกันอีก
หลี่ซิ่วยิงนั่งลงและพูดคุยอยู่กับเหล่าไท่ไท่
เหล่าไท่ไท่บอกกับหลี่ซิ่วยิงว่าอย่านำอาหารไปให้จางเสี่ยวจุ๋ย เพราะครอบครัวของนางส่งอาหารไปให้จางเสี่ยวจุ๋ยแล้ว พอหลี่ซิ่วยิงรู้เรื่องนี้ สีหน้าของนางก็ดูน่าเกลียดมาก
ตอนแรกคิดว่าเรื่องนี้น่าจะจบลงแล้ว ใครจะไปคิดว่าหลังจากนั้นสองวัน คนในหมู่บ้านจะมาเพื่อขออาหารอีก พอยืมอาหารไม่ได้ก็มาขอเงินโจวกุ้ยหลานเพื่อไปซื้ออาหาร
โจวกุ้ยหลานรู้สึกเหนื่อยมากที่ต้องรับมือกับเรื่องพวกนี้ ต่อมาคนพวกนั้นก็มาตะโกนอยู่ข้างนอก แต่นางไม่แม้จะเปิดประตูออกไป
ไม่กี่วันต่อมา จางเสี่ยวจุ๋ยก็มาเยี่ยมเยือนอีกครั้ง นางรู้สึกผิดมากที่ท้องของตนเองหิว ซึ่งความหมายก็คือนางจะมาขออาหารนั่นเอง
โจวกุ้ยหลานนั่งอยู่ข้างๆ ฟังนางร่ำไห้อย่างเงียบๆ รู้สึกได้ว่านางมีบางอย่างผิดปกติ
“อาสะใภ้สาม ท่านตัวคนเดียวกินเยอะขนาดนี้ได้อย่างไร ครอบครัวของลุงใหญ่ทั้งครอบครัวเพิ่งกินอาหารไปได้แค่ครึ่งกระสอบ แต่ท่านคนเดียวกลับกินอาหารหมดในชั่วระยะเวลาสั้นๆ?”
สีหน้าของจางเสี่ยวจุ๋ยดูไม่เป็นธรรมชาติ แล้ววินาทีถัดมานางก็หยิบผ้าเช็ดหน้าในมือขึ้นมาปิดปาก ส่งเสียงอู้อี้ว่า “ครอบครัวพ่อแม่ของข้ามาขออาหาร ข้า... ข้าปล่อย... ปล่อยให้พวกเขากลับไปมือเปล่าไม่ได้หรอก...”
ครอบครัวพ่อแม่มาขอยืมอาหารอีกแล้วเหรอ...
เพียงแต่คราวนี้โจวกุ้ยหลานไม่เชื่อ
บางทีอาจเป็นเพราะจางเสี่ยวจุ๋ยเห็นสีหน้าของโจวกุ้ยหลาน ดังนั้นนางจึงใช้สองมือปิดหน้าและเริ่มสะอื้นขึ้นมาอีกครั้ง ท่าทางดูอ่อนแอบอบบางไม่แพ้หลินไต้อี้ว์เลย
เหล่าไท่ไท่พูดให้กำลังใจอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นจึงเอ่ยกับโจวกุ้ยหลานว่า “ไปแบ่งอาหารส่วนของพวกเรามาให้อาสะใภ้สามของเจ้าเถิด แล้วเราค่อยเปลี่ยนไปกินผักป่ากันให้มากขึ้นหน่อย!"
โจวกุ้ยหลานเองก็รู้ดีว่าตอนนี้นางไม่มีทางปฏิเสธจางเสี่ยวจุ๋ยได้ ดังนั้นนางจึงกลับเข้าไปในครัวและยกกระสอบอาหารออกมาอีกครั้ง นางส่งให้จางเสี่ยวจุ๋ยและบอกนางว่า “อาสะใภ้สาม อาหารเหล่านี้ท่านต้องกินให้ได้อย่างน้อยหนึ่งเดือนนะ ตอนนี้ทั้งครอบครัวของพวกข้าก็กินได้เพียงแค่หนึ่งเดือนเท่านั้น”
จางเสี่ยวจุ๋ยขอบคุณอีกครั้งและร้องไห้เดินจากไป
“เหตุใดข้าจึงรู้สึก...” เหล่าไท่ไท่มองแผ่นหลังของจางเสี่ยวจุ๋ยและหยุดพูดไปแค่นั้น ไม่พูดอะไรต่ออีก
“คิดว่าอาสะใภ้สามมีบางอย่างผิดปกติใช่หรือไม่เจ้าคะ” โจวกุ้ยหลานเอ่ยต่อ
โจวคายจือที่อยู่ข้างๆ ถามทั้งสองอย่างประหลาดใจว่า “มีสิ่งใดผิดปกติหรือ”
โจวกุ้ยหลานหันไปพูดกับจางคายจือว่า “ท่านพี่ ตระกูลซุนไม่ได้มาขออาหารจากท่าน”
โจวคายจือชะงัก จากนั้นจึงนึกถึงต้าหู่ขึ้นมา แล้วนางก็กังวลขึ้นมาอีกครั้ง ทุกวันนี้นางมักจะกังวลเสมอว่าต้าหู่จะไม่มีอะไรกิน นางอยากจะหาโอกาสคุยกับกุ้ยหลานอยู่หลายครั้งว่าให้นางนำอาหารไปมอบให้ต้าหู่บ้าง แต่นางก็ได้แต่กลืนคำพูดเหล่านั้นลงคอ
หลังจากจางเสี่ยวจุ๋ยลงจากภูเขาไปแล้ว โจวกุ้ยหลานจึงตามลงไปและตามนางไปจนถึงที่บ้าน นั่นเองนางจึงเห็นว่ามีผู้ชายคนหนึ่งออกมาต้อนรับ
โจวกุ้ยหลานถึงกับตกตะลึงเมื่อเห็นชายผู้นั้น
ที่แท้เขาก็คือซุนโก่วต้าน!
“ข้าเหนื่อยจะตายอยู่แล้ว!” จางเสี่ยวจุ๋ยเอ่ยอย่างกระเง้ากระงอด
ซุนโก่วต้านรีบเข้ามาช่วยนางวางอาหารลง “ลำบากเจ้ามากเลยสินะ”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: นางน้อยจอมพลังของนายพลบ้านนา
รอ บทต่อไปค่ะ...