“เป็นทหารงั้นหรือ? ไปเป็นทหารจำเป็นต้องพาลูกชายไปด้วยหรืออย่างไร?” จางเสี่ยวจุ๋ยเอ่ยคัดค้าน ใบหน้าของนางเต็มไปด้วยความหยิ่งผยอง
คนอื่นๆ เมื่อได้ยินประโยคนี้ของนาง สายตาที่มองไปทางโจวกุ้ยหลานก็เปลี่ยนไป
ก่อนหน้านี้พวกเขาเองมิมีใครคิดถึงข้อนี้มาก่อน แต่เมื่อถูกจางเสี่ยวจุ๋ยเอ่ยเตือน ทุกคนก็ราวกับตื่นจากความฝัน
นั่นสินะ ใครกันเล่าไปเป็นทหารแล้วเอาลูกชายไปด้วย?
สิ่งที่น่ากลัวกว่านั้นก็คือ เด็กคนนั้นมิใช่ลูกของโจวกุ้ยหลาน
ยิ่งคิดก็ยิ่งรู้สึก เหตุผลที่อ้างว่าไปเป็นทหารฟังดูมิสมจริงเสียเลย
โจวกุ้ยหลานก้าวไปข้างหน้าหนึ่งก้าว ยกมือขึ้นตบไปยังใบหน้าของจางเสี่ยวจุ๋ย ความแรงของฝ่ามือที่ตกไปนั้น หวังโหยวเกินที่ยืนอยู่ด้านข้าง ยังสามารถสัมผัสได้ถึงแรงลม
โดยที่จางเสี่ยวจุ๋ยไม่ทันสังเกต นางทิ้งตัวลงบนพื้น เตะฝุ่นเป็นชั้นๆ แล้วกระจายมันไปทุกทิศทุกทาง
ใบหน้าทางด้านซ้ายของนางนั้น แสบร้อนจนสัมผัสได้ ทำให้จางเสี่ยวจุ๋ยเจ็บปวดเสียจนน้ำตาจะไหลนางหันกลับมาจ้องมองโจวกุ้ยหลาน ด้วยความเกลียดชัง “นี่เจ้า!”
โจวกุ้ยหลานตบมือของตนแล้วกล่าวว่า “เจ้าลืมไปแล้วหรือว่าเจ้ามาทำอะไร?”
ประโยคนี้ทำให้จางเสี่ยวจุ๋ยที่กำลังจะเข้ามาสู้กับโจวกุ้ยหลานชะงักลง นางยืนตัวแข็งทื่อ
“เจ้ากล่าวได้ถูกแล้ว สวีฉางหลินมิได้ไปเป็นทหาร” โจวกุ้ยหลานกล่าวด้วยอารมณ์สงบนิ่ง แล้วมองดูจางเสี่ยวจุ๋ยจากมุมสูง
เมื่อได้ยินประโยคนี้ ทุกคนก็พากันฮือฮา แม้แต่หวังโหยวเกินเองก็ตกใจมิน้อย
ที่แท้สวีฉางหลินหนีไปกับสตรีคนอื่นจริงด้วย แล้วโจวกุ้ยหลานก็ถูกสามีทิ้งนะสิ?
เมื่อคิดดังนี้ คนจำนวนมิน้อยก็มองมาทางโจวกุ้ยหลานด้วยสายตาเหยียดหยาม สตรีที่ไร้สามี มีสิ่งใดให้น่าเกรงกลัวกัน?
แต่วินาทีต่อมา โจวกุ้ยหลานก็เอ่ยอย่างเยือกเย็นว่า “เขาไปเป็นนายพลต่างหาก เจ้าเคยได้ยินชื่อนายพลสวีที่รบชนะมิเคยพ่ายแพ้หรือไม่? เคยได้ยินชื่อนายพลสวีที่ถูกฮ่องเต้เรียกตัวเข้าวังไปหรือไม่?”
ประโยคนี้ทำให้หัวใจผู้คนถูกโจมตีหนักกว่าประโยคก่อนหน้าเสียอีก
นายพล!
หมู่บ้านต้าสือของพวกเขามีนายพลหรือ! อีกทั้งเป็นนายพลผู้มิเคยรบแพ้!
คนที่ยืนมุงดูอยู่คนหนึ่งมิรู้เรื่องราวใด จึงเอ่ยถามคนด้านหน้าว่า “นายพลสวีคือผู้ใด?”
ผู้ที่อยู่ด้านหน้านั้นกล่าวอย่างตกใจว่า “เจ้ามิรู้จักนายพลสวีหรือ? สามปีมานี้ นายพลสวีคือนายพลผู้รบมิเคยแพ้แห่งแคว้นเหลียงอย่างไรเล่า!”
“นายพลสวีงั้นหรือ! นี่มัน......นี่มันเป็นไปได้อย่างไร?”
“เหตุใดพวกเจ้าจึงรู้มากมายนัก?”
“ข้าก็มิรู้หรอก!”
“ข้าได้ยินน้องภรรยาข้าที่อยู่ในเมืองบอกมาว่าท่านนายพลสวีนั้นแข็งแกร่งยิ่งนัก! เขาคุ้มกันชายแดนของเรามากว่าสามปี มีทหารเพียงหมื่นนาย สามารถต่อสู้กับทหารของศัตรูได้ถึงแสนนายเป็นเวลาถึงสามปี ท้ายที่สุดแล้วก็เอาชนะทหารทั้งแสนนายได้อย่างราบคาบ!”
“เก่งเช่นนั้นเชียว? หมายความว่าโจวกุ้ยหลานเป็น......เป็นภรรยาของท่านนายพล?”
กลุ่มคนพากันหันมามองโจวกุ้ยหลานด้วยความเคารพยำเกรง
หมู่บ้านต้าสือของพวกเขามิเคยมีบุคคลที่ยิ่งใหญ่เช่นนี้มาก่อน! อีกทั้งยังมีโจวกุ้ยหลาน อนาคตคงมีแต่เรื่องดีๆ !
จางเสี่ยวจุ๋ยสับสนงุนงงไปหมอ นางมิอยากจะเชื่อหูตัวเองเลยทีเดียว!
โจวกุ้ยหลานขี้เกียจจะไปสนใจคำของพวกเขา ดังนั้นจึงเงยหน้าขึ้นมองไปทางชายหนุ่มที่อยู่ด้านหลังจางเสี่ยวจุ๋ยสิบกว่าคนนั้น ก่อนหัวเราะอย่างเยือกเย็นว่า “พวกเจ้ากล้ามาขโมยของบ้านข้า จงเตรียมตัวรับผลที่ตามมาให้ดี!”
ชายหนุ่มเหล่านั้นจะรู้ได้อย่างไรเล่าว่าเรื่องราวจะดำเนินมาถึงเช่นนี้ เมื่อได้ยินคำพูดของโจวกุ้ยหลาน พวกเขาก็พากันหวาดกลัวยิ่งนัก หลายคนถึงกับปากสั่นขาสั่น
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: นางน้อยจอมพลังของนายพลบ้านนา
รอ บทต่อไปค่ะ...