เพราะใต้พระบารมีโอรสสวรรค์ ราษฎรถึงได้มีชีวิตที่มั่งคั่ง
ผ่านไปครึ่งชั่วยาม เด็กทั้งสองถึงได้ตื่นขึ้น โจวกุ้ยหลานช่วยพวกเขาล้างหน้าล้างตาเสร็จ กินอาหารเช้า จูงมือคนละข้าง พาพวกเขาออกไปเดินเล่น
หลังเด็กทั้งสองคนเดินไปที่ถนนแล้วก็มองหันรีหันขวาง มีความสุขมาก ระหว่างทางโจวกุ้ยหลานยังซื้อของเล่นให้พวกเขาไม่น้อย อีกทั้งซื้อเสื้อผ้าใหม่ให้พวกเขาสองชุด และตัวนางเองก็ซื้อมาชุดหนึ่ง
แล้วไปภัตตาคารชื่อดังในเมืองหลวง เข้าคิวรอกินข้าว เมื่อถึงคิวพวกเขา โจวกุ้ยหลานถึงพาเด็กทั้งสองคนเข้าไปในห้อง และสั่งอาหารสองสามอย่างที่ไม่เคยกินมาก่อน
เด็กทั้งสองคนรู้สึกประหลาดใจ มองไปรอบ ๆ ก็เห็นด้านบนภัตตาคารมีคนเล่านิทานอยู่ ผู้คนด้านล่างฟังอย่างสนอกสนใจ
เมื่ออาหารมาแล้ว เด็กทั้งสองคนคีบชิมกันคนละคำ เสี่ยวรุ่ยหนิงก็เปิดปากว่า “ไม่อร่อยเท่าอาหารที่ท่านแม่ทำ!”
เสี่ยวรุ่ยอานพยักหน้าอย่างชื่นชม
ในใจโจวกุ้ยหลานซาบซึ้ง นี่เป็นพลังแห่งความรัก ที่ทำให้ลูกชายทั้งสองคนไม่ได้มีท่าทางแสร้งทำ
สามคนแม่ลูกกินข้าวแล้ว เด็กทั้งสองคนก็ง่วงงุน โจวกุ้ยหลานก็ไม่ซื้อของอีก พาเด็กทั้งสองคนไปจากภัตตาคารที่พวกเขาอยู่
สามคนแม่ลูกงีบหลับตอนกลางวัน พอตื่นขึ้นมาอีกที ก็ผ่านไปครึ่งชั่วยามแล้ว
“พวกเจ้ายังอยากเที่ยวเล่นที่ไหนอีกไหม” โจวกุ้ยหลานถามพวกเขา
รุ่ยอานใช้มือเล็ก ๆ ของตัวเองขยี้ตา แล้วหาว พูดว่า “ท่านแม่ ข้าอยากเจอท่านพ่อ”
“ต้องการท่านพ่อ!” รุ่ยหนิงคล้อยตามด้วย
โจวกุ้ยหลานพยักหน้า ตอบรับ
ช่วงนี้เหนื่อยเกินไป นางจึงคิดที่จะพักผ่อนให้เต็มที่แล้วค่อยว่ากัน แต่เด็กทั้งสองคนอยากเจอสวีฉางหลิน งั้นนางก็จะไม่ประวิงเวลาแล้ว
พาเด็กสองคนออกจาห้อง ไปที่ชั้นหนึ่ง ชั้นหนึ่งของโรงเตี๊ยมหรูอี้เป็นที่สำหรับกินอาหาร ตอนนี้ก็มีห้าหกโต๊ะที่มีคนกำลังกินอาหารอยู่
เถ้าแก่ด้านล่างเห็นพวกโจวกุ้ยหลานลงมา ก็ฉีกยิ้มเดินเข้าไปทักทาย “ลูกค้าพักสะดวกสบายดีหรือไม่”
โจวกุ้ยหลานพยักหน้าด้วยรอยยิ้ม “นอนหลับสบาย สภาพแวดล้อมก็ดีมากเช่นกัน”
เถ้าแก่พยักหน้าซ้ำ ๆ “พวกเจ้ามาเมืองหลวงครั้งแรกสินะ ให้ข้าแนะนำที่เที่ยวดี ๆ ในเมืองหลวงกับพวกเจ้าไหม”
“เรื่องนี้ค่อยว่ากันอีกที เถ้าแก่หลิว ข้ามีเรื่องอยากถามเจ้าสักหน่อย” ขณะโจวกุ้ยหลานพูด ก็พาเด็กทั้งสองลงบันไดมา ยืนอยู่ที่ชั้นหนึ่งแล้ว
เถ้าแก่หลิวพยักหน้าด้วยรอยยิ้ม “เชิญพูด”
“ขอถามว่าที่พักของนายพลสวีอยู่ที่ใดหรือ” โจวกุ้ยหลานก็ไม่ได้อ้อมค้อม ถามออกไปตามตรง
เถ้าแก่ไม่คิดว่านางจะถามเรื่องนี้ สีหน้าจริงจังขึ้นมาในทันที
ใจโจวกุ้ยหลานเต้นไม่เป็นจังหวะ สัญชาตญาณบอกว่ามีบางอย่างผิดปกติ
วินาทีต่อมา เถ้าแก่หลิวถอนหายใจ “เมื่อคืนจวนนายพลสวีมีมือสังหารเข้าไป ตอนนี้นายพลสวีเป็นตายร้ายดีอย่างไรไม่รู้เลย!”
ในหัวโจวกุ้ยหลานมีเสียงดัง “หึ่ง ๆ ” แล้วขาวโพลนไปหมดทันที
สวีฉางหลิน...เกิดเรื่อง?!
“ท่านแม่?”
เสี่ยวรุ่ยอานดึงมือของแม่ตัวเอง เรียกด้วยน้ำเสียงเด็กน้อย
เสียงนี้ ก็ดึงสติของโจวกุ้ยหลานกลับมา นางก้มหน้ามองลูกทั้งสองของตัวเอง ฟันขบริมฝีปากแน่น ข่มร่างกายที่สั่นเทาของตัวเอง เผยอปากหลายครั้ง แต่ก็ไม่พูดอะไรออกมา
ลำคอราวกับถูกคนบีบรัดอย่างรุนแรง พูดอะไรไม่ออกสักคำ
“นี่ คนดีอย่างนายพลสวี ก็ไม่รู้ว่าใครคิดจะทำร้ายเขา หากเขาหายไป พวกข้าจะมีชีวิตที่สงบสุขก็คงไม่ง่าย เกรงว่าคงจะไม่มีแล้ว...”
เถ้าแก่พูดอย่างเป็นกังวล ไม่ได้ยินคำพูดโจวกุ้ยหลานเป็นเวลานาน เงยหน้ามองไป ก็เห็นโจวกุ้ยหลานราวกับสูญเสียจิตวิญญาณไป ทั้งร่างยังคงสั่นเทา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: นางน้อยจอมพลังของนายพลบ้านนา
รอ บทต่อไปค่ะ...