“รวมถึงป้ากุ้ยหลาน นางยังซื้อตำราให้พวกข้าคนละเล่มเพื่อปลอบใจพวกข้าด้วย แล้วยังให้กำลังใจพวกข้าให้ตั้งใจเรียน ถึงวันแข่งขันเอาชนะคนอื่นให้ได้!”
“ถ้ารู้อย่างนี้พวกข้าไปด้วยก็ดี เช่นนี้เราจะได้มีตำราเพิ่มอีกสิบเล่ม!”
“ใช่แล้ว หวังว่าคราวหน้าเห้อเฟิงจะพาคนมาหาเรื่องอีก!”
ท่านอาจารย์ “...”
มียศถาบรรดาศักดิ์และความร่ำรวยไม่ควรทำตัวเหลวไหล ตกอับยากจนแค่ไหนอุดมการณ์ไม่เคยเปลี่ยน
น่าเสียดาย ที่ในเวลานี้ นักเรียนที่เคยเคารพเขายังคงลุ่มหลงอยู่กับความดีใจที่มีตำราเล่มใหม่ จึงไม่ทันได้สังเกตว่าสีหน้าท่านอาจารย์ของพวกเขากำลังบึ้งตึงแล้ว
“แต่ว่า นี่ก็เป็นเพราะพี่ไป๋กับป้ากุ้ยหลานเป็นคนดี ถ้าเป็นเถ้าแก่ร้านคนอื่น ข้าคิดว่าพวกเขาคงจะปล่อยให้เสี่ยวเอ้อร์เหล่านั้นถูกลูกค้ารังแกไปแล้ว”
“เฮ้อ การทำงานเป็นเสี่ยวเอ้อร์มันไม่ง่ายเลย หาเงินก็ได้ไม่มาก เสี่ยวเอ้อรในร้านของเราต้องทำงานทั้งวันหนึ่งเดือนได้ค่าจ้างเพียงหนึ่งตำลึง และอาหารหนึ่งมื้อ ข้าได้ยินมาว่านี่เป็นค่าจ้างที่สูงมากแล้ว!”
“ที่นี่ครอบคลุมทุกอย่าง จึงไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับเรื่องนี้ ช่างได้เปรียบจริงๆ”
“การดำรงชีวิตลำบากมาก แม้แต่คนในเมืองหลวงยังมีชีวิตที่ลำบากเช่นนี้ แล้วที่อื่นๆ ที่ยากจนกว่าล่ะ จะไม่ลำบากกว่านี้หรอกหรือ?”
“จนถึงตอนนี้ข้าถึงเข้าใจ ว่าถ้ากินไม่อิ่มยังพอจะทนหิวได้ แต่ถ้าถูกรังแก มันช่างน่าอึดอัดในจริงๆ และอาจโมโหจนตายได้”
ทุกคนพูดคุยกัน ก่อนจะถอนหายใจออกมา ในช่วงหลายวันมานี้ พวกเขาได้เรียนรู้เกี่ยวกับชะตาชีวิตมาไม่น้อย
ท่านอาจารย์ที่ถูกเมินเฉยชักสีหน้า แล้วตะโกนด้วยความโกรธ “พวกเจ้าท่องเนื้อหาในตำราได้แล้วหรือ”
พอเสียงตะโกนดังขึ้นมา นักเรียนที่รวมตัวกันอยู่รอบๆ ก็สะดุ้งตกใจ แล้วรีบกลับไปนั่งที่ แล้วหยิบตำราขึ้นมาเริ่มท่องจำตำราต่อ
ท่านอาจารย์โมโหแล้วถลึงตาใส่
พอโจวกุ้ยหลานกลับมาถึงร้าน นางพบไป๋ยี่เซวียนอยู่ที่สวนหลังบ้าน และจ้องมองคนตรงหน้าที่กำลังเติมโค้กใส่โถ
นางไม่ได้รบกวนไป๋ยี่เซวียน แล้วเดินออกมา ช่วยต้อนรับลูกค้า
ในเวลาต่อมา มีลูกค้สหลายคนเข้ามาถามนางว่าเสี่ยวเอ้อร์ที่รูปร่างซูบผอมกลุ่มนั้น เป็นนักเรียนจากสถานศึกษาจริงๆ หรือ?
โจวกุ้ยหลานจึงใช้โอกาสนี้ ในการประกาศว่าพวกเขาล้วนแต่เป็นซิ่วฉาย และมีการศึกษา ทำให้ลูกค้าในร้านต่างก็อ้าปากค้างไปเลย
“พวกเขาเป็นถึงซิ่วฉาย แต่กลับมาที่นี่เพื่อเป็นเสี่ยวเอ้อร์อย่างนั้นหรือ?”
ชายหนุ่มที่ถามโจวกุ้ยหลานอุทานออกมา
ถึงแม้พวกเขาจะพบเจอขุนนางในเมืองหลวงบ่อยครั้ง ซิ่วฉายก็เจอบ่อยจนแทบจำไม่ได้ แต่ท้ายที่สุดแล้วพวกเขาก็เป็นคนคนมีการศึกษากลับมารับใช้พวกเขา และทำความสะอาดโต๊ะที่พวกเขาทำสกปรกอย่างนั้นหรือ?
พอนึกได้เช่นนี้ ในใจพวกเขาจึงรู้สึกพึงพอใจเป็นพิเศษ
“นักเรียนในสำนักบัณฑิตที่นี่เพื่อเรียนรู้ประสบการณ์ชีวิต ในอนาคตพวกเขาจะต้องเป็นข้าราชการ ถ้าพวกเขาไม่เข้าใจความทุกข์ยากของชาวบ้าน พวกเขาจะเป็นข้าราชการที่ดีได้อย่างไร”
โจวกุ้ยหลานรีบกล่าวชมสำนักบัณฑิตหนานซานให้เอะอะในเวลาที่เหมาะสม เพราะถ้าบอกว่าพวกเขายากจนแทบใกล้อดตายต้องมาทำทุกอย่างเพื่อหาเงินมาเป็นค่าอาหาร เหตุผลแบบนี้จะส่งผลอันตรายต่อสำนักบัณฑิตหนานซานมากเกินไป
นี่มัน...ฉลาดจริงๆ!
“แล้ว...แล้วพวกเขายังเรียนอยู่หรือ”
“ยังร่ำเรียนอยู่ ช่วงกลางวันมาฝึกประสบการณ์ทำงานที่นี่ แล้วช่วงกลางคืนก็กลับไปศึกษาตำรา ที่พวกเขาซูบผอมเช่นนี้ เพราะเหน็ดเหนื่อย เฮ้อ ทั้งหมดก็เพื่อชาวบ้านแท้ๆ …”
โจวกุ้ยหลานถอนหายใจออกมา
จากนั้นคนอื่นๆ ก็พูดต่อกันไป และลูกค้าที่เข้ามาใหม่ก็ได้ยินทุกคนพูดถึงเรื่องของซิ่วฉาย ดังนั้นเขาจึงไปสอบถามอีกครั้ง พอเข้าใจเรื่องร่วทั้งหมด เขาก็รู้สึกชื่นชมในใจ
“นี่มันน่าทึ่งมาก นี่ถึงเรียกว่าสถานศึกษาที่แท้จริง สั่งสอนและให้ความรู้ผู้คน! มีซิ่วฉายเยอะเช่นนี้ ในอนาคตจะต้องเป็นขุนนางที่ดี ช่างหาได้ยากจริงๆสำนักบัณฑิตหนานซานช่างเป็นสถานศึกษาที่สั่งสอนและให้ความรู้แก่ผู้คนจริงๆ!”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: นางน้อยจอมพลังของนายพลบ้านนา
รอ บทต่อไปค่ะ...