นางน้อยจอมพลังของนายพลบ้านนา นิยาย บท 349

นางน้อยจอมพลังของนายพลบ้านนา ตอนที่ 349 เปิดศาลตัดสินคดี

“เจ้าไม่ต้องเป็นห่วงเรื่องนี้ เราเปิดร้านค้าขายสุจริต ไม่จำเป็นต้องกลัวอะไร”

ในเมื่อไป๋ยี่เซวียนไปที่หยาเหมิน งั้นก็ให้ทางหยาเหมินจัดการเรื่องนี้ จะได้ไม่ต้องยุ่งยาก

“ไปที่หยาเหมิน ต้องเจ็บตัวแน่ๆ” ท่านอาจารย์เองก็ขมวดคิ้วเช่นกัน

โจวกุ้ยหลานส่ายหน้า “พวกท่านทำอาหารกินกันก่อน ข้าจะไปดูเอง”

“เจ้าเป็นผู้หญิงจะไปหยาเหมินได้อย่างไร ให้ข้าไปด้วยดีกว่า” ท่านอาจารย์รีบลุกขึ้นขณะที่เขาพูด เพื่อจะตามโจวกุ้ยหลานไปด้วย

โจวกุ้ยหลานดูท้องฟ้าข้างนอก แล้วส่ายหน้าให้ท่านอาจารย์ “พวกเจ้าควรรอฟังข่าวที่นี่ดีกว่า ตอนนี้มันมืดแล้ว ไม่สะดวกที่จะออกไปข้างนอก”

“ข้ามีความดีความชอบ สามารถปกป้องเจ้าได้!” ท่านอาจารย์รู้สึกไม่ชอบใจที่ถูกนางปฏิเสธ และพูดอย่างไม่พอใจ

โจวกุ้ยหลานรู้สึกหวั่นไหวเล็กน้อย แต่ตอนนี้มันดึกเกินไป มันอันตรายเกินไปที่จะปล่อยท่านอาจารย์ออกไป

นางปลอบใจท่านอาจารย์สองสามคำ ก่อนจะนำเงินทั้งหมดที่จุดคิดเงินใส่กระเป๋า แล้วบอกให้ผู้ชายคนนั้นไปกับนางด้วย พวกนางไปที่คอกม้าใกล้ๆ เพื่อเช่ารถม้า และยังเป็นคนขับรถม้าคนเดียวกันกับในช่วงกลางวัน

เขาติดรถม้ากับตัวม้า แล้วพาโจวกุ้ยหลานไปที่หยาเหมิน ระหว่างทางเขาชวนโจวกุ้ยหลานคุย แต่โจวกุ้ยหลานยังคงตอบกลับเพียงไม่กี่คำ ไม่มีอารมณ์ที่จะคุยกับเขา เขาเห็นอย่างนั้นจึงหุบปากไป

คนกลุ่มหนึ่งยืนมุงดูอยู่หน้าหยาเหมิน ในเวลานี้ตะเกียงข้างนอกยังคงจุดสว่างอยู่

โจวกุ้ยหลานลงจากรถม้า แล้วรีบเดินไปที่ประตูอย่างรวดเร็ว นางกับคนงานที่พามาด้วยเดินไปทางเจ้าหน้าที่ที่ยืนเฝ้ายาม แล้วยัดเงินใส่มือของเขา ก่อนจะถามเขาว่าพวกไป๋ยี่เซวียนอยู่ที่ไหน

เจ้าหน้าที่ของศาลจับแขนเสื้อของเขา แล้วยกมือขึ้น ให้เงินไหลเข้าไปในแขนเสื้อของเขา จากนั้นเขาก็พูดว่า “พวกเขายังถูกสอบสวนอยู่ คนที่ไม่มีความเกี่ยวข้องไม่ได้รับอนุญาตให้เข้าไป”

โจวกุ้ยหลานสีหน้ายิ้มแย้มและพูดด้วยน้ำเสียงนอบน้อม “ใต้เท้า ข้าก็เป็นคนงานที่ไป๋ยี่เซวียนจ้างมาเช่นกัน แล้วข้าก็สามารถเป็นพยานได้ ท่านให้ข้าเข้าไปได้ไหม”

เจ้าหน้าที่ของศาลมองมาที่นาง รู้สึกได้ถึงน้ำหนักของเงินที่อยู่ในแขนเสื้อ จึงพยักหน้าให้ “ก็ได้ แต่เข้าไปแล้วอย่าพูดอะไรไร้สาระเด็ดขาด!”

“ข้าเข้าใจแล้ว!” โจวกุ้ยหลานพูด แล้วพยักหน้าให้เขาด้วยรอยยิ้ม ก่อนจะเดินเข้าไป นางถือชายกระโปรงของนางขึ้น พอมาถึงจุดตัดสินคดี นางเห็นขุนนางคนหนึ่งนั่งอยู่ที่โต๊ะ ไป๋ยี่เซวียนยืนอยู่ข้างๆ คนงานของร้านไก่ทอดต่างก็คุกเข่าอยู่บนพื้น มีผู้หญิงคนหนึ่งกำลังร้องไห้อยู่บนตัวเด็ก ไม่ยอมให้ผู้ชันสูตรศพถือมีดเข้ามาใกล้

“บังอาจ เจ้ากล้าดีอย่างไรถึงบุกรุกเข้ามาในห้องพิจารณาคดี!” ขุนนางที่นั่งด้านบนอายุประมาณสี่สิบกว่ามองมาที่โจวกุ้ยหลานอย่างโมโหและตะโกนใส่ รวมถึงคนงานที่ตามเข้ามา

คนงานกลัวมากจนขาของเขาอ่อนแรง และคุกเข่าลงกับพื้นเสียงดัง “ตุบ”

เขากล่าวขอโทษ “ใต้เท้า โปรดยกโทษให้ข้าน้อยด้วยขอรับ” ร่างกายของเขาก็สั่นเทาตลอดเวลา

ไป๋ยี่เซวียนหันมามอง พอเห็นว่าโจวกุ้ยหลานเดินเข้ามา ดวงตาของเขาก็เคร่งขรึม เขาขยิบตาให้นางเพื่อบอกให้นางรีบกลับออกไปโดยเร็ว

ในเวลาถูกดึงเข้ามาพัวพันมันไม่ใช่เรื่องฉลาดเลย

โจวกุ้ยหลานไม่สนใจท่าทางของเขา นางเดินเข้ามา ก่อนจะคุกเข่าลงเพื่อทำความเคารพขุนนางผู้รักษาคุณธรรมซึ่งนั่งอยู่ที่หัวโต๊ะ และพูดเสียงดัง: “ใต้เท้า ข้าน้อยโจวกุ้ยหลานเป็นคนที่เถ้าแก่ไป๋ว่าจ้างมาเช่นกันเจ้าค่ะ ข้าน้อยมาเพื่อบอกสิ่งที่ข้าน้อยรู้ทุกอย่างเจ้าค่ะ”

ไป๋ยี่เซวียนที่อยู่ด้านข้างได้ยินแล้วต้องขมวดคิ้ว เขาคิดไม่ถึงว่าโจวกุ้ยหลานจะเข้ามาเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ในเวลานี้ และไม่เข้าใจว่าเหตุใดนางถึงบอกว่านางเป็นคนวานในร้าน แต่พอนึกถึงวิธีการจัดการที่มีระเบียบรอบคอบของโจวกุ้ยหลาน เขาก็มั่นใจว่าโจวกุ้ยหลานจะไม่ทำอะไรโง่ๆ ออกมาเด็ดขาด

“ที่แท้เจ้าก็หาเงินในทางที่ผิดเหมือนกัน! พวกเจ้าฆ่าลูกชายของข้า!” ชายผู้นั้นพูดและกำลังจะกระโดดมาทำร้ายโจวกุ้ยหลาน

ยังไม่ทันจะได้ทำอะไรผู้รักษาคุณธรรมก็ตบค้อนเสียงดีง แล้วให้เจ้าหน้าที่ควบคุมเขาไว้

โจวกุ้ยหลานเงยหน้าขึ้นมาพูด “ใต้เท้า สูตรการทำน้าโค้กนี้ มีข้าน้อย กับเถ้าแก่ไป๋เท่านั้นที่รู้ นอกจากเถ้าแก่ไป๋แล้ว มีเพียงข้าน้อยเท่านั้นที่รู้ดีที่สุด ข้าสามารถเขียน ส่วนผสมในการทำน้ำโค้กออกมา ให้ใต้เท้าหาท่านหมอมาพิสูจน์ว่ามีพิษอยู่หรือไม่เจ้าค่ะ”

ไป๋ยี่เซวียนอดที่จะหันไปมองนางด้วยความประหลาดใจไม่ได้

น้ำโค้กเป็นตัวสร้างรายได้ที่ดีที่สุดของพวกเขาในตอนนี้ นางบอกว่านางจะบอกสูตรจริงๆ หรือ? นั่นไม่ใช่ตัดเส้นทางการหาเงินของพวกเขาหรือ?

“ใต้เท้า ข้าไม่เห็นด้วย สูตรการทำน้ำโค้กนี้เป็นของข้าแล้ว นางไม่มีสิทธิ์เปิดเผย”

ไป๋ยี่เซวียนก้าวไปข้างหน้า แล้วกำหมัดทำความเคารพคนที่อยู่ด้านบน

“ทำไม ไม่กล้าหรือไง พวกเจ้ากลัวว่ามันจะมีพิษจริงๆ ใช่หรือไม่” ผู้ชายคนนั้นตะโกนพูดด้วยความโกรธ

“นี่คือคดีอาญา ข้าเขียนสูตรออกมา แล้วให้ผู้ชันสูตรศพผ่าศพลูกของเจ้าเพื่อหาสารพิษ แล้วนำมาเปรียบเทียบกับน้ำโค้กของเรา ความจริงก็จะปรากฏออกมาแล้วไม่ใช่หรือ? “

โจวกุ้ยหลานพูดอย่างเย็นชา

ยิ่งเรื่องนี้ยืดเยื้อนานเท่าไหร่ ก็ยิ่งไม่เป็นผลดีต่อนางและไป๋ยี่เซวียน จะยืดเยื้อกับคนเหล่านี้ต่อไปไม่ได้

“ไม่ได้! พวกเจ้าจะผ่าท้องของลูกชายข้าไม่ได้! ไม่ได้เด็ดขาด! ลูกชายของข้าต้องร่างกายสมบูรณ์!” ผู้หญิงคนนั้นร้องไห้หลังจากได้ยินสิ่งที่พวกเขาพูด

ผู้หญิงคนนั้นร้องไห้โหยหวน พยายามปกป้องลูกชายของนางไว้

ผู้ชันสูตรศพเองก็มีสีหน้าลำบากใจ ผู้หญิงคนนั้นอุ้มศพเด็กไว้นานแล้ว และไม่ปล่อยเลย

ผู้ชายที่อยู่ด้านข้างรีบเดินไปดึงผู้หญิงคนนั้นออกมา แล้วพูดเกลี้ยกล่อมนาง “อาเฟิน อย่างสร้างปัญหา ให้พวกเขาตรวจสอบว่าผินอันกินของมีพิษเข้าไปหรือเปล่า ถ้าน้ำโค้กนี้มีพิษจริงๆ ข้าจะล้างแค้นให้ผินอันเอง!”

ผู้หญิงชื่ออาเฟินไม่สนใจผู้ชายคนนั้น และร้องไห้อย่างโศกเศร้าบนตัวเด็ก

โจวกุ้ยหลานมองไปที่ผู้ชายที่พยายามเกลี้ยกล่อม และรู้สึกว่ามีบางอย่างแปลกๆ แต่นางบอกไม่ได้ว่าแปลกตรงไหน

ผู้รักษาคุณธรรมได้ยินเสียงเอะอะแล้วปวดขมับเล็กน้อย วิธีที่ง่ายที่สุดคือค้นหาว่าพิษชนิดใดอยู่ในท้องของเด็ก แล้วเปรียบเทียบกับวัตถุดิบในสูตรน้ำโค้กจะได้รู้ว่าการตายของเด็กเกิดจากน้ำโค้กหรือว่าอะไร

แต่ว่าผู้หญิงที่ชื่ออาเฟินเพิ่งสูญเสียลูกชายไป เขาจึงใจแข็งสั่งให้เจ้าหน้าที่ลากผู้หญิงคนนี้ออกไปไม่ได้

เขาเหลือบมองไปทางโจวกุ้ยหลาน ในใจมีความคิดหนึ่งขึ้นมา แล้วพูดออกมา “โจวกุ้ยหลาน เขียนวัตถุดิบออกมาตอนนี้เลย”

พอโจวกุ้ยหลานได้ยินคำพูดของเขา นางก็ลดสายตาลง แล้วเหลือบมองจากทางหางตา โดยมองไปทางผู้ชายที่คุกเข่าและกำลังดึงภรรยาของเขาอยู่ไม่ไกล พอเห็นร่างกายของเขาแข็งทื่อ นางก็มีแผนอยู่ในใจ

นางจึงหันกลับมา “ใต้เท้า สูตรนี้เป็นของเถ้าแก่ไป๋แล้ว ถ้าเราเอาให้ทุกคนดู การค้าขายของร้านเราก็จะไม่ทำรายได้อีก”

เห็นได้ชัดว่าผู้รักษาคุณธรรมไม่เข้าใจความหมายที่โจวกุ้ยหลานสื่อออกมา เขาถามออกมาทันที “แล้วเจ้าคิดว่าควรทำเช่นไร”

โจวกุ้ยหลานเงยหน้าขึ้นมา ก่อนจะยกยิ้มและพูดกับผู้รักษาคุณธรรมว่า “ใต้เท้า ข้าจะเขียนวัตถุดิบออกมาให้ ใต้าเท้าส่งคนไปเตรียมอย่างลับๆ แล้วให้ข้าไปทำน้ำโค้กออกมา ส่วนเรื่องปริมาณ ใต้เท้ากับท่านหมอที่ไปตรวจ ได้โปรดเก็บไว้เป็นความลับได้หรือไม่เจ้าคะ?

พอได้ยินคำพูดของโจวกุ้ยหลาน ไป๋ยี่เซวียนก็ขมวดคิ้วขึ้นมา ขอแค่มีคนเห็นสูตรมากกว่าสองคน สูตรนี้จะไม่สามารถปกปิดไว้ได้อีก

“ใต้เท้า ในเมื่อหมอเฉินตรวจสอบแล้วพบว่าในน้ำโค้กของข้ามีพิษ โปรดเชิญท่านหมอคนอื่นมาตรวจอีกครั้งเจ้าค่ะ”

“เหตุใดต้องตรวจสอบอีกครั้งด้วย หมอเฉินเป็นท่านหมอที่พวกเจ้าเป็นคนเชิญมาไม่ใช่หรือ นี่พวกเจ้าไม่ยอมรับว่าในน้ำโค้กมีพิษใช่หรือไม่”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: นางน้อยจอมพลังของนายพลบ้านนา