สวีฉางหลิน “……”
เขามิสงสัยในสิ่งที่ภรรยาเขากล่าวเลยสักนิด……
ยังมีเวลาอีกสิบเอ็ดเดือน……มันมิเพียงพอแม้แต่น้อย
ความโกรธในใจของเขาทวีคูณเพิ่มขึ้น เขาอยากจะหาใครสักคนมาระบายเหลือเกิน
เสี่ยวจิ่วสัมผัสได้ถึงความโมโหของเขา นางจึงได้รีบหนีไป
ส่วนเสี่่ยวอีซึ่งเป็นผู้คุ้มกันรับใช้ข้างกายเขานั้นแตกต่างกันไป ในค่ำคืนนี้เขาถูกเจ้านายของตนเรียกออกไปอีกครั้ง แล้วฝึกต่อสู้กับเจ้านายอยู่ตลอดทั้งคืน……
ในเวลาอีกสิบวันหลังจากนั้นการค้าของทางร้านก็ยุ่งมาก ยุ่งจนแทบหัวหมุน ทำเอาเสียจนโจวกุ้ยหลานรู้สึกราวกับว่าร่างจะแตกสลายทุกคราที่กลับถึงบ้าน
เมื่อไป๋ยี่เซวียนนำสมุดบัญชีของตนกลับไปตรวจสอบรายงาน พบว่ากำไรของเขามากกว่าเดือนที่แล้วเสียอีก
ทว่าในวันที่สอง ระหว่างที่เขากำลังคิดยอดบัญชีอยู่นั้น ในตอนเช้าตรู่ได้มีสตรีนางหนึ่งนามว่าอาเฟินนั่งตรงหน้าประตูร้านไก่ทอดผิ่นเว่ยอีกครั้ง แล้วร้องห่มร้องไห้คร่ำครวญ
สามีของนางก็คอยใส่ไฟอยู่ด้านข้าง หยิบยกเรื่องมีคนดื่มโค้กแล้วเสียชีวิตซึ่งทุกคนเกือบลืมไปแล้วขึ้นมาเอ่ยอีกครั้ง
ต่อให้โจวกุ้ยหลานจะนิสัยดีหรือใจเย็นสักเพียงไร บัดนี้นางก็มิอาจทนต่อไปได้
เมื่อมีคนมาหาเรื่องถึงที่หน้าบ้าน ครั้งแรกยังมิเท่าไหร่ มิใช่เรื่องง่ายเลยกว่าการค้าจะดีขึ้นมาได้เช่นนี้ เหตุใดจึงกลับมาอีกเป็นครั้งที่สอง
“ทางการได้ตรวจสอบวิธีการผลิตโค้กของเราแล้ว มิมีสิ่งใดที่เป็นอันตรายต่อร่างกาย เหตุใดพวกเจ้ายังหาพวกเราอีก?”
อาเฟินร่ำไห้น้ำตานองหน้า “บุตรชายของข้าสุขภาพแข็งแรงสมบูรณ์ มิมีอาการเจ็บป่วยใด เมื่อเขาดื่มโค้กของพวกเจ้าเข้าไปแล้วจึงเกิดเรื่องขึ้น พวกเจ้าทำร้ายบุตรชายข้าจนถึงแก่ชีวิต!”
เมื่อประโยคนี้ถูกกล่าวออกมา ผู้คนที่กำลังเข้าแถวอยู่ก็พากันวิพากษ์วิจารณ์อีกครั้ง
โจวกุ้ยหลานพยายามปลอบใจตนเอง มารดาที่ต้องสูญเสียบุตรไป ความรู้สึกนั้นนางเข้าใจได้ นางจึงพยายามลดน้ำเสียงลงแล้วปลอบว่า “เช่นนั้นเจ้าก็จงไปฟ้องร้องหยาเหมิน ให้ทางการตรวจสอบดูถึงเรื่องสุขภาพร่างกายลูกเจ้าว่าเป็นอย่างไรกันแน่ เช่นนี้เจ้าก็จะสามารถแก้แค้นให้แก่ลูกชายเจ้าได้”
เมื่อเอ่ยถึงตรงนี้ อาเฟินก็น้ำตาไหลออกมาอีกครั้ง
ชีวิตในช่วงนี้ นางน้ำตาไหลอยู่ตลอดทั้งวัน เมื่อนึกถึงบุตรชายของตนก็มิอาจควบคุมได้ บุตรชายของนางดีๆ อยู่เหตุใดจึงตายได้ง่ายดายเช่นนี้
“พวกเจ้ายังอยากจะปัดความรับผิดชอบอีกหรือ? ลูกข้าดื่มโค้กของพวกเจ้าและเสียชีวิตแน่!” ชายผู้นั้นก้าวไปข้างหน้าแล้วตะโกนใส่โจวกุ้ยหลานด้วยความโกรธ
การที่นางเข้าใจความรู้สึกของอาเฟินได้ มิเท่ากับว่านางจะต้องทนให้ชายผู้นี้มาสร้างปัญหาให้กับร้านของนางได้หรอก
โจวกุ้ยหลานหัวเราะด้วยความเยือกเย็น “เจ้ากำลังหมายความว่าผู้ชันสูตรศพและหมอเหล่านั้นมีความรู้มิมากพอ เรื่องที่พวกเขาบอกว่าโค้กของข้มิมีอันตราย จึงทำให้พวกเจ้ามิเชื่อสินะ?”
“โกหก! สูตรที่เจ้าบอกว่าใช้ทำโค้กนั้นมิอาจทำออกมาได้จริง เจ้านำสูตรปลอมไปให้พวกเขาน่ะสิ!” ชายผู้นั้นตะคอกออกมา
โจวกุ้ยหลานเลิกคิ้วขึ้น “เจ้าลองทำแล้วหรือ?”
ชายผู้นั้นกระอักกระอ่วม แล้วยืดคอขึ้นกล่าวด้วยความโมโหว่า “ใช่ ข้าลองแล้ว แต่มิอาจทำออกมาได้ เจ้านำวิธีการทำจอมปลอมมาให้พวกข้า และหลอกลวงพวกข้า!”
“วิธีการทำนั้นข้าให้กับคนจากทางการและผู้ชันสูตรศพรู้เท่านั้น แล้วเจ้าได้สูตรนั้นมาจากที่ใด?”
ชายผู้นั้นใบหน้าเปลี่ยนไปอย่างกะทันหัน ดูเหมือนเขาจะนึกอะไรขึ้นมาได้จึงได้หุบปากเงียบลงทันที
ผู้คนด้านข้างฟังดูด้วยความสับสน พวกเขามิรู้ว่าสองคนนี้กำลังเอ่ยถึงสิ่งใดอยู่
โจวกุ้ยหลานจึงยิ้มหยันขึ้นอีกครั้ง “บุตรชายของพวกเจ้าตายไปได้กว่าครึ่งเดือนแล้วกระมัง หลังจากที่การค้าของพวกเราเริ่มดีขึ้น พวกเจ้าก็ได้มาโวยวายสร้างปัญหาอีก ทำไมหรือ? เจ้าคิดอยากจะให้ข้านำวิธีการทำมาให้เจ้าอีกครั้ง เพื่อที่เจ้าจะได้นำไปสร้างเงินหรือไร?”
“ไร้สาระ! นังผู้หญิงคนนี้เอ่ยวาจาไร้สาระ ข้าอยากได้ลูกชายของข้าคืนมา เจ้าจงชดใช้ชีวิตให้แก่ลูกชายของข้า!” อาเฟินตะคอกออกมาอย่างบ้าคลั่ง นางปีนขึ้นจากพื้นแล้วพุ่งกายเข้าไปทางโจวกุ้ยหลาน
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: นางน้อยจอมพลังของนายพลบ้านนา
รอ บทต่อไปค่ะ...