นางน้อยจอมพลังของนายพลบ้านนา นิยาย บท 362

นางน้อยจอมพลังของนายพลบ้านนา บทที่ 362 คนมิเกี่ยวข้องห้ามเข้า

ขณะที่เขากำลังช่วยโจวกุ้ยหลานอยู่ด้านข้าง ก็ได้เล่าเรื่องทั้งหมดให้นางฟังทุกอย่าง

ตอนที่อาเฟินและสามีของนางเดินทางมาหาเรื่อง ไป๋ยี่เซวียนก็เดินทางออกไปหาใครบางคน คิดมิถึงว่าหัวหน้าผู้จับกุมนั้นกล่าวว่าพวกเขาสืบสวนพบแล้ว ผู้ที่วางยาเด็กชายคนนั้นจนถึงแก่ความตายก็คือชายคนนั้นนั่นเอง

พ่อแม่สามีของหญิงผู้นี้เดิมทีก็ร่างกายมิดีนักแล้วล้มป่วยลง ชายผู้นี้ให้พวกเขากินสารหนูจำนวนมิน้อย ด้วยการใส่ลงไปในอาหารทีละนิด เรื่องนี้จึงทำให้อาเฟินหายไปสักพัก เมื่อวานนี้ผู้เฒ่าทั้งสองเพิ่งจากไป อาเฟินจึงได้มาที่นี่ตามคำยุยงของสามี

“ช่างโหดร้ายยิ่งนัก!” โจวกุ้ยหลานอดมิได้ที่จะอุทานออกมา

สวีฉางหลินก็ส่ายหน้า “เขายังเป็นมนุษย์หรือไม่ เหตุใดจึงทำเรื่องเช่นนี้ได้?”

คิดไปแล้วก็ใช่

เรื่องนี้จัดการได้อย่างรวดเร็ว ผู้คนทั้งหลายจึงมิได้สนใจแล้วพากันไปทำงานของตนต่อ

ถัดมาเป็นเวลาอีกสิบกว่าวัน การค้านั้นก็ดีขึ้นเรื่อยๆ

เดิมทีพวกเขาทั้งหลายนิยมซื้อแล้วรับประทานในร้าน แต่ต่อมาจำนวนผู้มั่งคั่งซึ่งอาศัยบริเวณไกลออกไป ก็จะส่งคนรับใช้มาซื้อเพื่อนำกลับไปที่จวน

คนในร้านของพวกเขาจึงได้เหนื่อยขึ้นอีก

ไป๋ยี่เซวียนและโจวกุ้ยหลานปรึกษาหารือกันว่าแต่ละคนจะได้เงินพิเศษคนละหนึ่งตำลึง พวกเขามีความสุขยิ่งนัก ทำงานอย่างขยันขันแข็งมากขึ้น

และในช่วงนี้ เมิ่งเจียงกับคนอื่นๆ ก็ได้สวมชุดผ้าฝ้ายสีน้ำเงินเช่นกัน พวกเขามิต้องทนหนาวสั่นอีกต่อไป

โจวกุ้ยหลานมักจะไปเอ่ยถามข่าวคราวที่อี้จั้นว่ามีข่าวจากทางนั้นบ้างหรือไม่ แต่กลับมิมีใครปรากฏตัวขึ้นเลย ความมิสบายใจของนางก็เพิ่มมากขึ้น

นางรู้สึกว่าสถานการณ์ดูผิดปกติไป มารดาและพี่ชายของนางเป็นไปมิได้ที่จะมิรู้ว่านางอยู่ต่างถิ่นเช่นนี้แล้วเป็นห่วงพวกเขา

ในขณะที่นางตั้งใจคิดจะเดินทางกลับไปดู ก็ได้ยินข่าวลือมาจากไหนเมืองหลวงว่ามีการก่อกบฏในมณฑลหยวนเหอ

ที่แท้อาหารที่ทางราชสำนักส่งไปมีมิเพียงพอ หลังจากที่พวกเขารออยู่เนิ่นนาน แต่ก็ได้กินเพียงโจ๊กมิกี่มื้อ ท้ายที่สุดเมื่อทนมิไหว ผู้คนกลุ่มหนึ่งก็ได้บุกเข้าไปที่บ้านของผู้มั่งคั่ง แย่งชิงอาหารมากมาย เมื่อพวกเขารับประทานกันอยู่สองสามมื้อ ในใจของพวกเขาก็เริ่มฮึกเหิม แล้วรวบรวมจำนวนคนได้มิมากมิน้อยทีเดียว

“บัดนี้ในมณฑลหยวนเหอมีการฆ่าฟันกันมากมาย ข้าได้ยินมาว่าเหล่าขุนนางได้พาครอบครัวของตนหลบหนีไปเสียแล้ว

เฮ้อ ประชาชนเหล่านั้นช่างน่าสมเพชเหลือเกิน”

“ก็ใช่น่ะสิ คนเราเมื่อเข้าตาจนและหิวมาก ล้วนทำอะไรก็ได้ทั้งนั้น เหนือความคาดหมาย มิมีใครจะรู้ได้หรอก”

เมื่อได้ยินข่าวลือจากคนเหล่านั้น โจวกุ้ยหลานก็รู้สึกว่าร่างกายของตนสั่นสะท้าน นางก้าวไปข้างหน้าสองสามก้าว หยุดยืนอยู่ตรงหน้าคนผู้นั้นแล้วเอ่ยถามด้วยความกังวลว่า “เหตุการณ์จลาจลนี้เริ่มขึ้นตั้งแต่เมื่อใด?”

ชายผู้นั้นมองนางตั้งแต่ศีรษะจรดเท้า ก่อนจะส่ายหน้ากล่าวว่า “ข้าเองก็มิแน่ใจนัก แต่ดูเหมือนจะมากกว่าหนึ่งเดือนแล้ว”

“มิใช่หรอกกระมัง ข้าเพิ่งได้ยินเรื่องนี้เมื่อมิกี่วันก่อนเอง”

พวกเขาทั้งหลายพากันเอะอะโวยวายขึ้น โจวกุ้ยหลานรีบขึ้นรถม้าแล้วสั่งให้คนขับรถม้ามุ่งหน้าไปยังสถานที่เสี่ยวเก๋อมักจะออกขอทานเป็นประจำ

รถม้าพุ่งไปข้างหน้าด้วยความรวดเร็ว โจวกุ้ยหลานกำเสื้อผ้าของตนเอาไว้แน่น แล้วได้แต่ภาวนาอยู่ในใจให้เหล่าไท่ไท่และคนอื่นๆ อย่าได้เป็นอะไรเลย

รอจนกระทั่งนางไปถึงบริเวณนั้น โจวกุ้ยหลานก็ทำการค้นหาด้วยความคุ้นเคย ในที่สุดนางก็พบเสี่ยวเก๋อตัวน้อย ซุกอยู่ในมุมด้วยร่างกายอันสกปรก

เมื่อเห็นนางเดินทางมา เสี่ยวเก๋อก็รีบลุกขึ้นอย่างร้อนรน เขาตบฝุ่นบนร่างกายของตนออก และเอ่ยทักทายนางด้วยความอบอุ่น

“เสี่ยวเก๋อ เจ้ารู้เรื่องการจลาจลในมณฑลหยวนเหอหรือไม่?”

“รู้สิ มีอะไรหรือ?” เสี่ยวเก๋อเอ่ยถาม

โจวกุ้ยหลานดูท่าทางตื่นตระหนก “เจ้ารู้หรือไม่ว่าเกิดอะไรขึ้นที่นั่น แล้วเป็นอย่างไรบ้างในบัดนี้?”

เสี่ยวเก๋อส่ายหน้า “มิดีนัก มีผู้คนมากมายล้มตาย”

โจวกุ้ยหลานอดมิได้ที่จะก้าวถอยหลังไป มือของนางสั่นเทา “นี่มัน……นี่มันนานแค่ไหนแล้ว”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: นางน้อยจอมพลังของนายพลบ้านนา