พอคำพูดนี้ออกมา แขกคนอื่นก็ดีใจนัก พากันขอบคุณ ต่างคนแยกย้ายกลับไปทานอาหารต่อที่
โต๊ะของตนเอง
พริบตาเดียว ในห้องก็เหลือแค่คนของโรงเตี๊ยม และสองสามีภรรยาโจวกุ้ยหลานและสวีฉางหลินล่ะ
ไป๋ยี่เซวียนกำหมัดคารวะทั้งสองคนอีกครั้ง “ทั้งสองท่านโปรดตามข้ามา”
ระหว่างพูด ก็ทำท่าเชื้อเชิญ
โจวกุ้ยหลานพยักหน้า ลากสวีฉางหลินเดินตามไป
ไป๋ยี่เซวียนหันมามองด้านหลัง พลางเอ่ยปากว่า “พวกเจ้ากลับไปห้องครัว และเหลือสองคนมาเก็บกวาดห้องส่วนตัวให้เรียบร้อย และส่งอาหารชั้นเลิศไปที่ห้องด้านข้าง”
พอได้รับคำสั่งของเขา คนที่ต่างยืนอยู่ก็พากันเริ่มขยับอย่างเป็นขั้นเป็นตอน
ในใจโจวกุ้ยหลานยกระดับไป๋ยี่เซวียนขึ้นอีก
คนคนนี้เก่งจริง อายุน่าจะยี่สิบต้นๆ จัดการเรื่องได้อย่างฉมังคล่องแคล่ว และยังจัดการดูแลโรงเตี๊ยมใหญ่ขนาดนี้อย่างเป็นระเบียบเรียบร้อย เห็นได้ชัดว่าไม่ใช่คนธรรมดาเลย!
ระหว่างครุ่นคิด ไป๋ยี่เซวียนได้พาพวกเขาเข้ามายังห้องว่างข้างๆ จากนั้นพอทั้งสองคนนั่งลง ก็ยกมือคารวะทั้งคู่อีกว่า “วันนี้ขอบคุณทั้งสองท่านมากที่ยื่นมือเข้าช่วย ข้าขอเลี้ยงอาหารพวกท่านสักมือแล้วกัน”
โจวกุ้ยหลานยิ้มบอก “เถ้าแก่ไป๋นี่มีราศีรู้จักกาลเทศะ เช่นนั้นพวกเราคงไม่ปฏิเสธแล้วล่ะ เพราะคนจนอย่างพวกเราไม่เคยได้กินอาหารโรงเตี๊ยมอย่างนี้มาก่อนเลยนะ!”
คำพูดนี้ถึงจะเป็นการรับคำ และยังไม่ปิดบังเลยว่าตนนั้นยากจน แต่ท่าทีกลับดูราบเรียบไม่อ่อนด้อย กลับทำให้ไป๋ยี่เซวียนมองนางใหม่อยู่หลายส่วน
ไป๋ยี่เซวียนยิ้มถามว่า “ไม่ทราบว่าพี่ฉางหลินเรียนวรยุทธ์มาจากที่ใดกันรึ ถึงกลับทำเอาพวกเขาพ่ายแพ้ไปเยี่ยงนี้ได้?”
คำพูดนี้ออกมา โจวกุ้ยหลานก็มองสวีฉางหลินอย่างรอคอยเช่นกัน
นางก็อยากรู้มากนะ สามีนางเห็นได้ชัดว่าไม่ใช่ชาวเขาธรรมดาเลย
ดูจากราศีแล้ว คนเหนือคนชัดๆเลย!
สวีฉางหลินมองเห็นสายตาทั้งคู่ ริมฝีปากบางเผยออกว่า “เรียนจากการล่าสัตว์บนเขา”
โจวกุ้ยหลานปากกระตุก ผู้ชายคนนี้ซื่อเกินไปแล้ว เวลานี้คุยโม้หน่อยสิ ทำให้นางเลื่อมใสเขามากขึ้นไม่ได้หรือไง?
แต่ว่านางไม่อยากให้สามีตนมารำคาญใจมากไปกับเรื่องที่ตนเองไม่อยากพูดถึง เลยเปลี่ยนเรื่องไปถามไป๋ยี่เซวียนว่า “เถ้าแก่ไป๋ คนพวกนั้นมันเรื่องอะไรกันน่ะ?”
พูดถึงเรื่องนี้ ต่อให้ไป๋ยี่เซวียนเก็บท่าทีเก่งแค่ไหน เวลานี้ก็สีหน้าเปลี่ยนเช่นกัน “นี่เป็นนักเลงกลุ่มหนึ่ง คงจะเป็นโรงเตี๊ยมไป่เว่ยตรงข้ามส่งมา”
โรงเตี๊ยมไป่เว่ย?
ตอนโจวกุ้ยหลานพึ่งมาก็ได้เห็นแล้ว เหมือนว่าจะเป็นโรงเตี๊ยมสามชั้น ใหญ่กว่าโรงเตี๊ยมของไป๋ยี่เซวียนเสียอีก
“เรื่องนี้ ทำไมท่านถึงสงสัยพวกเขาล่ะ ไม่สงสัยว่าเป็นนักเลงพวกนั้นมาโกงท่านรึ?” โจวกุ้ยหลานถามอีกครั้ง
ยังไงซะคนพวกนี้ก็ไม่เคยพูดถึงโรงเตี๊ยมไป่เว่ยเลยตั้งแต่ต้นจนจบ แต่จากความหมายของไป๋ยี่เซวียน เขาดูมั่นใจมาก
“นักเลงธรรมดาอย่างมากก็แค่กินไม่จ่ายเงิน เจอพวกเก่งกล้า ก็ไม่กล้าทำให้เป็นเรื่องใหญ่ แต่พวกเขากลับแสดงท่าทีชัดเจนว่า ตั้งใจมาปลดป้ายโรงเตี๊ยมของข้า มันพอๆกับจะพังโรงเตี๊ยมของข้าแล้ว นักเลงธรรมดาจะไม่ทำเรื่องให้ใหญ่โตแบบนี้”
พูดอย่างมีหลักการนัก
โจวกุ้ยหลานรู้สึกเห็นด้วย พ่อครัวรวมพนักงานของโรงเตี๊ยมนี้ก็มีไม่น้อยเลย ไม่กลัวพวกเขาที่มากันสิบคนแปดคนหรอก
“เดือนนี้เมืองมีจัดการคัดเลือกโรงเตี๊ยมอันดับหนึ่งของเมือง ต้องแข่งกันด้วยอาหารสามอย่าง พวกเราทางนี้กำลังเตรียมตัวกันเลย นี่ก็มีคนมาก่อกวนทุกสองวันสามวัน ลูกค้าเลยลดน้อยลงไป”
ไป๋ยี่เซวียนพูดมาถึงตรงนี้ น้ำเสียงเริ่มไม่ดีแล้ว
ในการทำการค้า คนทำสายเดียวกันถือเป็นคู่แข่ง เรื่องลอบแทงข้างหลังแบบนี้มีไม่น้อยเลย แต่มาก่อเรื่องอย่างพวกเขานี่กลับหาได้ยากนัก
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: นางน้อยจอมพลังของนายพลบ้านนา
รอ บทต่อไปค่ะ...