“ท่านลองเสนอราคามาก่อน”
โจวกุ้ยหลานพูดขึ้นอย่างยิ้มแย้ม แล้วก็โยนคำถามให้กับผู้จัดการหลิวอย่างหน้าตาเฉย
สายตาผู้จัดการหลิวคนนั้นเป็นประกาย ยกมือขึ้นมาลูบหนวดเคราของตนเอง พร้อมพูดขึ้นอย่างยิ้มแย้มว่า “พวกนี้ ข้าให้พวกเจ้าสองตำลึง ดีไหม?”
สองตำลึงถือเป็นจำนวนรายได้ทั้งปีของครอบครัวชาวสวน สำหรับพวกเขา น่าจะไม่น้อยแล้ว
สองตำลึง?
นี่เห็นว่านางเป็นคนโง่หรือ?
โจวกุ้ยหลานยิ้มหัวเราะให้กับเขา นิ้วชี้ไปที่เขากวางอ่อนที่มีราคาที่สุด พร้อมยิ้มพูดขึ้นว่า “ผู้จัดการหลิว เขากวางอ่อนนี้เป็นสิ่งที่ประมูลราคาไม่ได้ แค่ขายเพียงอย่างเดียว ราคาก็ไม่ต่ำกว่าสองตำลึงมั้ง?”
สวีฉางหลินหรี่ตาลง หันไปมองดูผู้หญิงตัวเล็กที่อยู่ด้านข้าง
นางรู้จักสิ่งของพวกนี้ ไม่ใช่ผู้หญิงชาวบ้านธรรมดาคนหนึ่งจะสามารถรู้เรื่องพวกนี้
ในใจผู้จัดการหลิวก็แอบตกตะลึง ก่อนหน้านี้เขาก็รู้สึกได้แล้วว่าสองคนนี้แตกต่างจากคนอื่น แต่กลับคิดไม่ถึงว่าผู้หญิงคนนี้จะเป็นคนมีอำนาจตัดสินใจ ที่สำคัญที่สุดก็คือ ผู้หญิงคนนี้กลับรู้จักเขากวางอ่อนเป็นอย่างดี.....
“คิดไม่ถึงว่าท่านจะรู้เยอะขนาดนี้ งั้นข้าก็ให้จากใจจริง หกตำลึง ข้าเอาทั้งหมดนี้ เป็นอย่างไร?”
ผู้จัดการหลิวลูบหนวดเคราของตนเอง เนื้อบนใบหน้าแสดงให้เห็นถึงความเจ็บปวดใจ
โจวกุ้ยหลานยิ้มหัวเราะ ในขณะที่ผู้จัดการหลิวคิดว่านางจะพยักหัวตอบตกลง กลับขยับไปกระซิบข้างหูสวีฉางหลิน พร้อมถามขึ้นว่า “สิบตำลึง เจ้ายอมขายไหม?”
ยังไงก็เป็นกวางที่เขาล่ามา ยังไงก็ต้องปรึกษาเขา
ลมหายใจร้อนผ่าวเป่าอยู่ข้างหูของสวีฉางหลิน ทำให้เขารู้สึกค่อนข้างจักจี้
“แล้วแต่เจ้า”
มีคำพูดเขา โจวกุ้ยหลานจึงพูดขึ้นมาอีกครั้งว่า “สิบตำลึง หากยังอยากได้เนื้อกวางกับหนังกวางด้วย งั้นก็เพิ่มอีกสามตำลึง ผู้ชายของข้าเป็นนายพรานที่มีชื่อเสียงในเขตพื้นที่โดยรอบนี้ และก็มีเพียงเขาที่สามารถล่าได้กวางซิก้า”
พูดอีกอย่างก็คือ หากราคาเหมาะสม ต่อไปก็ยังสามารถทำความร่วมมือซื้อขายกันได้
คนงานที่อยู่ด้านข้างตกตะลึงอย่างมาก เขาอดไม่ได้ที่จะหันไปมองของบนชั้นวาง หนึ่งเดือนเขาได้ค่าแรงแค่สองเหรียญเอง หนึ่งปีก็ได้แค่สองตำลึงกว่า ในหมู่บ้านถือว่าดีที่สุดแล้ว นี่กลับเทียบนายพรานคนหนึ่งก็ไม่ได้?
ผู้จัดการหลิวขมวดคิ้วอย่างอดทนไม่ไหว ลังเลครุ่นคิดอย่างมาก
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: นางน้อยจอมพลังของนายพลบ้านนา
รอ บทต่อไปค่ะ...