“เจ้าแต่งออกไปแล้วไม่ใช่ลูกสาวข้าแล้วหรือไง? ดูความงกของเจ้าสิ! ฉลาดเกินไปแล้วนะ! ถ้าเก่งขนาดนั้น ทำไมไม่ช่วยพี่ชายเจ้าล่ะ?” เหล่าไท่ไท่เบิกตากว้าง น้ำเสียงต่อว่าต่อขาน
โจวกุ้ยหลานไม่สนใจ ย้อนว่า “แม่บอกข้าได้ไหมว่า ท่านเหลือสมบัติให้พี่ชายมากแค่ไหนกัน?”
“ไปเลยไป อย่ามาหลอกถามเสียให้ยาก!” เหล่าไท่ไท่หันหน้าหนี เย็บพื้นรองเท้าให้ลูกชายตนต่อไป
โจวกุ้ยหลานยักไหล่ เหล่าไท่ไท่ฉลาดจะตาย ยังมาว่านางอีก
“แม่ ท่านก็อย่าเอาแต่ฟังความข้างเดียวจากอาสะใภ้ชุ่ยฮวา อีกฝ่ายเป็นยังไงเราก็ต้องไปดูด้วยนะ” โจวกุ้ยหลานเตือนออกมา
“ยังต้องให้เจ้าบอกรึ? ข้ากะว่าอีกหลายวันจะให้พี่ชายเจ้าไปบ้านฝ่ายหญิงดูสักหน่อย พอดีผ้าที่เจ้าส่งมาให้ก็เอาไปตัดชุดใหม่ให้พี่ชายเจ้า นี่ก็ทำรองเท้าให้พี่เจ้าอยู่มิใช่หรือไง?” เหล่าไท่ไท่พูดเรื่องนี้ น้ำเสียงรัวเร็ว
เรื่องการแต่งงานของลูกชายเป็นแผลในใจอย่างหนึ่งของนาง บัดนี้ถือว่าเริ่มมีเค้าโครงแล้ว จิตใจนางก็ผ่อนคลายลง
ลูกชายนี่คือที่สุดจริงๆ ทำไมสวีฉางหลินไม่มีแม่ที่เอาแต่ทำเพื่อเขาอย่างนี้นะ แบบนี้จะได้ช่วยทำเสื้อผ้าให้เขา
“แม่ นี่ก็ใกล้เข้าฤดูหนาวแล้ว ท่านทำรองเท้าผ้าฝ้ายให้บ้านข้าสักหลายคู่สิ?” โจวกุ้ยหลานคิด พลางพูดขึ้นมาเป็นเชิงปรึกษาเหล่าไท่ไท่
เหล่าไท่ไท่ถลึงตาใส่ “ตอนนี้ทำไมไม่บอกว่าเจ้าเป็นลูกสาวที่แต่งออกไปแล้ว เป็นน้ำที่สาดออกไปแล้วล่ะ?”
โจวกุ้ยหลานเบ้ปาก “ท่านไม่สอนข้าเองมิใช่รึ? และไม่หาคนที่มีแม่ผัวให้ข้าด้วย”
เจ้าก้อนน้อยที่อยู่ข้างๆได้ยินโจวกุ้ยหลานจะหาผู้ชายที่มีแม่ผัว รีบจับชายเสื้อโจวกุ้ยหลานหมับด้วยสองมือ จ้องมองนางเขม็ง ราวกับกลับว่านางจะไปจากพวกเขา
โจวกุ้ยหลานกระอักกระอ่วน มัวแต่เถียงกับเหล่าไท่ไท่ ลืมคิดไปเลยว่าเจ้าก้อนน้อยอยู่ข้างๆ
พอเห็นเจ้าก้อนน้อยเริ่มไม่สบายใจมากขึ้นเรื่อยๆ นางรีบปลอบอย่างรวดเร็ว “แม่พูดเล่นดอก เสี่ยวเทียนไม่ต้องกลัวไปนะ”
เจ้าก้อนน้อยถึงผ่อนคลายลง เพียงแต่มือคู่น้อยยังกำเสื้อผ้าโจวกุ้ยหลานแน่นไม่ยอมปล่อย
โจวกุ้ยหลานเหนื่อยใจ เจ้าก้อนน้อยขาดความอบอุ่นปลอดภัยเกินไปแล้ว ต่อไปต้องระวัง ระวังให้ดีหน่อย
เหล่าไท่ไท่ที่อยู่ข้างๆเหล่ลูกสาวคนเล็กตนเอง แอบบ่นพึมพำในใจ นังหนูนี่ดีกับลูกเลี้ยงตนเองเสียยิ่งกว่าแม่แท้ๆอย่างนางอีก!
“เจ้าเอาผ้ามามากหน่อย ถึงเวลานั้นทำรองเท้าเสร็จแล้ว จะได้ทำคู่หนึ่งให้ว่าที่พี่สะใภ้เจ้าด้วย” โจวกุ้ยหลานเกือบมองบน “นี่ยังไม่เจอหน้าเลยนะ แม่ก็รีบทำรองเท้าให้นางแล้ว ไม่คิดบ้างว่า ลูกสาวแม่มีรองเท้าใส่ไหม!”
สำหรับเหล่าไท่ไท่ นางชอบจริงๆจากใจ บวกกับความทรงจำและความรักของเจ้าของร่างเดิม นางก็เห็นเหล่าไท่ไท่เป็นแม่แท้ๆของนางเอง รู้สึกน้อยใจขึ้นมา ก็พูดออกมาเลยอย่างไม่ปิดบัง
เหล่าไท่ไท่นั่นก็ไม่ใช่ย่อย ย้อนทันทีว่า “งั้นเจ้าทำเสื้อผ้าทำรองเท้าให้เจ้าเด็กนี่ ทำไมไม่คิดทำให้แม่เจ้าบ้างล่ะ?”
“ข้าก็ให้ผ้ากับท่านแล้วนี่? ใครให้ท่านเก็บไว้ไม่ใช้ล่ะ?” โจวกุ้ยหลานตอบอย่างหน้าตาเฉย เวลานี้ต้องเถียงให้รู้แพ้รู้ชนะไปเลย
“ไอ้โหย เจ้าเด็กเนรคุณนี่ ผ้าแค่นั้นข้าใช้แล้วพี่ชายเจ้าใช้อะไรล่ะ? ทำไมเจ้าไม่ให้ผ้าเพิ่มอีกทับล่ะ?” เหล่าไท่ไท่ก็ไม่ยอมถอยเลย
พอเห็นทั้งคู่ทำท่าจะทะเลาะกันขึ้นมา เจ้าก้อนน้อยที่อยู่ข้างๆตกใจจนรีบปล่อยเสื้อโจวกุ้ยหลาน ปีนลงจากตั่งทั้งมือและเท้า วิ่งน้อยๆด้วยขาสั้นเล็กของตนไปหาพ่อที่อยู่ข้างนอก
โจวกุ้ยหลานเบ้ปาก “ข้าก็จนอยู่นี่ ท่านน่ะคิดถึงแต่พี่ชาย”
“ข้ามีพี่ชายเจ้าเป็นลูกชายคนเดียว ต่อไปก็ต้องให้เขาเลี้ยงตอนแก่ ไม่คิดถึงพี่ชายเจ้าคิดถึงเจ้ารึ รอข้าขยับไม่ได้แล้วเจ้าเลี้ยงข้าหรือไง?” เหล่าไท่ไท่ฉลาดจะตาย เรื่องพวกนี้มีหรือจะแยกแยะไม่ออก?
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: นางน้อยจอมพลังของนายพลบ้านนา
รอ บทต่อไปค่ะ...