“คงได้แต่ทำอย่างนี้แล้ว ไม่ได้จริงๆ ถึงเวลานั้นก็ถามเถ้าแก่ไป๋ดูว่าโรงเตี๊ยมต้องการหัวไชเท้าดองหรือไม่...” พูดถึงตรงนี้ โจวกุ้ยหลานชะงัก สมองปิ๊งไอเดีย สองตาเป็นประกายขึ้นมาอีกครั้ง
“พวกเรามิมีไส้กรอกเบคอน แต่เถ้าแก่ไป๋มีนี่นา พวกเราซื้อกับเขาโดยตรงเลยมิดีรึ?”
คราก่อนพวกเขาก็ได้กินเบคอนและไส้กรอกที่โรงเตี๊ยมเทียนเซียงนี่นา!
“ดี งั้นก็ไปลองดู” สวีฉางหลินรับคำ และวางหัวไชเท้าที่หั่นเสร็จแล้ววางไว้มุมกำแพง
“งั้นตอนนี้พวกเราก็เอาชิ้นหัวไชเท้าที่ตากแดดไว้ข้างนอกย้ายเข้ามาและเอาเข้าไปในเมืองเถอะ จะได้นำเงินไปแตกเป็นเงินย่อยด้วย! ยังมีน้ำส้มสายชู น้ำส้มสายชูที่จะเอามาหัวไชเท้าดองก็ไม่พอ” โจวกุ้ยหลานตื่นเต้นจริง
สำหรับเรื่องนี้สวีฉางหลินไม่คิดต่างอยู่แล้ว เลยพยักหน้าเห็นด้วย
ทั้งสองคนบอกจะทำก็ทำเลย ต่างออกไปเอาหัวไชเท้าตากแห้งที่ตากแดดไว้ด้านนอกเก็บเข้ามา และเก็บเสื้อผ้าผ้าห่มที่ตากไว้อย่างรวดเร็ว โจวกุ้ยหลานก็ไปเลี้ยงไก่ และจูงแพะสองตัวที่ออกไปกินหญ้ากันเองเข้ามาในคอกแพะ
พอทำเรื่องพวกนี้เสร็จ โจวกุ้ยหลานมองดูเสี่ยวไน่เปา พลางคิดว่าพาเสี่ยวไน่เปาออกไปเที่ยวดูดีกว่า อยู่แต่ในบ้านเบื่อตายเลย
ระหว่างคิด นางก็เปลี่ยนชุดใหม่ให้เสี่ยวไน่เปา ส่วนตัวเองก็เปลี่ยนเป็นชุดกระโปรงใหม่ที่สวีฉางหลินซื้อมาให้ และยืนอยู่หน้าประตูรอสวีฉางหลิน
สวีฉางหลินขุดตำลึงเงินก้อนหนึ่งจากในดินออกมาแท่งหนึ่ง และเอาดินปิดไว้อีก จากนั้นเก็บไว้ในตัวอย่างดี ถึงออกจากบ้าน
“ไปเถอะ” ระหว่างพูด เขาก็จะเดินออกไปข้างนอก
โจวกุ้ยหลานเห็นอย่างนั้น ก็คว้าแขนเขาไว้ “เจ้าจะไปอย่างนี้รึ?”
“อืม ทำไมรึ?” สวีฉางหลินถามอย่างไม่เข้าใจ
“เจ้าดูข้ากับเสี่ยวเทียนสิ แต่งกายด้วยเสื้อผ้าใหม่งดงามทั้งนั้น เจ้าจะใส่เสื้อผ้าขาดวิ่นเก่าครึนี้ไป คนเขาจะเข้าใจว่าเจ้าเป็นคนรับใช้ของพวกเรานะ ไปสิ ไปเปลี่ยนเป็นชุดใหม่ที่ท่านแม่ทำให้เจ้า วันนี้ครอบครัวเราจะไปเดินเล่นในเมืองกันสักหน่อย!”
โจวกุ้ยหลานพูด พลางมองไปที่สวีฉางหลิน
สวีฉางหลินวันนี้ใส่ชุดที่เขาเคยใส่ไปล่าสัตว์เมื่อก่อน มันขาดวิ่นหมดแล้ว
สวีฉางหลินฟังดู ก็รู้สึกว่าเป็นเช่นนี้จริงๆ เลยเดินกลับเข้าไปในห้องอีก และเปลี่ยนเสื้อผ้า จากนั้นค่อยออกมาบอกพวกเขาว่า “ตอนนี้เล่า?”
คราวนี้เขาใส่ชุดใหม่ที่ช่วงก่อนเหล่าไท่ไท่ทำให้เขา ดูสง่างามมากขึ้น กระปรี้กระเปร่า รูปร่างก็ดูดีขึ้นมาก
อืม แบบนี้มิเลวเลย
โจวกุ้ยหลานพยักหน้าชื่นชม เป็นเชิงบอกว่าสวีฉางหลินผ่านแล้ว
ล็อคประตูขึ้นมา และจูงมืออีกข้างหนึ่งของเสี่ยวไน่เปา ทั้งสามคนในครอบครัวเดินไปทางหมู่บ้าน
พอเดินไปบ้านเหล่าหม่าโถวได้รู้ว่าเหล่าหม่าโถวยังไม่กลับมา พวกเขาได้แต่ไปหมู่บ้านข้างๆและเหมารถวัวลากด้วยเงินสิบอีแปะเพื่อไปตำบลเสี่ยวไน่เปาที่ได้ขึ้นรถวัวลากครั้งแรกกระเด้งกระดอนจนนั่งไม่นิ่ง ได้แต่ส่ายไปข้างหน้าข้างหลังซ้ายขวา
สวีฉางหลินยื่นมือออกไปอุ้มเขามาไว้ในอ้อมแขน ถึงได้ดีขึ้นหน่อย
ครั้งนี้พวกเขาไม่ได้ล่าช้า และให้รถวัวลากนั้นพาพวกเขาไปส่งที่โรงเตี๊ยมเทียนเซียงเลย
โจวกุ้ยหลานจ่ายเงิน และลงจากรถวัวลากพร้อมกับพวกสวีฉางหลิน ยืนอยู่หน้าประตูโรงเตี๊ยมเทียนเซียง
พวกเขาสามคนพ่อแม่ลูกยืนอยู่หน้าประตูโรงเตี๊ยมเทียนเซียงเป็นครั้งแรก ตัวอักษรที่เขียนบนป้ายชื่อสี่ตัวนั่นมีลักษณะพลังมาก และแขวนไว้ชั้นสอง แสดงให้เห็นถึงบรรยากาศของทั้งโรงเตี๊ยมดูสูงขึ้นอีก
“พวกเจ้าจะเข้าไปกินข้าวหรือไม่? ไม่กินข้าวก็ถอยไปอีกด้านซะ!”
น้ำเสียงเต็มไปด้วยความโกรธดังขึ้นด้านหลัง โจวกุ้ยหลานหันไปมอง และเห็นชายอ้วนคนหนึ่ง
สีหน้าบ่งบอกว่ารำคาญมาก
“ท่านผู้นี้ พวกเราไม่ได้ขวางทางท่านเลยนะ ด้านหน้าด้านหลังซ้ายขวาก็สามารถเดินได้ทั้งหมดเลย”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: นางน้อยจอมพลังของนายพลบ้านนา
รอ บทต่อไปค่ะ...