นางสนมแพทย์อัจฉริยะ นิยาย บท 1057

ในห้องคลอดมีเพียงเสียงสะอื้นของสนมเอกเซี่ยเท่านั้น หมอหลวงผู้หญิงมองหน้ากัน แต่ละคนแสดงท่าทีตื่นตระหนกไม่สบายใจ กลัวว่าตนเองจะถูกฆ่าปิดปาก ใบหน้าของนางผดุงครรภ์ซีดขาวเสียยิ่งกว่าเมื่อเทียบกับสนมเอกเซี่ย......

ไม่ว่าจักรพรรดิน้อยจะเกิดมาด้วยความผิดปกติทางร่างกายหรือไม่ แต่สิ่งที่นางผดุงครรภ์ทำคือ การปล่อยให้จักรพรรดิน้อยหลุดมือจนเกือบถึงแก่ความตาย สนมเอกเซี่ยไม่มีทางปล่อยนางไปง่าย ๆ ส่วนสาวใช้ของสนมเอกเซี่ยเองก็รู้สึกไม่สบายใจเช่นกัน

เรื่องเช่นนี้ไม่ใช่เรื่องใหญ่ในครอบครัวของคนทั่วไป เนื่องจากจักรพรรดิน้อยไม่ได้มีอาการหนักแต่อย่างใด แต่ในพระราชวัง ด้วยสภาพเช่นนี้ของจักรพรรดิน้อย จะต้องเป็นที่รังเกียจของจักรพรรดิเป็นแน่ และอาจร้ายแรงถึงขั้นไม่อาจสืบทอดบัลลังก์ต่อไปได้

ในห้องคลอด ทุกคนต่างมีความคิดเป็นของตัวเอง เนื่องจากเฟิ่งชิงเฉินไม่ใช่สูตินรีแพทย์หรือนรีแพทย์ นางจึงไม่รู้ว่าต้องทำอย่างไรถึงทำให้สนมเอกเซี่ยสงบลงได้ จนกระทั่งจักรพรรดิน้อยทนไม่ไหว ส่งเสียงร้องเบา ๆ ออกมา เวลานั้นสนมเอกเซี่ยถึงได้สงบลง

สาวใช้ในพระราชวังจึงรีบวิ่งเข้าไป อุ้มจักรพรรดิน้อยไว้ในอ้อมแขน มองเห็นหมอหลวงหญิงที่อยู่ในสภาพงงงวยเหล่านั้น นางรู้สึกโกรธและพูดออกมาด้วยความไม่พอใจว่า “จะยืนงงอยู่ทำไม ยังไม่รีบเข้ามาอีก รีบล้างตัวให้จักรพรรดิน้อยเร็วเข้า”

“เข้า เข้าใจแล้ว” เหล่าหมอหลวงหญิงได้สติกลับคืนมา ไม่มีใครกล้ามองมาที่ปากของจักรพรรดิน้อย

ด้วยความเข้มแข็งของผู้เป็นแม่ สนมเอกเซี่ยเช็ดน้ำตาบนใบหน้าของนาง สั่งให้นางผดุงครรภ์และหมอหลวงทำความสะอาดทุกอย่างแทนนาง และสั่งให้หมอหลวงหญิงหั่นโสมให้นางอีกหนึ่งชิ้น

เวลานี้นางจะหมดสติไม่ได้อีกต่อไปแล้ว นี่คือลูกชายของนาง นางต้องคิดและปกป้องลูกชายของตนเอง

เฟิ่งชิงเฉินเห็นสนมเอกเซี่ยหลุดพ้นจากความเจ็บปวดได้อย่างรวดเร็ว แอบรู้สึกชื่นชมในใจ เฟิ่งชิงเฉินก้าวไปข้างหน้าเพื่อตรวจดูริมฝีปากของจักรพรรดิน้อย และคิดถึงวิธีจัดการกับกรณีดังกล่าว

ปากแหว่งเป็นโรคที่ไม่อาจรักษาได้ในสมัยโบราณ แต่นางสามารถทำได้......

“เหนียงเหนียง จักรพรรดิน้อยน่ารักมากเลยเพคะ” สาวใช้ล้างตัวให้จักรพรรดิน้อยและอุ้มมาด้านหน้าของสนมเอกเซี่ย เวลานี้นางไม่กล้าปล่อยให้นางผดุงครรภ์แตะต้องจักรพรรดิน้อยเลยแม้แต่น้อย

ผ่าห่อสีแดงทำให้จักรพรรดิน้อยดูมีผิวพรรณเป็นสีชมพู ซึ่งดูน่ารักเป็นอย่างมาก สภาพของจักรพรรดิน้อยดูดีกว่าเมื่อครู่เป็นอย่างมาก ใบหน้าของสนมเอกเซี่ยเองก็เผยให้เห็นถึงรอยยิ้มอันอ่อนโยน แต่หลังจากนั้นไม่นานก็เปลี่ยนเป็นความกังวล

เฟิ่งชิงเฉินรู้ว่าสนมเอกเซี่ยกำลังกังวลกับสิ่งใดอยู่ นางจึงก้าวออกไปพร้อมกล่าวว่า “เหนียงเหนียง ริมฝีปากของจักรพรรดิน้อยไม่ได้ร้ายแรงถึงเพียงนั้น ชิงเฉินสามารถรักษาได้ แต่เวลานี้จักรพรรดิน้อยยังเด็กเกินไป รอให้จักรพรรดิน้อยอายุได้สามเดือนเต็ม ข้าก็จะสามารถรักษาริมฝีปากของจักรพรรดิน้อยได้อย่างสมบูรณ์”

“ว่าอย่างไรนะ? ชิงเฉิน เจ้าสามารถรักษาริมฝีปากของจักรพรรดิน้อยได้อย่างนั้นหรือ?” สนมเอกเซี่ยพบว่าเสียงที่ตนเองกล่าวออกไปนั้นสั่นเทาเล็กน้อย

วินาทีก่อนหน้านี้นางยังสิ้นหวัง คิดไม่ถึงเลยว่าวินาทีถัดมาสิ่งที่นางได้ยินนั้นเหมือนกับพรแห่งสวรรค์

“ข้าสามารถทำได้ และริมฝีปากของจักรพรรดิน้อยก็ไม่ได้เป็นอะไรมาก หลังจากจักรพรรดิน้อยเติบใหญ่แล้ว หากไม่สังเกตให้ดีก็ไม่สามารถมองเห็นมันได้” เฟิ่งชิงเฉินอธิบายเกี่ยวกับวิธีการรักษาโรคปากแหว่งให้กับสนมเอกเซี่ยอย่างละเอียด

สนมเอกเซี่ยเข้าใจเพียงสามส่วน มีเจ็ดส่วนที่ยังคงสงสัย แต่สิ่งเหล่านี้ล้วนไม่สำคัญ สิ่งสำคัญก็คือ “หลังจากจักรพรรดิน้อยเติบใหญ่แล้ว เขาสามารถใช้ชีวิตเหมือนกับคนทั่วไปได้ใช่หรือไม่?”

“ใช่” ริมฝีปากที่หายไปของจักรพรรดิน้อยนั้นไม่ได้ใหญ่อะไร เฟิ่งชิงเฉินสามารถรับประกันได้

“เยี่ยมไปเลย เยี่ยมไปเลยที่ลูกของข้าไม่ต้องใช้ชีวิตด้วยความกังวลภายใต้สายตาของผู้อื่น” สนมเอกเซี่ยอุ้มจักรพรรดิน้อยไว้ ลูบแก้มของจักรพรรดิน้อยเบา ๆ พร้อมกับน้ำตาที่ไหลออกมาอีกครั้ง

สาวใช้รู้สึกดีใจแทนสนมเอกเซี่ยและจักรพรรดิน้อย ตอนที่สนมเอกเซี่ยร้องไห้ออกมาก่อนหน้านี้พวกนางไม่กล้าพูด แต่เวลานี้แน่นอนว่าพวกนางเต็มใจที่จะกล่าวออกมา

“เหนียงเหนียง นี่เป็นเรื่องน่ายินดี ท่านอย่าได้ร้องไห้อีกต่อไปเลย ร้องไปก็มีแต่ทำให้เจ็บปวด”

“ใช่เพคะ เหนียงเหนียง จักรพรรดิน้อยช่างโชคดียิ่งนัก ท่านไม่จำเป็นต้องร้องไห้อีกต่อไป” หมอหลวงหญิงเกลี้ยกล่อมอย่างกล้าหาญ กวาดความหดหู่ออกไป ทุกคนในห้องคลอดยิ้มออกมา

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: นางสนมแพทย์อัจฉริยะ