นางสนมแพทย์อัจฉริยะ นิยาย บท 1069

สรุปบท บทที่ 1069 ลำบาก,ข้าเป็นหมอไม่ใช่พระเจ้า: นางสนมแพทย์อัจฉริยะ

สรุปเนื้อหา บทที่ 1069 ลำบาก,ข้าเป็นหมอไม่ใช่พระเจ้า – นางสนมแพทย์อัจฉริยะ โดย อาช้าย

บท บทที่ 1069 ลำบาก,ข้าเป็นหมอไม่ใช่พระเจ้า ของ นางสนมแพทย์อัจฉริยะ ในหมวดนิยายInternet เป็นตอนที่โดดเด่นด้วยการพัฒนาเนื้อเรื่อง และเปิดเผยแก่นแท้ของตัวละคร เขียนโดย อาช้าย อย่างมีศิลป์และชั้นเชิง ใครที่อ่านถึงตรงนี้แล้ว รับรองว่าต้องติดตามตอนต่อไปทันที

ในฐานะหมอประจำตระกูลของตระกูลหยุน เฟิ่งชิงเฉินได้รับประโยชน์จากตระกูลหยุน แน่นอนว่านางเองก็ต้องทำประโยชน์ให้แก่ตระกูลหยุนด้วยเช่นกัน ตัวอย่างเช่น คนไข้สองสามคนที่ตระกูลเสนอมาให้นางรักษา นางไม่อาจปฏิเสธมันได้ ก่อนหน้านี้หยุนเซียวไม่เคยแนะนำผู้ป่วยให้เฟิ่งชิงเฉินรู้จัก นางรู้สึกว่ามันง่ายที่จะกลับกลอก แต่คิดไม่ถึงว่าทันทีที่ลงมือจะเกิดปัญหาอันยิ่งใหญ่ถึงเพียงนี้......

เหล่าผู้มาเยือนเข้ามานั่งในจวนของเฟิ่งชิงเฉิน อย่าว่าแต่จักรพรรดิและเสด็จอาเก้าเลยที่คิดว่าลำบาก แม้แต่นางเองก็ยังรู้สึกปวดหัว แต่นางก็ทำอะไรไม่ได้ และไม่มีความกล้าที่จะขับไล่คนเหล่านี้ไป แม้ว่าจะไล่พวกเขาแล้วไม่เกิดอะไรขึ้นก็ตาม

เฟิ่งชิงเฉินทำอะไรคนในจวนไม่ได้ ทำได้เพียงโยนความผิดทั้งหมดให้แก่ผู้ร้ายอย่างหยุนเซียว เนื่องจากคนพวกนี้เป็นคนที่หยุนเซียวส่งมา และคนไข้ที่พาแนะนำให้เฟิ่งชิงเฉินรู้จักล้วนแต่มีอาการสาหัส เพื่อทำให้ชื่อเสียงของเฟิ่งชิงเฉินกึกก้องยิ่งขึ้น

ชื่อเสียงบ้าอะไร เฟิ่งชิงเฉินโกรธจนอย่างจะด่าออกมา นี่หยุนเซียวต้องการแนะนำคนป่วยให้นางหรือว่าต้องการสร้างปัญหาให้นางกันแน่?

นางเป็นหมอภายนอก ไม่ใช่หมอเด็ก ยิ่งไม่ต้องพูดถึงเด็กอนุบาลเลย ส่งเด็กป่วยอายุไม่ถึงหกขวบให้นางยังไม่พอ แต่กลับไม่มีสมาชิกหรือคนในครอบครัวผู้ป่วยมาด้วยแม้แต่คนเดียว

เอาเถอะ ไม่มีคนในครอบครัวก็ยังไม่เท่าไหร่ แต่เด็กตัวน้อย ๆ เพียงคนเดียว เหตุใดถึงได้มีองครักษ์มาคอยเฝ้าเป็นร้อยคน และองครักษ์เหล่านี้ก็ไม่สามารถควบคุมเด็กคนนี้ได้เลย ควบคุมไม่ได้ไม่เป็นไร แต่อย่าช่วยเด็กคนนี้ทำอะไรชั่วร้ายได้ไหม ช่วยเด็กคนนี้ทำอะไรชั่วร้ายไม่เท่าไหร่ เหตุใดพวกเจ้าต้องทำตัวแข็งก้าวเช่นนี้ด้วย

องครักษ์ที่ปกป้องเด็กคนนี้ ทุกคนล้วนแข็งแกร่ง ราวกับสามารถจัดการสายลับของนางได้ทุกคน ส่วนเจ้าบ้าโจ่วอั้น หลังจากรู้ว่าสถานการณ์เริ่มเลวร้าย เขาก็ไม่พูดอะไรสักคำ เอ่ยปากว่าต้องการปกป้องซุนซือสิง ออกไปนอกเมืองเพื่อฝึกวิชาแพทย์เป็นเพื่อนซุนซือสิง

ฮือ ฮือ ฮือ ชาติที่แล้วนางทำเวรทำกรรมอะไรไว้ ชีวิตนี้ถึงได้โชคร้ายถึงเพียงนี้ ถึงต้องมาถูกราชาปีศาจตัวน้อยทรมานเช่นนี้

ใช่ ราชาปีศาจตัวน้อย พ่อของเด็กป่วยคนนี้เป็นผู้นำของลัทธิปีศาจ และตัวเขาเองก็คือนายน้อยแห่งลัทธิปีศาจ แม้อายุยังน้อยแต่เต็มเปี่ยมไปด้วยสติปัญญา เหมือนปีศาจตัวน้อยที่ลงมือกระทำทุกสิ่งอย่างเหี้ยมโหด

ราชาปีศาจตัวน้อยมาถึงจวนเฟิ่งไม่ถึงสามวัน คนในจวนเฟิ่งเจ็ดส่วนไม่ป่วยก็ได้รับบาดเจ็บ แม้แต่ทงจือ ทงเหยา และพวกของชุนฮุ่ยก็ไม่สามารถรอดพ้นจากเงื้อมมือของราชาปีศาจตัวน้อยได้ ทุกคนล้มลุกคลุกคลานอยู่บนเตียงด้วยความตกใจ แต่เฟิ่งชิงเฉิน......

สามารถกล่าวได้ว่าเฟิ่งชิงเฉินค่อนข้างกล้าหาญและโชคดีที่ไม่ถูกราชาปีศาจตัวน้อยทรมานจนตาย แต่เฟิ่งชิงเฉินก็พบว่าจิตวิญญาณของตนเองอ่อนแรงลงมาก หากเป็นเช่นนี้ต่อไป ไม่ช้าก็เร็วนางจะต้องเป็นบ้า

บ้าหรือไง ใครบ้างที่เมื่อลืมตาขึ้นมาเจอซากศพที่เน่าเปื่อยอยู่รอบตัวแล้วไม่ตกใจ?

ใครจะไม่ตื่นตระหนก เมื่อจู่ ๆ เห็นงูเหลือมขนาดใหญ่พันรอบตัวเองขณะอาบน้ำ?

ใครบ้าที่ในขณะกินข้าว จู่ ๆ มีงูตัวใหญ่พุ่งเข้ามาตรงหน้า อ้าปากกว้างต้องการเขมือบหัวของตนเองเข้าไปแล้วไม่ตกใจ?

ใครบ้างที่จะไม่ตกใจเมื่อพบว่าระหว่างกำลังเดิน จู่ ๆ ก็มีซากศพของสุนัขและแมวตัวน้อยปรากฏออกมาบนฝ่าเท้า?

แต่ที่เล่ามามันก็ยังไม่เท่าไหร่ ราชาปีศาจตัวน้อยยังมีวิธีการที่เลวร้ายยิ่งกว่า และวิธีการเหล่านั้นต่อให้เฟิ่งชิงเฉินแข็งแกร่งสักแค่ไหนก็ไม่อาจทนไหว

ใครบ้างที่ได้เห็นเด็กอายุหกขวบแยกชิ้นส่วนของคนที่ยังมีชีวิตออกเป็นชิ้น ๆ ด้วยใบหน้าที่นิ่งสงบพร้อมกับรอยยิ้มอันไร้เดียงสาแล้วจะไม่ตกใจจนตัวสั่น

ใครบ้างที่เห็นเด็กหกขวบทำอะไรอนาจารอย่างไม่รู้สึกผิดโดยไม่สนว่าจะเป็นหญิงชายแล้วยังรู้สึกปกติอยู่ได้

......

ดังนั้นหยุนเซียวจึงเข้าใจความทุกข์ทรมานของเฟิ่งชิงเฉินเป็นอย่างดี เนื่องจากเขาเองก็เคยสัมผัสมันมาก่อน ไม่รู้ว่าเด็กที่ชื่อเจ๋อเจ๋อผู้นี้มีความผิดปกติจากประสาทส่วนไหน ไม่มีอะไรก็สังหารคนเล่น หากไม่ใช่เพราะเหตุนี้ หยุนเซียวคงไม่พาตัวเจ๋อเจ๋อมาส่งยังจวนเฟิ่งด้วยความร้อนใจเช่นนี้

แม้ว่าชีวิตจะยากลำบาก มิตรภาพที่แท้จริงก็ยังไม่หายไป ไม่แน่ว่าเฟิ่งชิงเฉินอาจจะรักษาอาการป่วยของเจ๋อเจ๋อได้จริง ๆ อีกอย่างคนของลัทธิปีศาจมากมายขนาดนี้อยู่ในจวนเฟิ่ง จักรพรรดิก็คงไม่กล้าแตะต้องเฟิ่งชิงเฉิน ไม่ใช่ว่าจักรพรรดิกลัวลัทธิปีศาจ แต่จักรพรรดิก็ไม่อยากมีปัญหากับลัทธิปีศาจเพราะเรื่องเล็ก ๆ แบบนี้

แม้ว่าลัทธิปีศาจจะไม่มีความสามารถในการล้มล้างอำนาจของจักรวรรดิ แต่จักรพรรดิก็คงปวดหัวแน่หากไปยุ่งเกี่ยวกับลัทธิปีศาจ เรื่องอื่นไม่ต้องพูดถึง แค่เรื่องการลอบสังหารอย่างเดียวก็เพียงพอที่จะทำให้จักรพรรดิปวดหัว ดังนั้น......

เฟิ่งชิงเฉินจึงทำได้เพียงยอมรับความโชคร้ายของตนเอง อย่างไรก็ตาม เจ๋อเจ๋อเองก็ยังมีความรู้สึกผิดชอบชั่วดี เขาไม่มีทางลงมือกับคนของจวนเฟิ่ง มากที่สุดก็ทำให้คนของจวนเฟิ่งตกใจ ส่วนคนของจวนเฟิ่งจะตกใจจนตายเลยหรือไม่นั้น เรื่องนี้มันก็ไม่เกี่ยวอะไรกับเขา

หยุนเซียวกางมือออกอย่างลนลาน ผู้ป่วยคนนี้ไม่ได้ถูกแนะนำโดยเขา อีกฝ่ายเป็นคนมอบผู้ป่วยรายนี้มา ส่วนเขาก็เป็นเพียงผู้ที่เข้ามาพัวพันเท่านั้น......

“จะต้องทำอย่างไรเจ้าถึงจะพาตัวของนายน้อยแห่งลัทธิปีศาจผู้นี้กลับไป” เฟิ่งชิงเฉินกำหมัดแน่น ระงับความโกรธที่ต้องการฆ่า เมื่อต้องเผชิญหน้ากับเด็กอย่างเจ๋อเจ๋อ หากนางไม่ตกใจจนเป็นบ้า นางก็คงกลายเป็นโรคจิตเหมือนกับเด็กคนนั้น

“เรื่องนี้......ข้าเองก็ทำอะไรไม่ได้ ชิงเฉินเจ้าเองก็รู้ คนของลัทธิปีศาจมักจะทำอะไรด้วยความสุดโต่ง ก่อนหน้านี้หมอที่ทำการรักษาให้เจ๋อเจ๋อ นอกจากบ้าและเสียสติ ที่เหลือก็ไม่มีใครรอดพ้นจากความตาย” หรือพูดอีกอย่างก็คือ นอกจากเฟิ่งชิงเฉินจะตายหรือว่าเป็นบ้า ผู้นำลัทธิปีศาจก็ไม่มีทางส่งคนมารับเจ๋อเจ๋อกลับไป

“พระเจ้า นี่ข้าไปทำเวรทำกรรมอะไรไว้กันแน่” เฟิ่งชิงเฉินตบหน้าผากของตนเองและทรุดตัวลงบนเก้าอี้ “หยุนเซียว ข้าจะสังหารเจ้า”

หากน้ำเสียงของเฟิ่งชิงเฉินดุร้ายกว่าเดิมสักเล็กน้อย อีกฝ่ายก็คงจะเชื่อว่าเป็นความจริง...... 

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: นางสนมแพทย์อัจฉริยะ