นางสนมแพทย์อัจฉริยะ นิยาย บท 112

ยามที่คนตระกูลซุนและตระกูลจ้าวเดินออกมานั้น ก็พลันเห็นข้ารับใช้ของตนเองทั้งหมด เอาแต่นอนคร่ำครวญความเจ็บปวดอยู่ที่พื้น

คนของตระกูลจ้าวที่มาในวันนี้ ก็คือคนของบ้านรอง นายท่านรองตระกูลจ้าว

เมื่อนายท่านรองเห็นเหตุการณ์เป็นเช่นนั้น สีหน้าก็พลันดำคล้ำขึ้นมา พร้อมทั้งสะบัดแขนเสื้อเชิดหน้าขึ้น "พวกเจ้าตระกูลซุนทำได้ดียิ่งนัก หากเรื่องนี้มิมีการอธิบายต่อตระกูลจ้าวแล้วไซร้ พวกเจ้าในตระกูลซุนทุกคน เตรียมตัวเข้าไปอยู่ในคุกอีกครึ่งชีวิตที่เหลือได้เลย"

ฮึ เพียงแค่พ่นคำพูดคำจาออกมา คางก็พลันเชิดขึ้น แลดูหยิ่งผยองยิ่งนัก

เฟิ่งชิงเฉินได้แต่ส่ายหน้าไปมาเล็กน้อย บุคคลผู้นี้ หาผู้ใดเปรียบเทียบมิได้จริง ๆ หากเปลี่ยนเป็นเสด็จอาเก้ามายืนอยู่ตรงนี้ แล้วทำท่าทางเช่นนี้ละก็ กลิ่นอายผู้สูงศักดิ์คงจะแผ่กระจายออกมา ทำให้ผู้คนมิกล้ามองเขาเป็นแน่

ทว่า คนผู้นี้เล่า ? เชิดคางขึ้นถึงเพียงนั้น ก็หาได้มีกลิ่นอายผู้สูงศักดิ์แผ่กระจายออกมาไม่

"ตระกูลจ้าวของพวกเจ้า รังแกผู้คนมากเกินไปแล้ว ไป ออกไปเดี๋ยวนี้" ท่านผู้อาวุโสซุนที่มีอายุสี่สิบสองปีในยามนี้ กลับดูเหมือนชายชราอายุหกสิบกว่าปีก็ไม่ปาน

ใบหน้าเต็มไปด้วยความหยาบกร้าน เสมือนกับว่า พวกเขาพบเจอกับความยากลำบากมาทั้งชีวิต หาได้มีกลิ่นอายผู้สูงศักดิ์เลยแม้แต่น้อย นอกจากแววตาคู่นั้น ที่ฉายแววถึงความไม่ยอมพ่ายแพ้ออกมา

เมื่อกลับมาคิดดูแล้ว หากตระกูลซุนมิถึงคราวล่มสลายจริง เหตุใดซุนยี่จิ่นจักต้องมาตบแต่งให้กับคนในตระกูลจ้าวเช่นนี้ด้วยเล่า

"ออกไปงั้นหรือ? ฮ่าฮ่าฮ่า ข้าดูแล้ว ผู้ที่จะต้องไสหัวออกไปย่อมต้องเป็นพวกเจ้า? หากภายในเจ็ดวันนี้ พวกเจ้ายังมิยินยอมส่งของหมั้นคืนกลับมาอีก ทั้งยังไม่ยอมส่งคุณหนูรองเข้าจวนเจิ้นกั๋วกงอีกละก็ พวกเจ้าย่อมต้องถูกหัวหน้าตระกูลซุนขับไล่เป็นแน่ นี่ก็เข้าสู่วันที่เจ็ดแล้ว" นายท่านรองตระกูลจ้าวพลันกล่าวออกมาด้วยสีหน้าพึงพอใจ อีกทั้ง ผู้ที่อยู่ข้างกายเขา ที่มีสีหน้าคล้ายคลึงกับผู้อาวุโสซุนอยู่สามส่วน จึงกล่าวขึ้นมาว่า

"น้องห้า การตัดสินใจของหัวหน้าตระกูลเป็นเช่นไร เจ้าย่อมรู้ดี วันนี้ก็เป็นวันสุดท้ายแล้ว หากเจ้าไม่ยินยอมแล้วละก็ พวกเจ้าก็ต้องยอมออกไปจากตระกูลแต่โดยดี อย่างไรคนในตระกูลย่อมไม่อาจยอมรับในตัวพวกเจ้าได้อีกต่อไปแล้ว "

ทั่วร่างของผู้อาวุโสซุนพลันสั่นเทา แววตาเต็มไปด้วยความสิ้นหวัง ริมฝีปากที่สั่นเครือพร้อมกับแววตาที่เต็มไปด้วยน้ำใส ๆ พลันเอ่อคลอขึ้นมา

ผู้ที่มีอายุมากถึงเพียงนี้ กลับต้องถูกต้อนจนมุม ช่างเป็นเรื่องที่น่าเศร้ายิ่งนัก

"ท่านพ่อ ท่านห้ามรับปากเชียว น้องสาวจิ่นก็ตายไปแล้ว พวกเราไม่อาจทำร้ายน้องสาวสือไปได้อีก ท่านพ่อ หากหัวหน้าระกูลต้องการขับไล่พวกเราออกไปเช่นนี้ เช่นนั้นพวกเราก็ออกมาเถิด กลับไปอยู่บ้านเดิมของพวกเรากัน"

บุตรชายคนโตของตระกูลซุนพลันเข้ามาประคองผู้อาวุโสซุนในทันที ใบหน้าพลันเปล่งประกายออกมาด้วยความแน่วแน่ บุตรชายคนรองที่ยืนอยู่อีกฝั่งนึงนั้น แม้ว่าจะดูอ่อนแอ แต่ทว่า สีหน้าพลางแสดงออกถึงความเย่อหยิ่งและไม่ยินยอมออกมาเช่นกัน

ความเย่อหยิ่งของบัณฑิต ดูเหมือนว่าจักต้องเป็นเช่นนี้นี่เอง

เมื่อเห็นเช่นนี้แล้ว เฟิ่งชิงเฉินรู้สึกชื่นชมยิ่งนัก ในยุคปัจจุบัน นางเห็นคนบุคคลที่อ่อนแอเช่นนี้มามากมายนัก แม้ว่าความเย่อหยิ่งอาจจะมิได้มีราคามากมาย แต่ทว่า เพื่อความเย่อหยิ่งเช่นนี้ แม้จะต้องจ่ายมันด้วยราคาที่แพง กลับกัน หากไม่มีความเย่อหย่ิงเลยละก็ จะสมควรมีชีวิตอยู่ไปไย

ผู้อาวุโสซุนมิอาจ กลั้นหยาดน้ำตามิให้ไหลออกมาได้อีก พลันเอ่ยขึ้นมาด้วยน้ำเสียงสั่นเครือว่า "แล้วพวกเจ้าจะทำเช่นไรเล่า หากถูกหัวหน้าตระกูลขับไล่ออกมาเช่นนี้ พวกเจ้าก็ไม่มีอนาคตให้เดินหน้าต่อไปอีกแล้ว ลูกหลานในอนาคตข้างหน้า ย่อมมิมีวันเชิดหน้าชูตาขึ้นมาได้แน่"

ทั่วร่างของผู้อาวุโสซุนคล้ายจะแก่ลงไปอีกสิบปี หลังที่เหยียดตรงของเขาพลันโก่งโค้งลงมาเล็กน้อย เสมือนว่า เขามิอาจทนต่อแรงกระแทกซ้ำ ๆ ได้อีกต่อไปแล้ว

เฟิ่งชิงเฉินรู้สึกแปลกใจยิ่งนัก เหตุใดทั้งตระกูลซุนและตระกูลจ้าวถึงได้ได้เพิกเฉยต่อนางที่ยืนอยู่ตรงนี้ได้กัน หรือแต่เดิมพวกเขาหาได้คิดสนใจนางไม่

เดิมที การนำอันธพาลพวกนี้มาด้วย ก็เพื่อต้องการสร้างความเดือดร้อนให้กับตระกูลซุน อย่างไรตระกูลซุนย่อมมิกล้าต่อต้านพวกเขาไปได้ อีกทั้ง การปรากฏตัวของนาง ย่อมส่งผลดีต่อตระกูลจ้าว

ตระกูลจ้าว อย่างไรก็เป็นเพียงสุนัขรับใช้ของเจิ้นกั๋วกงมิใช่หรือ

ยามที่เฟิ่งชิงเฉินอยู่ในงานชมดอกท้อนั้น ก็ได้ใช้วิธีที่เลือดเย็ นทำให้องค์หญิงอู่อันที่เป็นบุตรีของเจิ้นกั๋วกงต้องอับอายไปแล้ว ทั้งยังทำให้ชื่อเสียงขององค์หญิงอู่อันเสื่อมเสียอีกด้วย พระนางย่อมมิมีหน้าตาอาศัยอยู่ในเมืองหลวงอีกต่อไป ภายในค่ำคืนนั้น องค์หญิงอู่อันก็ได้ถูกส่งตัวออกนอกเมืองไปในทันที

จวนเจิ้นกั๋วกงเสียหน้าถึงเพียงนี้ พวกเขาจะยอมปล่อยเฟิ่งชิงเฉินไปได้อย่างไรกัน

ยามที่เฟิ่งชิงเฉินเข้าไปอยู่ในองครักษ์เสื้อโลหิตนั้น เกรงว่าพวกเขาจะหายใจหายคอไม่พอกระมัง

จุดประสงค์ที่จวนเจิ้นกั๋วกงพุ่งเป้ามาที่ตระกูลซุนนั้น

เกรงว่าจะเป็นเพราะ ยามที่อยู่ในงานชมดอกท้อนั้น ซุนยี่จิ่นได้ช่วยเฟิ่งชิงเฉินเอาไว้ อย่างไรความสัมพันธ์ย่อมไม่อาจตัดขาดเฟิ่งชิงเฉินไปได้แน่

ฉะนั้น หากทำตามคำสั่งของจวนเจิ้นกั๋วกงแล้ว ให้ตระกูลจ้าวมาทำการกดดันตระกูลซุน โดยอย่างแรก ต้องการมาสร้างความอับอายให้กับซุนยี่จิ่น พร้อมทั้งยกเลิกการหมั้นหมายกับซุนยี่จิ่น จากนั้น ก็ให้จวนเจิ้นกั๋วกงมาทำการหมั้นหมายตระกูลซุน โดยให้ซุนยี่สือแต่งเข้าจวนเจิ้นกั๋วกงเป็นพระชายารองแทน

ตระกูลซุน ถึงแม้ว่าจะเป็นบัณฑิตมาหลายชั่วอายุคนแล้ว อย่างไรย่อมมิยินยอมรับปากกับคำสัญญาที่ไร้เหตุผลของตระกูลจ้าวเป็นแน่ ดังนั้น ผู้อาวุโสซุนจึงได้เอ่ยปฏิเสธไปตั้งแต่แรกแล้ว

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: นางสนมแพทย์อัจฉริยะ