ตอน บทที่ 1261 ร่วมมือ, องครักษ์เสื้อโลหิตจะต้องแบกรักหายนะด้วยชีวิต จาก นางสนมแพทย์อัจฉริยะ – ความลับ ความรัก และการเปลี่ยนแปลง
บทที่ 1261 ร่วมมือ, องครักษ์เสื้อโลหิตจะต้องแบกรักหายนะด้วยชีวิต คือตอนที่เปี่ยมด้วยอารมณ์และสาระในนิยายInternet นางสนมแพทย์อัจฉริยะ ที่เขียนโดย อาช้าย เรื่องราวดำเนินสู่จุดสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นการเปิดเผยใจตัวละคร การตัดสินใจที่ส่งผลต่ออนาคต หรือความลับที่ซ่อนมานาน เรียกได้ว่าเป็นตอนที่นักอ่านรอคอย
ลู่เส้าหลินมาที่นี่ก็เพื่อมอบของขวัญให้โต้วโต้ว แต่วิธีการมอบของเขานั้นเป็นสิ่งที่ผู้คนไม่อาจรับได้จริง ๆ
“คุณชายลู่ เขามาได้อย่างไร?” เฟิ่งชิงเฉินมองไปที่โต้วโต้วซึ่งถูกควบคุมโดยองครักษ์เสื้อโลหิต พยายามควบคุมเสียงของตนเองเพื่อไม่ให้อีกฝ่ายรับรู้ความรู้สึก
นางโกรธจนแทบบ้า นี่เพิ่งจะผ่านไปครึ่งวัน เหตุโต้วโต้วถึงได้ถูกคนขององครักษ์เสื้อโลหิตจับกุมอยู่เช่นนี้ นี่มันไม่ยิ่งวุ่นวายไปกันใหญ่หรอกหรือ
ลู่เส้าหลินเหลือบมองมาที่เฟิ่งชิงเฉินพร้อมกับรอยยิ้มที่หางตา จากนั้นกล่าวออกมาว่า “ไม่มีอะไร แต่ข้าเพิ่งจะบุกเข้าไปในบ้านของใต้เท้าหลิวในช่วงกลางคืน บังเอิญไปเจอคุณชายหลิวกำลังเล่นสนุกอยู่กับสาวใช้ จึงทำให้คุณชายหลิวตกใจแทบแย่”
ลู่เส้าหลินกล่าวออกมาอย่างสงบ แต่เฟิ่งชิงเฉินรู้ว่าเรื่องราวมันไม่ได้เรียบง่ายถึงเพียงนั้น
การบุกรุกเข้าไปในบ้านพักของทางการในเวลากลางคืนถือเป็นอาชญากรรมร้ายแรง จึงไม่ต้องพูดถึงเรื่องที่คุณชายหลิวจะหวาดกลัว
เฟิ่งชิงเฉินจ้องเขม็งไปที่โต้วโต้ว จะบุกเข้าไปก็บุกเข้าไป ทำไมต้องทำให้ถูกจับด้วย
โต้วโต้วแสดงความเสียใจออกมาทางใบหน้า ที่นี่มีคนอยู่มากมาย เขาเองก็ไม่อยากอธิบายออกมา ทำได้เพียงก้มหน้าเงียบ
ถูกจับคาหนังคาเขาถึงเพียงนี้ ต่อให้เฟิ่งชิงเฉินมีวาทศิลป์ในการพูดมากแค่ไหน แต่สุดท้ายก็ทำได้เพียงยิ้มออกมา “ใต้เท้าลู่ ใต้เท้าหลิวว่าอย่างไรบ้าง?”
ขอแค่ความโกรธของอีกฝ่ายสลายไป เรื่องราวทั้งหมดก็สามารถจัดการได้โดยง่าย
“ใต้เท้าหลิวส่งมอบคนผู้นี้มาให้ข้า บอกว่าต้องการให้ข้าจัดการอย่างเคร่งครัด” เขาพาคนมาส่งที่จวนเฟิ่ง นี่ถือว่าเป็นการให้เกียรติเฟิ่งชิงเฉินเป็นอย่างมาก ด้วยโทษที่โต้วโต้วทำลงไป เขาสามารถตัดสินได้ทันทีโดยไม่จำเป็นต้องพิจารณาคดี
“ใต้เท้าหลิวเป็นถึงขุนนางใหญ่ แต่กลับไม่ส่งตัวนักโทษไปยังผู้ตรวจการของเมืองหลวง แต่ส่งไปยังองครักษ์เสื้อโลหิต ดูเหมือนว่าความสัมพันธ์ของใต้เท้าหลิวกับคุณชายลู่คนไม่ธรรมดา” เฟิ่งชิงเฉินยิ้มพร้อมกับกล่าวออกมา การข่มขู่ได้แผงเอาไว้ในคำพูดของนางแล้ว
องครักษ์เสื้อโลหิตเป็นสุนัขผู้ภักดีกับองค์จักรพรรดิแต่เพียงผู้เดียว แน่นอนว่าจักรพรรดิไม่มีทางยอมให้องครักษ์เสื้อโลหิตไปเชื่อมความสัมพันธ์กับขุนนางคนใด ยิ่งเป็นขุนนางใหญ่ระดับนี้ จักรพรรดิยิ่งไม่มีทางยอมให้องครักษ์เสื้อโลหิตเข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้องเป็นอันขาด
ลู่เส้าหลินเข้าใจความหมายของเฟิ่งชิงเฉินดี เขาจึงยิ้มออกมาเล็กน้อย “นับวันแม่นางเฟิ่งยิ่งน่าสนใจ ที่ใต้เท้าหลิวส่งคนมาให้ข้า เนื่องจากเขาคิดว่าคนผู้นี้เป็นสายลับของซีหลิง จักรพรรดิทรงรับสั่งให้ตรวจสอบเรื่องราวของซีหลิงโดยละเอียด คนผู้นี้ถึงได้ตกมาอยู่ในมือของข้า”
หรือพูดอีกอย่างก็คือ นี่เป็นเหตุผลที่เขาจับกุมโต้วโต้ว
“งั้นหรือ เช่นนั้นข้าก็คงเข้าใจผิดเท้าหลิวเสียแล้ว” เฟิ่งชิงเฉินไม่ได้สนใจอะไรมากนัก ลู่เส้าหลินแสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่าเขาเตรียมตัวมาดี ต่อให้นางพูดเรื่องพวกนี้มากแค่ไหน สุดท้ายมันก็ไร้ประโยชน์
เฟิ่งชิงเฉินถามออกไปโดยตรงว่า “คุณชายลู่พาคนมาส่งให้ข้า นี่มันหมายความว่าอย่างไร?” หากเป็นการแลกเปลี่ยน เช่นนั้นก็ต้องเสนอเงื่อนไขออกมา การแลกเปลี่ยนถึงจะมีความเป็นไปได้
“แม่นางเฟิ่งช่างยอดเยี่ยมยิ่งนัก” ลู่เส้าหลินกล่าวชื่นชมออกมาด้วยเสียงอันแผ่วเบา จากนั้นก็จงใจมองไปที่โต้วโต้วที่ถูกคุมตัวอยู่ “ความแค้นระหว่างซีหลิงกับแม่นางเฟิ่ง ผู้คนทั่วทั้งใต้หล้าต่างรู้อยู่แก่ใจ ในเมื่อคุณชายผู้นี้เป็นคนของแม่นางเฟิ่ง แน่นอนว่าเขาไม่มีทางเป็นสายลับของซีหลิง และข้าก็ไม่จำเป็นต้องสนใจ”
“ในเมื่อเป็นเช่นนี้ข้าก็ต้องขอบคุณใต้เท้าลู่เป็นอย่างมาก วันหลังข้าจะต้องไปขอบคุณถึงจวนเป็นแน่ และจะต้องไปขอโทษใต้เท้าหลิวด้วยตัวเอง” เฟิ่งชิงเฉินเข้าใจความหมายของลู่เส้าหลิน เขาสามารถปล่อยโต้วโต้วไปได้ แต่เรื่องของใต้เท้าหลิว เฟิ่งชิงเฉินต้องเป็นคนจัดการด้วยตัวเอง
แม้ว่าโต้วโต้วจะไม่ใช่สายลับของซีหลิง แต่การที่บุกเข้าไปยังที่พักของทางการในยามค่ำคืนก็ถือเป็นความผิดที่ไม่อาจลบล้างได้
ลู่เส้าหลินพยักหน้าด้วยความพอใจ จากนั้นก็ให้คนของเขาปล่อยโต้วโต้ว พร้อมกับถอยออกมาในเวลาเดียวกัน โต้วโต้วได้รับอิสระ เดินมาด้านหน้าของเฟิ่งชิงเฉินอย่างน่าสงสาร “ชิงเฉิน......”
“เอาล่ะ ดูเจ้าสิ ร่างกายมอมแมมไปหมดแล้ว ออกไปก่อน ข้าจะให้คนไปช่วยอาบน้ำให้เจ้า” เฟิ่งชิงเฉินรีบขัดคำพูดของโต้วโต้วในทันใด
โต้วโต้วเป็นคนซื่อตรง เขาจะพูดความจริงออกมาโดยไม่ปิดบัง หากเขาพูดในสิ่งที่ไม่ควรพูดออกมาต่อหน้าของลู่เส้าหลิน เช่นนั้นคงจะลำบาก
นางกับลู่เส้าหลินมีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน แต่ส่วนมากแล้วจะเป็นในเรื่องของธุรกิจมากกว่า
“ก็ได้ เช่นนั้นอีกเดี๋ยวข้าจะออกมาหาเจ้า” โต้วโต้วยักไหล่ของเขา เดินคอตกเหมือนกับสุนัขที่ถูกทอดทิ้ง
“เฮ้อ.......แม่นางเฟิ่งอาจจะยังไม่รู้ องครักษ์เสื้อโลหิตไม่ใช่องครักษ์เสื้อโลหิตเหมือนที่เคยเป็นอีกต่อไป จักรพรรดิไม่พอใจในองครักษ์เสื้อโลหิต หลังจากใต้เท้าฝู่เข้ามารับช่วงต่อองครักษ์เสื้อโลหิต เขาก็ได้ทำการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ องครักษ์เสื้อโลหิตไม่ได้มีหน้าที่จัดการขุนนางโฉดเหมือนกับตอนแรกอีกต่อไปแล้ว” คำพูดนี้ของลู่เส้าหลินนั้นบ่งบอกอย่างชัดเจน มันเกือบจะตรงไปตรงมาและหลุดปากออกมาว่า : จักรพรรดิได้เปลี่ยนการปกครองและหน้าที่ขององครักษ์เสื้อโลหิตอย่างแท้จริง คนเหล่านี้ไม่ได้อยู่ในการดูแลของฝู่หลิน แต่อยู่ในการดูแลของตัวจักรพรรดิเอง
ในฐานะผู้นำขององครักษ์เสื้อโลหิต ทั้งหมดเป็นเพียงแค่ฉากบังหน้าเท่านั้น และมีหน้าที่รับผิดแทนจักรพรรดิเป็นครั้งคราว
เฟิ่งชิงเฉินเพียงแค่ส่งเสียงออกมาเบา ๆ ไม่ได้ตกใจมากมายแต่อย่างใด
ชื่อเสียงขององครักษ์เสื้อโลหิตนั้นเป็นที่เลื่องลือในด้านของความชั่วร้ายมานานแล้ว ลู่เส้าหลินดูแลองครักษ์เสื้อโลหิตมาหลายปี แต่กลับไม่รู้ว่าในองครักษ์เสื้อโลหิตนั้นมีสายลับแฝงตัวอยู่กี่คน องครักษ์เสื้อโลหิตมีหน้าที่รับผิดชอบในด้านของข่าวกรอง เช่นนั้นจักรพรรดิจะยอมให้องครักษ์เสื้อโลหิตแข็งแกร่งเหมือนเมื่อก่อนได้อย่างไร
แยกองครักษ์เสื้อโลหิตออกจากกัน ให้องครักษ์เสื้อโลหิตส่วนหนึ่งออกไปรับหน้า มีเรื่องอะไรก็ให้องครักษ์เสื้อโลหิตออกไปทำ ให้องครักษ์เสื้อโลหิตรับผิดชอบเรื่องราวที่เกิดขึ้น ต้องบอกเลยว่าวิธีการของเสด็จอาเก้าช่างสูงส่งยิ่งนัก
ลู่เส้าหลินเห็นเฟิ่งชิงเฉินไม่พูดอะไร เขาจึงพูดออกมาต่อว่า “แม่นางเฟิ่ง ข้ารู้ว่าเสด็จอาเก้ากับใต้เท้าฝู่มีเรื่องเข้าใจผิดกันเล็กน้อย และบังเอิญว่าข้าเองก็มีเรื่องเข้าใจผิดบางอย่างกับใต้เท้าฝู่เช่นกัน”
นี่คือการร่วมมือกับเฟิ่งชิงเฉินเพื่อต่อกรกับฝู่หลิน
เฟิ่งชิงเฉินรู้สึกตกใจเล็กน้อย แต่ไม่ได้แสดงออกมาแต่อย่างใด นางเพียงแค่เงยหน้าขึ้น จ้องมองไปที่ลู่เส้าหลินอย่างลึกซึ้ง ก่อนที่ลู่เส้าหลินจะสังเกตเห็นอย่างชัดเจน นางก็ก้มหน้าเพื่อหลบตาอีกครั้ง ผ่านไปครู่หนึ่ง เฟิ่งชิงเฉินถึงกล่าวออกมาว่า “เรื่องนี้ข้าไม่ได้เป็นคนตัดสินใจ ต้องรอให้ข้าไปถามเสด็จอาเก้าเสียก่อน”
ลู่เส้าหลินพาตัวโต้วโต้วมาให้นาง เท่ากับว่าเป็นหนี้บุญคุณอยู่หนึ่งครั้ง นางไม่สามารถปฏิเสธอีกฝ่ายได้ในทันที และคำตอบนี้ ลู่เส้าหลินก็รู้สึกพอใจกับมันเป็นอย่างมาก ลู่เส้าหลินยิ้มพร้อมกับลุกขึ้นยืน “ข้าจะรอฟังข่าวดีจากแม่นางเฟิ่ง”
เขามั่นใจเป็นอย่างมากว่าเสด็จอาเก้าจะร่วมมือกับเขา
ไม่รู้ว่าจริง ๆ ว่าลู่เส้าหลินไปเอาความมั่นใจนี้มาจากที่ไหน เฟิ่งชิงเฉินก้มหน้าลง ปกปิดความเย้ยหยันในดวงตาของนาง......
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: นางสนมแพทย์อัจฉริยะ
ไม่ต่อให้จบเหรอคะ นานแล้ว แวะมาบอกกล่าวกันบ้าง...
ขอบคุณน่ะค่ะที่ต้องอดหลับอดนอนอัพเดต สู้ๆๆๆๆน่ะค่ะเป็นกำลังใจให้ค่ะ ผู้อ่านก็ไม่ได้หลับได้นอนเหมือนกัน ติดงอมเลย...
ง่ายๆๆยึดอำนาจ...
มาต่อได้ไหมมมมมมมม พลีสสสสสสสสสสสสสสสสส...
Update ให้หน่อยค่ะ จอดอยู่ที่ 1430 นานแล้ว ขออีกสัก 29 ตอนนะคะ Pleaseeeeee Admin ที่น่ารัก...
ไม่อัพเดตแล้วหรอค่ะ...
สามารถซื้ออ่านผ่านช่องทางไหนได้บ้างค่ะ...
ไทม์ไลน์บอก อัพถึง บท1459 แต่ยังดูได้แค่ บท1430...
Update ให้หน่อยคร่า รออ่านอยู่ คร่า...
ไม่ Update นานแล้ว ไปเที่ยวเพลินเลย สงสารคนรอเถอะ เข้ามาทุกวัน อ่านช้ำไป 2 รอบแล้ว...