ผ่านไปแล้ว ซ้ำแล้วซ้ำเล่า ก็ยังไม่เห็นวี่แววของผลลัพธ์ออกมาให้เห็น
เฟิ่งชิงเฉินอยากจะยอมแพ้ให้กับความคิดโง่ ๆ เช่นนี้นัก แล้วหันไปใช้ยาชาแทน หลังจากนั้น ก็ใช้มีดผ่าตัดผ่าไปที่กล่องเสียงเพื่อนำสิ่งแปลกปลอมออกมา
เฟิ่งชิงเฉินรู้ดีว่า ร่างกายของเด็กน้อยในยามนี้อ่อนแอมากนัก หากไม่สามาารถนำสิ่งแปลกปลอมออกมาได้ อย่างไรก็ต้องลงมือทำการผ่าตัดให้ไวที่สุด มิเช่นนั้นเขาอาจจะได้ตายจริง ๆ แน่
จะเริ่มลงมือผ่าตัดหรือว่าอดทนทำต่อไปดี?
ความคิดทั้งสองล้วนแต่ตีรวนกันไปมาอยู่ในหัวของเฟิ่งชิงเฉิน เบื้องหน้าของเฟิ่งชิงเฉินเอง ก็ยังคงทำตามเดิม หากแต่ ภายในหัวครุ่นคิดถึงคำพูดที่จะใช้เกลี้ยกล่อมซูเหวินชิงไม่หยุด
ทว่า ยามที่นางกำลังคิดเอ่ยปากพูดถึงเรื่องผ่าตัดกับซูเหวินชิงนั้น ภาพสายตาดูหมิ่นของตงหลิงจื่อลั่ว พลันผ่านเข้ามาในหัวพอดี อีกทั้งภาพที่ท่านลุงเก้า ตงหลิงจิ่ว โยนอาภรณ์ส่งมาให้นางนั้น ทำท่าราวกับว่านางเป็นสิ่งสกปรกชนิดหนึ่ง มิกล้าเข้าใกล้นาง ถึงกับต้องรีบร้อนเดินจากไป
เฟิ่งชิงเฉินจึงตัดใจเก็บความคิดนั้นไว้ พร้อมทั้งตั้งหน้าตั้งตาปั๊มหัวใจช่วยเด็กน้อยต่อไป พร้อมกับแรงที่มากกว่าคราแรกเพิ่มขึ้นอีกเป็นเท่าตัว
ครั้งที่หนึ่ง!
ครั้งที่สอง!
สาม
สีหน้าของเฟิ่งชิงเฉินพลันเปลี่ยนเป็นแดงก่ำ พลางได้น้ำเสียงถอนหายใจด้วยความผิดหวังจากจ้าหน้าที่ดังเข้ามา
ในยามนั้น ซีหลิงเทียนเหล่ยที่อยู่บนหลังคา พลันมองมาที่เฟิ่งชิงเฉินด้วยแววตาที่ผิดหวัง พลางส่ายหน้าไปมาเบา ๆ และหายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย
เขายุ่งวุ่นวายยิ่งนัก ไม่มีเวลาจะมาจับตามองดูสตรีเช่นนาง
เฟิ่งชิงเฉิน หาได้มีสิ่งใดเปลี่ยนไปไม่
แต่เดิม เขาคิดว่านางดูน่าสนใจยิ่งนัก ทั้งยังคิดที่จะตบแต่งนางเป็นพระชายารอง ไม่คิดเลยว่า ที่แท้นางก็มีฝีมือเพียงแค่นี้ ช่างทำให้เขาเสียเวลาเปล่าเสียจริง
เมื่อซีหลิงเทียนเหล่ยจากไป ชายชุดดำหน้ากากสีเงินก็ไม่มีเหตุผลให้อยู่อีกต่อไป พร้อมทั้งค่อย ๆ จากไปทีละคน
หากแต่ พวกเขาพลาดช่วงเวลาที่สำคัญไป!
"โพล๊ะ" มีบางสิ่งบางอย่างออกมาจากปาก "ศพ" เสมือนเป็นลูกปัดสีขาว ตกมาอยู่บนแทบเท้าของซูเหวินชิง
"นี่" ซูเหวินชิงพลันก้มมองลูกปักที่อยู่เบื้องหน้าของตน เขาแทบไม่อยากจะเชื่อในสิ่งที่อยู่ตรงหน้าของตนไปในทันที
ในยามนี้ เฟิ่งชิงเฉินพลันกล่าวคำอธิบายออกมาด้วยสีหน้าที่ไร้อารมณ์ "ลูกปัดเม็ดนี้ ท่านเก็บไปเสียเถอะ มันคือสิ่งใด ข้าก็ไม่รู้เช่นกัน แต่ข้ามั่นใจว่าลูกปัดเม็ดนี้ มันไปอุดอยู่ในกล่องเสียงของน้องชายท่านเป็นแน่ ถึงทำให้เขาเกิดอาการหายใจไม่ออกอย่างช้า ๆ ถึงแม้ว่า มันจะทำให้ดูเหมือนว่าตายอย่างเป็นธรรมชาติก็ตามแต่"
เฟิ่งชิงเฉินพลันมองไปยังใบหน้าที่นิ่งสงบของเด็กน้อยตรงหน้า ด้วยความไม่เข้าใจ
โดยปกติแล้ว ลักษณะของผู้ตายที่มีอาการหายใจไม่ออก สีหน้าของเขามักจะดูน่าเกลียดยิ่งนัก ทั้งยังบิดเบี้ยวด้วยความทรมาน หากแต่เด็กคนนี้หาได้มีอาการเช่นนั้นไม่
ดูเหมือนว่า ลูกปัดเม็ดนี้จะไม่ใช่ของธรรมดาเสียแล้ว
หากแต่เรื่องนี้หาได้เกี่ยวข้องอันใดกับนางไม่
ครอบครัวตระกูลใหญ่มากมายล้วนแต่มีวิธีฆ่าคนที่หลากหลายยิ่งนัก นางมีหน้าที่เพียงแค่ช่วยชีวิตคนเท่านั้น หาได้ต้องการมาเกี่ยวข้องกับเรื่องพวกนี้ไม่
เมื่อลูกปัดหลุดออกมาได้แล้วนั้น เฟิ่งชิงเฉินเองก็ยังคงทำหน้าที่ช่วยชีวิตเด็กน้อยต่อไป
ในครานี้ เพียงเพื่อช่วยให้เด็กน้อยหายใจได้เป็นปกติ เนื่องจากในยามนี้ เด็กน้อยมีอาการหายใจแผ่วเบามากนัก หากทำการช่วยชีวิตเขาไม่ทันละก็ การเอาลูกปัดเม็ดนั้นออกมาได้ คงจักเสียแรงเปล่า ๆเป็นแน่
"เฟิ่งชิง คุณหนูเฟิ่ง น้องชายของข้า " เมื่อซูเหวินชิงพลันได้สติกลับมานั้น พลันมองไปยังด้านหลังของเฟิ่งชิงเฉินแล้วเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: นางสนมแพทย์อัจฉริยะ