นางสนมแพทย์อัจฉริยะ นิยาย บท 176

ซุนซือสิงเป็นคนที่ไหวพริบไม่ดีเท่าไหร่ เขาเป็นหมอที่ดี แต่เป็นหมอหลวงที่ดีไม่ได้แน่นอน ฉะนั้นซุนซือสิงบอกว่าเขาจะเรียนแพทย์กับเฟิ่งชิงเฉิน แม้ว่าซุนเจิ้งเต้าจะไม่พอใจในตอนแรก แต่เขามิได้ปฏิเสธเท่าไหร่นัก

เฟิ่งชิงเฉินโล่งใจเมื่อรู้ว่าเร็วๆ นี้อาจยังมิต้องเข้าวัง พวกเขาเปลี่ยนหัวข้อสนทนาไปที่อาการป่วยของซุนฮูหยิน เฟิ่งชิงเฉินก็เปลี่ยนคุยเรื่องอาการป่วยของซุนฮูหยินเช่นกัน และแผนการรักษาของเฟิ่งชิงเฉินคือ........

"เปิดช่องท้อง? ตัดทิ้ง? คุณหนูเฟิ่ง เจ้ามั่นใจมากเพียงใด?" สมกับที่เป็นหมอเสียจริง สิ่งที่เขารับได้นั้นมากกว่าคนธรรมดา เมื่อได้ยินวิธีการรักษาของเฟิ่งชิงเฉินแล้ว ซุนเจิ้งเต้าไม่เพียงแต่ไม่ตะลึง แต่กลับครุ่นคิดขึ้นมา

เขาเคยคิดเกี่ยวกับวิธีการนี้เช่นกัน แต่น่าเสียดายที่เขามั่นใจเพียงเศษหนึ่งส่วนสิบเท่านั้น

"มั่นใจเกินครึ่ง เจ็ดส่วนสิบ"

"แล้วหากไม่เปิดช่องท้องล่ะ?" การรักษาจองซุนเจิ้งเต้าเน้นเรื่องความปลอดภัย

ช่วยไม่ได้ เป็นนิสัยที่เกิดจากการรักษาฮ่องเต้และเหล่าองค์ชาย พวกเขาเน้นเรื่องความปลอดภัย ไม่เน้นเรื่องหายเร็ว นี่เป็นทางเดียวที่สามารถรักษาชีวิตเอาไว้ได้

"หมอซุน ท่านคงเข้าใจดี อาการซุนฮูหยินไม่ดีเท่าไหร่นัก หากว่าไม่เปิดช่องท้องแล้วตัดเอาส่วนที่เน่าเสียออกไป อาการของนางจะหนักขึ้นเรื่อยๆ สุดท้ายยากที่จะรักษา"

เฟิ่งชิงเฉินไม่ได้เป็นคนตื่นตระหนกมากไป แต่สถานการณ์ของซุนฮูหยินไม่ดีเท่าไหร่นัก จะต้องทำการผ่าตัดโดยเร็ว

โรคของซุนฮูหยินหากทานแต่ยาแผนโบราณมีแต่จะยืดเวลา ไม่สามารถรักษาหายขาดได้ และจะรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ อาจทำให้เกิดโรคแทรกซ้อน เช่น ท่อน้ำดีอักเสบ ตับอ่อนอักเสบ ซึ่งถึงเวลานั้นจะยิ่งยากต่อการรักษา หากว่าถุงน้ำดีติดกับรอบข้างมากจนเกินไป เป็นผลกระทบต่อการตัดทิ้ง จะทำให้การผ่าตัดนั้นยากขึ้น

ซุนเจิ้งเต้ายังคงลังเล แต่ซุนซือสิงเป็นคนที่บ้าคลั่งทางการแพทย์ เขาเคยได้เข้าร่วมการรักษาของตงหลิงจื่อลั่ว ซึ่งเขาได้นฝีมือการรักษาที่สมบูรณ์แบบของเฟิ่งชิงเฉิน ใจหวั่นไหวอย่างมาก ตอนนี้เมื่อได้ยินเฟิ่งชิงเฉินกล่าวว่าจะทำการรักษาโดยเปิดช่องท้อง เขาสนใจขึ้นมาทันที เขาดึงเฟิ่งชิงเฉินเอาไว้และถามคำถามมากมาย และแสดงตนซ้ำ ๆ ว่าอยากจะเข้าร่วมการรักษาครั้งนี้

เฟิ่งชิงเฉินพบว่าแม้ว่าซุนซือสิงไม่มีประสบการณ์การผ่าตัด แต่ทุกคำถามของเขานั้นล้วนถามถึงจุดสำคัญ ซึ่งทำให้เฟิ่งชิงเฉินสนใจขึ้นมา จึงไม่ลังเลเลยที่จะบอกซุนซือสิงเกี่ยวกับขั้นตอนและเทคนิคการผ่าตัด

ยิ่งฟังซุนซือสิงก็ยิ่งชื่นชมเท่านั้น และยิ่งตั้งใจที่จะขอเป็นศิษย์นาง เฟิ่งชิงเฉินรู้สึกว่าซุนซือสิงมีความสามารถที่จะเรียนรู้การแพทย์ตะวันตก นางจึงกระตือรือร้นมากขึ้น ในสายตาของนาง ซุนซือสิงกลายเป็นผู้ช่วยสำรองในการผ่าตัดไปแล้ว

ซุนเจิ้งเต้าได้ยินการสนทนาระหว่างทั้งสอง ยิ่งฟังก็ยิ่งตกใจ เมื่อได้ยินสิ่งที่เฟิ่งชิงเฉินพูดเกี่ยวกับการฆ่าเชื้อ เทคนิคการใช้มีด การห้ามเลือด จะจัดการกับหลอดเลือด และอวัยวะภายในของมนุษย์ต่างๆ ยิ่งเขาฟังมากเท่าไหร่ เขารู้สึกทึ่งมากขึ้น เขาพยักหน้าไม่หยุด และถามบ้างเป็นครั้งคราว

ซุนเจิ้งเต้าผู้เชี่ยวชาญด้านการแพทย์แผนจีนผู้ยิ่งใหญ่ แม้ว่าเขาจะไม่ได้เรียนแพทย์แผนตะวันตก แต่ความรู้ทางการแพทย์ของเขานั้นเฟิ่งชิงเฉินมิอาจเทียบได้ เฟิ่งชิงเฉินยิ่งฟังก็ยิ่งชอบใจ คำถามที่ถามก็มากขึ้นเรื่อยๆ

การสนทนาของทั้งสามคนราวกับการจัดประชุมแลกเปลี่ยนด้านการแพทย์แผนจีนและตะวันตก อะแฮ่ม คาดว่านี่คงจะเป็นการประชุมแลกเปลี่ยนการแพทย์แผนจีนและตะวันตกที่มาก่อนกาลแล้วล่ะ หากว่าคนรุ่นหลังทราบ คงจะขอบใจและซาบซึ้งในตัวเฟิ่งชิงเฉินและซุนเจิ้งเต้าที่ได้ถวายความรู้ด้านการรักษาให้กับอาชีพแพทย์

ด้วยเหตุนี้เฟิ่งชิงเฉินและซุนเจิ้งเต้าได้กลายเป็นเพื่อนที่ดีต่อกัน และทั้งสามก็คุยกันอย่างมีความสุขจนกระทั่งทางพระราชวังมาเชิญซุนเจิ้งเต้าเข้าวัง ทั้งสามจึงได้รู้สึกตัวว่าตอนนี้ฟ้ามืดแล้ว........

เขาตำหนิคนใช้ที่ไม่ได้เตือนพวกเขา และคนใช้ต่างยืนอยู่ข้างๆ อย่างน่าสงสาร

พวกเขาเรียกอยู่หลายสิบครั้ง แต่ทั้งสามคนดูเหมือนคนต้องมนต์ ต่างก็ไม่สนใจพวกเขา

เฟิ่งชิงเฉินปวดหัวเช่นกัน และในขณะเดียวกันนางรู้สึกโชคดีที่ได้คุยกับสองพ่อลูกนี้ เพราะหากมิใช่เพราะเขาสองคน วันนี้นางคงกังวลใจทั้งวัน แต่เมื่อได้พูดคุยกันได้ช่วยขจัดความกังวลในใจของนางไปด้วย

"ซือสิง พาอาจารย์น้อยของเจ้าไปเปลี่ยนเสื้อผ้า" ซุนเจิ้งเต้าเป็นคนระมัดระวังอย่างมาก ในเมื่อเขาจะพาเฟิ่งชิงเฉินไปด้วย เช่นนั้นก็อย่าได้ให้ใครจับหลักฐานได้

ภายในเรือนจำ เสด็จอาเก้านั่งพิงกำแพงเอาไว้ สีหน้าของเขาขาวซีดอย่างมาก ริมฝีปากของเขาเป็นสีม่วง เห็นได้ชัดว่าเขาเจ็บปวดอย่างมาก แต่ว่าจิตใจเขาไม่อยู่ที่ความรู้สึกเจ็บปวดนี้เลย เขาเอาแต่คิดว่าจะเอาของนี้ออกไปอย่างไร.........

ฮ่องเต้ลงมือไวเกินการคาดการณ์ของเขา มีอีกหลายสิ่งที่เขายังไม่ได้วางแผนจัดการ.......

ไม่นานหลังจากนั้น เฟิ่งชิงเฉินแต่งตัวเป็นหมอหญิง เดินตามซุนเจิ้งเต้ามา ตลอดทางนางกังวลอย่างมาก นางก้มหน้าและเดินตามซุนเจิ้งเต้า กลัวว่าใครจะมาพบตน ขณะเดียวกันนางได้แสดงท่าทีความหวาดกลัวของหมอหญิงน้อยออกมาเช่นกัน

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: นางสนมแพทย์อัจฉริยะ