นางสนมแพทย์อัจฉริยะ นิยาย บท 263

ในฐานะของจักรพรรดิ สิ่งที่ต้องทำคืออย่ายึดอำนาจและสิทธิทั้งหมดเอาไว้ในมือเพียงผู้เดียว แต่ต้องสร้างความสมดุลของอำนาจแต่ละฝ่าย อย่าให้ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งเข้าครอบงำ เมื่อนั่งอยู่บนเก้าอี้มังกรอันสูงส่ง แสดงกลอุบายของจักรพรรดิออกมา ทำให้ทุกคนเกรงกลัวเขาเคารพและเอาอกเอาใจเขา จึงจะเป็นสิ่งที่จักรพรรดิควรกระทำ

ในราชวงศ์ก่อนหน้านี้ ตระกูลใหญ่ไม่ได้มีอิทธิพลมากมายขนาดนั้น แม้ว่าองค์จักรพรรดิแห่งราชวงศ์ก่อนหน้าจะให้ความสำคัญกับตระกูลขุนนางมั่งคั่ง แต่ก็จะไม่ยอมให้ตระกูลใดครอบงำเป็นใหญ่ เมื่อตระกูลเหล่านี้อยู่ต่อหน้าองค์จักรพรรดิล้วนจำเป็นต้องก้มศีรษะรับใช้ องค์จักรพรรดิมอบสิ่งใดให้พวกเขา พวกเขาก็ต้องรับสิ่งนั้นเอาไว้ และส่วนที่จักรพรรดิไม่ประทานให้ พวกเขาก็ไม่อาจได้มา

อย่างไรก็ตาม…… ราชวงศ์ตงหลิงก่อตั้งขึ้นในเวลาอันสั้น สำหรับเรื่ององค์ชายและฉู่จวินการศึกษาเหล่านี้ยังไม่สมบูรณ์ องค์จักรพรรดิต้องการจะนำอำนาจกลับคืนมา แต่เขาหารู้ไม่ว่าความกระตือรือร้นที่จะยึดอำนาจมานี้ มีแต่บีบบังคับให้คนอื่นร้อนรน

อาทิเช่น อวี่เหวินหยวนฮั่ว อำนาจทหารเปรียบเสมือนชีวิตของเขา หากว่าในมือเขาไม่มีอำนาจทางทหารแล้ว แม้แต่ชีวิตของตนก็อาจรักษาไว้ไม่ได้ เขายอมจะกบฏเสียดีกว่ามอบอำนาจทหารออกไป

ก่อนหน้าที่โลกนี้จะรวมตัวกันเป็นหนึ่ง ก่อนหน้าที่จักรพรรดิพระองค์ใหม่จะเสด็จขึ้นครองบัลลังก์อย่างมั่นคง ไม่ว่าผู้ใดเป็นจักรพรรดิล้วนจำเป็นต้องได้รับแรงสนับสนุนจากตระกูลใหญ่ และก่อนจะถึงเวลานั้น ตำแหน่งของหวังจิ่นหลิงจะไม่เปลี่ยนแปลง

ดังนั้น ในวันที่สองหลังจากที่หวังจิ่นหลิงปรากฏตัวอยู่ในเมืองตงหลิง องค์จักรพรรดิก็ได้ส่งองค์รัชทายาทออกไปต้อนรับ เขาเป็นการส่วนตัวเพื่อแสดงให้เห็นถึงความให้ความสำคัญ

เมื่อกล่าวไปแล้ว ตระกูลขุนนางไม่ได้แข็งแกร่งอย่างที่คิด พวกเขายังคงต้องดำเนินชีวิตด้วยอำนาจขององค์จักรพรรดิ เฟิ่งชิงเฉินฟังคำอธิบายจากตี๋ตงหมิงแล้วเอ่ยถามขึ้นอย่างไม่เข้าใจ

การที่องค์รัชทายาทเสด็จฯ ต้อนรับด้วยพระองค์เองเป็นเรื่องใหญ่ แม้ว่าเฟิ่งชิงเฉินจะมีร่างกายบาดเจ็บอยู่ แต่บัดนี้ก็ฟื้นตัวได้ไม่เลวแล้ว หลังจากที่นางรู้ข่าวนี้เข้าก็ได้เดินทางมาต้อนรับหวังจิ่นหลิงเช่นกันและเฝ้าดูความครึกครื้นนี้

ขณะนั้นเอง เฟิ่งชิงเฉิน จี้ตงหมิงและซุนซือสิงทั้งสามคนนั่งอยู่ในโรงน้ำชาแห่งหนึ่ง พวกเขาสนทนาพลางรอการมาถึงของหวังจิ่นหลิง

องค์รัชทายาทเสด็จออกมาต้อนรับด้วยตนเอง ขุนนางมากมายจะไม่เดินทางตามมาหรือ ชาวบ้านเหล่านั้นจะไม่อยากรู้อยากเห็นหรืออย่างไร? ต่อให้เป็นบุตรสาวของตระกูลขุนนางก็ยังได้พากันออกมาชื่นชมความสง่าผ่าเผยของคุณชายใหญ่ ประตูเมืองบัดนี้ครึกครื้นขึ้นมามากมายทีเดียว

ตี๋ตงหมิงพยักหน้าแล้วลดน้ำเสียงเบาๆ กล่าวได้ว่าตระกูลขุนนางเองก็ต้องอาศัยอำนาจขององค์จักรพรรดิในการดำรงชีวิต หากไม่มีอำนาจขององค์จักรพรรดิล่ะก็ ตระกูลของพวกเขาจะดำรงได้อย่างยาวนานหรือ อย่างน้อยในราชวงศ์ก่อนหน้าก็เป็นเช่นนี้ ในราชวงศ์ก่อนหน้าตระกูลขุนนางไม่มีทหารเป็นของตนเอง สิ่งที่พวกเขาสามารถเรียกร้องได้นั่นก็คือการแก่งแย่งอำนาจจากองค์จักรพรรดิ

ต่อมาเมื่อโลกเกิดความโกลาหลขึ้น แม้ว่าในมือของตระกูลขุนนางจะมีทหารอยู่แต่ก็ไม่ส่งผลใดมากนัก แต่ขุนนางใหญ่เหล่านี้อย่างมากก็ส่งผลต่ออำนาจในรัฐบาล ขุนนางมากมายกว่าครึ่งที่ถือกำเนิดมาจากตระกูลมั่งคั่ง คนอย่างเช่นอันกั๋วกงที่ได้รับอำนาจมาจากการต่อสู้บนหลังม้าแต่ความสามารถในการปกป้องประเทศมีไม่มาก

ในยุคแรกของการก่อตั้งราชวงศ์ขึ้น เมื่อบรรดาขุนนางวีรบุรุษเหล่านี้รู้สึกอิจฉา จึงได้ใช้บุตรหลานของตนให้เกิดประโยชน์ แต่ใครจะไปรู้เล่าว่าเขาใช้จนเกินเหตุ บัดนี้ไม่อาจควบคุมอำนาจได้แล้ว สรุปโดยรวมก็คือเป็นเรื่องราวที่เน่าเฟะ จำเป็นจะต้องมีความสามารถอำนาจที่แท้จริงไปแก่งแย่งกันในตระกูลเพื่อได้รับอำนาจมา

หากเป็นเมื่อก่อน ตี๋ตงหมิงจะไม่กล่าวเรื่องราวเหล่านี้ออกมา แต่บัดนี้เขารู้สึกไม่พอใจองค์จักรพรรดิเป็นที่สุด ความไม่พอใจเหล่านี้เกิดขึ้นหลังจากที่ได้ยินสาเหตุเกี่ยวกับการจากไปของบิดามารดา ทำให้ความโมโหถึงขีดสุด

บิดามารดาของเขาเป็นไปได้สูงทีเดียวที่จะถูกองค์จักรพรรดิลอบสังหาร เพื่อวัตถุประสงค์นั้นก็คือแย่งอำนาจทหารของตระกูลตี๋ ต่อมาปู่ของเขาได้มอบอำนาจทางทหารไปให้องค์จักรพรรดิ องค์จักรพรรดิจึงได้ปล่อยตระกูลเขาไป

แท้จริงแล้วตี๋ตงหมิงคิดง่ายดายเหลือเกิน การที่องค์จักรพรรดิปล่อยตระกูลตี๋ไปเป็นเพราะเซียวชินอ๋องโมโห มองจากภายนอกอาจจะเห็นว่ามอบอำนาจทางทหารให้แล้ว แต่ในมือของเขายังคงกำอำนาจที่เดิมควรจะมอบให้องค์จักรพรรดิเอาไว้

"ช่างวุ่นวายเหลือเกิน เป็นจักรพรรดิลำบากหนักหนา!" เฟิ่งชิงเฉินส่ายหน้า แม้ว่าคนก็ข้างกายจะเป็นคนของนางเอง แต่ก็ไม่กล้าที่จะกล่าวเสียงดังออกมา

"ต้องโทษที่ตัวเขารีบร้อนเสียจนเกินไป จักรพรรดิองค์ปัจจุบันนี้มีความสามารถ แต่เขาค่อนข้างใจร้อน เขาต้องการใช้ช่วงเวลาที่มีชีวิตอยู่รวบรวมอีกสามประเทศเข้าด้วยกันแล้วเป็นใหญ่ในจิ่วโจว แต่ไม่รู้ว่าการเร่งรีบนั้นท้ายที่สุดแล้วไม่อาจประสบผลสำเร็จได้"

"หลังจากที่องค์จักรพรรดิขึ้นครองราชย์ได้สองปีก็ยังไม่เท่าไร ทรงงานอย่างเคร่งขรึมและสงบ เรื่องของอำนาจก็เป็นไปอย่างเชื่องช้า แต่เมื่อเขาอายุมากขึ้นความเงียบสงบนั้นก็เริ่มกลั้นไม่ไหว เขาอยากจะครอบครองอำนาจของตงหลิงไว้ในมือของตนให้ได้เพียงวันเดียว แต่อย่างที่ว่าน่าเสียดายเหลือเกินที่ใจร้อนจึงทำให้เกิดข้อผิดพลาดง่าย แม้ว่าภายในของราชวงศ์ตงหลิงยังไม่เกิดความวุ่นวาย แต่คาดว่าก็ใกล้แล้ว……"

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: นางสนมแพทย์อัจฉริยะ