นางสนมแพทย์อัจฉริยะ นิยาย บท 279

เพราะหากว่านางหลบหลีกสายตาคู่นั้น หลานจิ่วชิงก็จะพบได้ถึงความผิดปกติของนาง แม้ว่านางจะรู้ ถึงเรื่องใบหน้าของหลานจิ่วชิงเป็นเพียงหน้ากากผิวมนุษย์ แต่ก็ไม่ได้รู้ว่าตัวจริงของเขาคือใคร ถึงอย่างไรก็ตามดูจากท่าทางอันระมัดระวัง เกรงว่าจะไม่ปล่อยนางไปอย่างแน่

แม้ดวงตาทั้งคู่ของหลานจิ่วชิงจะว่องไว แต่ถึงอย่างไรเขาก็เป็นผู้ได้รับบาดเจ็บ ประกอบกับความเชื่อถือไว้วางใจในตัวเฟิ่งชิงเฉินจึงไม่ได้เอ่ยถามสิ่งใดอีก "ข้าพบว่าเขาสวมชุดแปลกประหลาดเอาไว้ ก่อนที่ข้าจะเดินทางจากมา ได้ยินเขากล่าวขึ้นกับตนเองว่า ต้องการจะใช้โอกาสนี้ในการหลอกลวงเจ้า ดูสิว่ามาจากที่เดียวกันกับเขาหรือไม่"

แม้จะบอกว่าตัวเขาเองก็อยากจะรู้เหลือเกินว่าเฟิ่งชิงเฉินมาจากที่ใด แต่การที่คนรู้ตัวตนของเฟิ่งชิงเฉินอันแท้จริงยิ่งน้อยก็ยิ่งดี ชายนามว่าหลี่เซี่ยงนั้นจะต้องจัดการไป ไม่อย่างนั้นทั้งชีวิตคงไม่อาจอยู่ได้อย่างสงบสุข เขาไม่อยากจะให้เฟิ่งชิงเฉินเป็นเช่นเดียวกับคนผู้นั้น กลายเป็นเพียงแค่เครื่องมือ

"แค่กๆ……" เมื่อเผชิญหน้ากับดวงตาอันลึกล้ำของหลานจิ่วชิงซึ่งดูเหมือนจะรู้ไปทุกสิ่ง เฟิ่งชิงเฉินจึงได้มองไปด้วยสายตาอันสับสนแล้วกล่าวขึ้นอย่างคลุมเครือว่า "เจ้าวางใจเถิด ข้ากับเขาไม่เหมือนกัน ข้าเป็นเพียงแค่คนธรรมดาทั่วไป ข้าเพียงต้องการมีชีวิตอันแสนธรรมดา"

นอกเสียจากการป้องกันตัวแล้วนางไม่คิดจะทำลายความสมดุลของโลกนี้เลย นางเพียงแค่ป้องกันตัวเท่านั้น

แต่ปืนนั้นหากว่าคนในโลกนี้สามารถสร้างมันขึ้นมาได้ เฟิ่งชิงเฉินก็รู้สึกชื่นชมยิ่งนัก

"ข้าเชื่อเจ้า หลังจากเข้าไปในวังแล้วระวังตัวให้ดี" หลานจิ่วชิงหลับตาลงเป็นความหมายว่าบทสนทนาจบลง

เฟิ่งชิงเฉินกัดริมฝีปากแล้วค่อยๆ ถอยออกไป

ชายที่นามว่าหลี่เซี่ยงช่างเป็นตัวซวยเหลือเกิน ทำเอาเสียตัวตนของนางแทบจะรักษาไว้ไม่ได้ โชคดีเหลือเกิน คนที่สงสัยในตัวนางมีเพียงหวังจิ่นหลิงและหลานจิ่วชิง ซึ่งบัดนี้ยังสามารถควบคุมได้ หากว่า……

ฝ่าบาท องค์รัชทายาทและคนอื่นๆ เกิดความสงสัยในเรื่องนี้ขึ้นมาล่ะก็ นางคงจะแย่เลยทีเดียว

เฟิ่งชิงเฉินหยิบกระเป๋าแพทย์อัจฉริยะขึ้นมาแล้วสูดลมหายใจเข้า รัศมีแห่งความสงบแผ่ซ่านออกไป

หลี่เซี่ยง ชายคนนี้จะต้องตาย ในเมื่อต้องการจัดการกับนาง ถ้าอย่างนั้นก็รอรับผลกรรมที่ต้องสูญเสียเถอะ คิดว่าคนจากยุคปัจจุบันเดินทางมาที่ยุคโบราณเช่นนี้จะเก่งกาจมากนักหรือไร ไร้เดียงสาสิ้นดี

เฟิ่งชิงเฉินและตี๋ตงหมิงเดินทางไปถึงพระราชวังด้วยความรวดเร็ว เนื่องจากตำหนักชิงเหยียนถูกระเบิด ดังนั้นหลี่เซี่ยงจึงถูกย้ายออกมาอยู่ในตำหนักที่ใกล้กับตำหนักชิงเหยียน ในตำหนักนั้นสว่างไสว ผู้มีความสามารถระดับสูงในพระราชวังล้อมเอาไว้เป็นรอบๆ สถานการณ์ดูตึงเครียดยิ่งนัก ใบหน้าของนางในแต่ละคนก็เคร่งขรึม

เหตุการณ์ที่ดูเร่งรีบและกดดันเช่นนี้ หากเฟิ่งชิงเฉินไม่รู้ว่าผู้ที่ได้รับบาดเจ็บเป็นใคร บางทีนางอาจคิดว่าคนที่กำลังจะตายเป็นองค์จักรพรรดิ……

"ถวายบังคมฝ่าบาท ทรงพระเจริญหมื่นปีหมื่นหมื่นปี!" เมื่อเฟิ่งชิงเฉินเดินตรงเข้าไปพบเข้ากับองค์จักรพรรดิ ซึ่งมีองค์รัชทายาทและตงหลิงจื่อลั่วนั่งขนาบซ้ายขวา

ความกังวลบนใบหน้าขององค์จักรพรรดิไม่ได้เกิดขึ้นจากการเสแสร้ง ดูเป็นกังวลยิ่งกว่าวันที่ตงหลิงจื่อลั่วได้รับบาดเจ็บเสียอีก เฟิ่งชิงเฉินก้มศีรษะลงจึงไม่มีผู้ใดเห็นสายตาอันดูถูกเหยียดหยามของนาง

"ลุกขึ้นเถิด เฟิ่งชิงเฉินเจ้าจะต้องรักษาคุณชายหลี่ให้ได้ อย่ามีเรื่องใดผิดพลาดไป" คำกำชับของฝ่าบาทกระทัดรัด แต่เด็ดขาดและดูเหมือนไม่ได้คำนึงถึงชะตากรรมของหลี่เซี่ยง

แต่ยิ่งเป็นเช่นนี้ เฟิ่งชิงเฉินก็ยิ่งรู้สึกว่าตงหลิงจื่อลั่วและคนอื่นๆ ช่างน่าสงสารยิ่งนัก เฟิ่งชิงเฉินรู้สึกมั่นใจ ด้วยความสมเพชว่าหากผลประโยชน์ของลูกชายเขาเทียบเท่ากับเครื่องมือคนนี้ องค์จักรพรรดิคาดว่าคงจะเลือกรักษาชีวิตของเครื่องมือไว้ก่อน

ถึงอย่างไรเสีย เขาก็มีบุตรชายมากมาย แต่เครื่องมือเช่นหลี่เซี่ยงนี้ยากที่จะหา

"เพคะฝ่าบาท" เฟิ่งชิงเฉินพยักหน้าอย่างหนักแน่น นางไม่มีเจตนาจะหลบเลี่ยง ร่างกายที่สั่นเทาเผยให้เห็นความกังวลของนางเล็กน้อย

ตงหลิงจื่อลั่วสูดลมหายใจเข้าลึก เมื่อนึกถึงคราก่อนที่เฟิ่งชิงเฉินใช้การให้เลือดในการช่วยตน และกลัวว่าเฟิ่งชิงเฉินจะใช้วิธีดังกล่าวอีกครั้ง เขาจึงได้ก้าวออกมาร้องขอแทนนางว่า "เสด็จพ่อพ่ะย่ะค่ะ แม้แต่หมอหลวงก็ยังไม่สามารถทำอะไรได้ เฟิ่งชิงเฉินเป็นเพียงแค่สตรีคนหนึ่ง ต่อให้นางจะเก่งกาจเพียงใดแต่ความสามารถก็มีขีดจำกัด"

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: นางสนมแพทย์อัจฉริยะ