นางสนมแพทย์อัจฉริยะ นิยาย บท 303

เมื่อขันทีแยกนางและสาวใช้ออก เฟิ่งชิงเฉินเดาว่าเสด็จอาเก้าอยากพบนางเพียงลำพัง ฉะนั้นเฟิ่งชิงเฉินจึงไม่แปลกใจเมื่อรถม้าวิ่งไปที่สระบัว

"คุณหนูเฟิ่ง ถึงแล้ว"

มีประตูหนึ่งบาน รถม้าจอดอยู่นอกประตู "คุณหนูเฟิ่ง"

คนใช้เชิญเฟิ่งชิงเฉินเดินเข้าไปข้างใน แต่ตนนั้นไม่เข้าไป

เฟิ่งชิงเฉินยิ้มและเดินเข้าไปข้างหน้าอย่างช้าๆ

นี่คือลานอีกหลังของเสด็จอาเก้า เขาคงไม่ทำกระไรนางหรอก

เดือนกรกฎาคมนี้ แม้แต่ประอาทิตย์ยามเย็นก็แสบร้อยอย่างมาก แต่เมื่อเดินอยู่ในลานนอกของเสด็จอาเก้า แต่ไม่รู้สึกร้อนเลย มีต้นไม้ร่มรื่นและมีลมเย็นพัดผ่านทุกหนทุกแห่ง

เฟิ่งชิงเฉินเข้าใจที่นี่อาจจะวางกะละมังน้ำแข็ง ดังนั้นที่นี่จึงลมเย็นอย่างมาก

คนรวยมันก็ดีอย่างนี้นี่เอง!

นางทำได้แค่วางกะละมังน้ำแข็งในห้อง แต่เสด็จอาเก้าล่ะ? เขามีกะละมังน้ำแข็งไปทั่วลานบ้าน

เฟิ่งชิงเฉินมีถุงหอมใบบัวอยู่ นางจึงไม่ไวต่อกลิ่นใบบัวที่ลอยอยู่กลางอากาศ นางเดินผ่านโถงทางเดิน มองเห็นดอกบัวแดงตัดกับใบไม้สีเขียว จนเมื่อนางเดินมาถึงบึงบัว

"สวยงามมาก! ตามที่คาดไว้เลย บึงนี้เขียวขจีงดงามยิ่งนัก" เฟิ่งชิงเฉินก้าวเร็วขึ้น ต้องยอมรับว่าบึงบัวของเสด็จอาเก้านั้นงามอย่างมาก ดอกบัวแต่ละดอกเบิกบานอยู่ติดกัน กลิ่นหอมของดอกบัวที่โชยมาทำให้ถุงหอมที่อยู่ตรงเอวของนางดูอ่อนไปเลย

เฟิ่งชิงเฉินถือกระโปรงตนขึ้น และวิ่งเข้าที่บึงบัว ทันใดนั้นเสียงขลุ่ยก็ดังขึ้นเบาๆ ตามสายลม

"หือ? มีคนกำลังเป่าขลุ่ยอยู่หรือ?" เฟิ่งชิงเฉินเดินช้าลงโดยไม่รู้ตัว

แม้ว่านางจะเป็นคนโผงผาง แต่นางก็ไม่อยากรบกวนอารมณ์ศิลปะของผู้อื่น

ไม่รู้ว่าเฟิ่งชิงเฉินเข้าไปใกล้เสียงขลุ่ย หรือคนเป่าขลุ่ยเดินเข้ามาใกล้นาง เสียงขลุ่ยก็ดังขึ้นเรื่อยๆ เสียงขลุ่ยใสสะอาดมาพร้อมกับกลิ่นดอกบัวที่โชยมา ...

เสียงของขลุ่ยไพเราะและน่ารื่นรมย์ กำลังบินผ่านท้องฟ้าสีคราม และเมฆขาวก็หยุดฟังเสียงนี้เช่นกัน คนที่ไม่รู้เรื่องดนตรียังหบวใหลไปกับเสียงนี้ นางยืนนิ่งอยู่กับที่อย่างเงียบๆ

ใบบัวสั่นสะท้าน เสียงขลุ่ยดังขึ้น และดวงตาของเฟิ่งชิงเฉินก็เบิกกว้างขึ้นเรื่อยๆ...

"เสด็จอาเก้า?"

ในสระบัว เสด็จอาเก้าสวมชุดดำ ยืนบนเรือเล็ก เรือนั้นเล่นเข้ามาใกล้เรื่อยๆ เสด็จอาเก้าไม่เสียสมาธิ เขายังคงยืนอยู่ที่หัวเรือและเป่าขลุ่ยไปเรื่อยๆ ราวกับว่าทุกสิ่งบนโลกนี้ไม่เข้าตาเขาเลย

คนที่เป่าขลุ่ยคือเสด็จอาเก้าหรือ เฟิ่งชิงเฉินรู้สึกสั่นไหวอย่างมาก

เสด็จอาเก้าแพ้กลิ่นหอมของดอกไม้มิใช่หรอื แล้วเขาไปทำบ้าอะไรในบึงบัว?

เฟิ่งชิงเฉินมีคำถามมากมาย แต่นี่ไม่ใช่เวลาที่จะถามคำถาม

เฟิ่งชิงเฉินยืนอยู่ที่เดิมและมองดูเสด็จอาเก้า ตอนนี้นางไม่มีเวลาไปฟังเสียงขลุ่ยไรนั่น นางคิดเพียงแค่ว่า เสด็จอาเก้าทำเช่นนี้เพื่อการใด?

ไม่ว่าเฟิ่งชิงเฉินจะฟังหรือไม่ฟัง เสด็จอาเก้าก็ไม่หยุดเป่า เสียงขลุ่ยดังอยู่เรื่อยๆ แต่เสียงของขลุ่ยเปลี่ยนไป เสียงที่ไพเราะและร่องลอยอยู่นั้น จู่ๆกลายเป็นเสียงนกร้อง มีทั้งนกกระจิบ มีนกกางเขน... ความคิดทั้งหมดของเฟิ่งชิงเฉินหลงเข้าไปอยู่ในโลกของเสียงนี้เช่นกัน

เฟิ่งชิงเฉินหลับตาลง ดูเหมือนนางจะเห็นนกนับไม่ถ้วนบินอยู่บนกิ่งไม้ ส่งเสียงเจี๊ยก ๆ มีชีวิตชีวามาก

กระพือ กระพือ...

เฟิ่งชิงเฉินดูเหมือนจะได้ยินเสียงกระพือปีก ลืมตาขึ้น และเฟิ่งชิงเฉินตกตะลึง

ในขณะนี้ เสด็จอาเก้าดูงดงามอย่างมาก

นกมากมายบินผ่านเข้ามา และบินวนไปรอบๆ และบินวนรอบตัวเขาอยู่นานไม่ยอมไป ไม่เพียงแต่เท่านี้ มีนกมากมายยิ่งกว่านี้บินเข้ามาเรื่อยๆ....

พวกมันบินวนเป็นกลุ่มไปพร้อมกับแสงอาทิตย์ วนอยู่รอบตัวเสด็จอาเก้า

"มันน่าทึ่งจริงๆ" เฟิ่งชิงเฉินไม่กล้าพูดออกเสียง เพียงแต่เอ่ยชื่อชมในใจ เป่าขลุ่ยแล้วสามารถดึงดูดนกมาได้หลายร้อยตัว คงมีแค่เสด็จอาเก้าที่ทำได้

เสด็จอาเก้าเดิมก็หล่ออยู่แล้ว เมื่อมีกลิ่นอายที่ด๔สูงส่งนั้นเข้ามาประกอบด้วย เขากลายเป็นคนที่สมบูรณ์แบบอย่างมาก วินาทีที่เขาถูกนกน้อยล้อมรอบ ทำให้เฟิ่งชิงเฉินรู้สึกว่า เหมือนเสด็จอาเก้าจะบินขึ้นบนฟ้ากลายเป็นเทพไปพร้อมกับนกเหล่านี้

เมื่อเฟิ่งชิงเฉินเหม่อลอย จู่ๆเสียงขลุ่ยก็ดังขึ้นในทันใด เสียงนกฟีนิกซ์ดังขึ้น เฟิ่งชิงเฉินตะลึง ดวงตาที่สับสนของนางกลับมาชัดเจนและโปร่งใสอีกครั้ง

เสียงนกฟินิกซ์? นกฟินิกซ์อยู่ไหน? เสด็จอาเก้าสามารถตามนกฟินิกมาได้ด้วยหรือ?

เฟิ่งชิงเฉินสำรวจไปรอบๆ จึงแน่ใจได้ว่าเสียงนกฟีนิกซ์นั้นดังมาจากขลุ่ยของเสด็จอาเก้า และเมื่อเสียงนกฟีนิกซ์ดังขึ้น เสียงขลุ่ยก็หยุดลง และนกรอบๆ เสด็จอาเก้าก็บินจากไป

"เพราะหรือไม่?" เสด็จอาเก้าไม่ได้ขึ้นฝั่ง ยังคงยืนบนหัวเรือ เขาหมุนขลุ่ยหยกไปมาในมือ ทำให้คนเห็นรู้สึกเกรงตลอดเวลาว่าขลุ่ยจะร่วงลงน้ำหรือไม่

อย่างน้อยเฟิ่งชิงเฉินกังวลอย่างมาก ดวงตาของนางยังคงจับจ้องไปอยู่ที่ขลุ่ย แต่สาเหตุหลักเกิดจากนางไม่กล้ามองไปที่เสด็จอาเก้า

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: นางสนมแพทย์อัจฉริยะ