นางสนมแพทย์อัจฉริยะ นิยาย บท 310

เมื่อครู่นางเพิ่งจะพูดว่า นางไม่ต้องการเพียงคู่ชีวิตคนเดียวไปตลอดชีวิต นางเพียงแค่ต้องการตำแหน่งพระชายาเอกเท่านั้น ทว่า ผลลัพธ์ที่ได้เล่า?

นางเพียงแค่ได้เห็นภาพของซูหว่านและเสด็จอาเก้าแอบอิงกันดั่งภาพวาดเช่นนั้น ก็พลันรู้สึกขมขื่นไปทั่วทั้งใจเช่นนี้ แล้วนางจะยอมรับสามีในอนาคตของนางได้อย่างไร นางจะรับได้หรือ หากสามีของนางต้องไปนอนกอดสตรีนางอื่นบนเตียงของตนเช่นนั้น นางจะรับได้อย่างไร นางจะรับได้หรือ หากสตรีนางอื่นต้องมาอุ้มลูกให้สามีของนางเช่นนั้น

บางที นางอาจจะต้องการเวลาอีกสักหน่อย ถึงจะสามารถหล่อหลอมเข้ากับคนที่นี่ได้ นางถึงจะสามารถเข้าใจกฎของโลกในยุคนี้ได้ บางที นางอาจจะไม่มีทางรับได้เลยก็เป็นได้ ทั้งยังไม่อาจรับมือกับกฎของโลกในยุคนี้ได้เลย

ยามที่นางกำลังพูดปลอบใจตนเองว่า นางไม่ต้องเปลี่ยนตนเองให้กลายเป็นคนที่พิเศษเช่นนั้น นางเพียงหวังว่าตนเองจะสามารถหลอมรวมเข้ากับคนที่นี่ ทว่า เมื่อถึงยามนั้นแล้ว เรื่องพวกนี้ หาใช่สิ่งที่นางต้องการจริง ๆ ไม่ นางไม่อาจทำใจใช้สามีร่วมกับผู้อื่นได้

พอแล้ว พอแล้ว

ได้แต่ความสุขของนาง ไม่อาจได้ทั้งชีวิตของนาง

เฟิ่งชิงเฉินค่อย ๆ แย้มยิ้มออกมาด้วยความสดใส ดวงของนางพลันเปล่งประกายออกมาในความมืดมิด หวังจิ่นหลิงพูดถูก นางจะได้บรุษที่ดีที่สุดในใต้หล้า นางสามารถมีคู่ชีวิตเพียงคนเดียวไปตลอดชีวิตได้

นางมิต้องรู้สึกผิดในตนเองอีก นางไม่ต้องไปแสวงหาความสมบูรณ์แบบในตัวบุรุษคนใด เดิมทีนางก็แตกต่างจากสตรีในยุคนี้อยู่แล้ว เหตุใดนางต้องเปลี่ยนแปลงตนเองให้เหมือนกับพวกเขาด้วย

ต้องโทษที่เสด็จอาเก้า หากมิใช่ว่าวันนี้ตอนบ่ายเล่นอยู่กับเขาภายในสระบัวละก็ ทำเอานางตกอยู่ในม่านหมอกที่หาทางไม่ออกเช่นนี้ รวมไปถึงยามที่มาได้ยินซีหลิงเทียนเหล่ยต้องการแต่งนางเป็นนางสนมของเขาอีก ทำเอานางกระวนกระวายใจยิ่งนัก ทำเอานางรู้สึกว่าตนเองเป็นเหมือนกับสตรีในยุคนี้ ทั้งยังไม่อาจมีอิสระในการเลือกชีวิตของตนเองได้อีก

นางหาใช่องค์หญิงอันผิงไม่ นางยังไม่ใช่ซีหลิงเหยาหวา และนางก็ไม่ใช่ซูหว่าน ที่นางมีทุกอย่างได้ในวันนี้ หาได้มาจากตระกูลของนางไม่ นางมีทั้งเกียรติยศและความมั่งคั่งเช่นนี้ ล้วนแต่เป็นสองมือของนางที่สรรหามาด้วยตนเอง นางหาได้ชื่นชมกับความมั่งคั่งและเกียรติยศของตระกูลตนเองไม่ นางย่อมไม่สนใจว่าตนเองจะต้องจ่ายมันด้วยสิ่งใด

นางมิได้พึ่งพาผู้ใด และนางก็มิได้หวังพึ่งผู้ใดเช่นกัน ถึงแม้ว่าจักรพรรดิจะมาเอาทุกอย่างคืนไป นางก็ไม่กลัว ขอเพียงแค่นาง เฟิ่งชิงเฉินยังมีชีวิตอยู่ละก็ ขอเพียงแค่มือทั้งสองข้างของนางยังคงใช้การได้ นางสามารถไขว่คว้าความสำเร็จที่มีมากกว่านี้ได้ ทั้งยังสามารถมีฐานะที่สูงส่งได้มากกว่าวันนี้ที่นางอยู่เสียอีก

เมื่อเฟิ่งชิงเฉินปลดปล่อยตนเองได้แล้วนั้น ก็มองไปที่เสด็จอาเก้าด้วยความรู้สึกสบายใจมากกว่าเดิม หากแต่เสด็จอาเก้าหาได้ทำในสิ่งที่นางคาดหวังไว้ไม่ มิรู้ว่าพระองค์จงใจหรืออย่างไร ยามที่เฟิ่งชิงเฉินหลับตาลง เพื่อเพลิดเพลินกับสายลมที่กำลังพัดพากลิ่นอายที่สดชื่นของดอกบัวเข้ามา เสด็จอาเก้าพลันลุกขึ้นยืนในทันที "พวกเจ้าเข้ามาเสีย คุณหนูซูหว่านร่างกายไม่สู้ดีนัก พยุงนางลงไปเดี๋ยวนี้"

เนื่องจากเสด็จอาเก้าลุกขึ้นด้วยความรวดเร็ว ทั้งยังกะทันหันยิ่งนัก ซูหว่านยังมิทันจะได้สติดี พลันตกลงไปที่พื้นในทันที

"อ๊าย" ซูหว่านพลันกรีดร้องเสียงดังออกมาในทันที สองมือพลันไขว่คว้าไปด้านหน้า เพื่อต้องการจะจับที่ยึดเช่นเสด็จอาเก้า เพื่อปกกันไม่ให้ตนเองเสียหน้า แต่เสด็จอาเก้าใจดำยิ่งนัก ยามที่ซูหว่านกำลังร้องขอความช่วยเหลือ พระองค์พลันหลีกหนีไปในทันที

ยามที่เฟิ่งชิงเฉินเงยหน้าขึ้นมานั้น ก็พลันสบตาเข้ากับดวงตาที่เย็นชาของเสด็จอาเก้าไปในทันที หากแต่ก็เป็นเสด็จอาเก้าที่หันหน้าหนีไปก่อน ราวกับจะบอกว่า ข้าหาได้เหมือนคนบางคนที่ขี้งกไม่!

มิรู้ว่าเป็นเพราะอันใด เฟิ่งชิงเฉินพลันรู้สึกว่า ตนเองมีความสุขมากนัก ไม่อาจบอกได้เลยว่า นางยังคงชอบเสด็จอาเก้าที่ไม่ไปตามคลื่นลมของผู้ใดอยู่ รู้สึกโล่งใจยิ่งนัก!

"ระวัง"ผู้ที่อยู่ใกล้ที่สุดคือตงหลิงจื่อชุนไม่อาจทนมองได้อีก เพื่อป้องกันไม่ให้ซูหว่านล้มลงไป เขาจึงยื่นมือเข้าไปช่วยเหลือในทันที ยามที่ตงหลิงจื่อชุนรับร่างของซูหว่านได้ทันนั้น นางจึงหันมากล่าวว่า "ขอบพระทัยเพคะ"

น้ำเสียงที่อ่อนแรงและใบหน้าที่ซีดเผือด มิจำเป็นต้องเสแสร้งแกล้งทำแต่อย่างใด แต่เสียกรีดร้อง "อ๊าย" เมื่อครู่ ดูอย่างไรก็รู้ว่าเสแสร้งยิ่งนัก

เฟิ่งชิงเฉินและหวังจิ่นหลิงพลันสบตากันพร้อมกับมองดูงิ้วตรงหน้าด้วยความสนุกสนาน

ยามที่ตงหลิงจื่อชุนรับร่างของซูหว่านเอาไว้นั้น คล้ายกับเขากำลังจับมันฝรั่งร้อน ๆ ยิ่งนัก จะวางไว้ก็ไม่ได้ จะถือเอาไว้ก็ไม่ได้เช่นกัน ในยามที่ไม่รู้ว่าควรจะทำเช่นไรนั้น ก็พลันหันไปหาเสด็จอาเก้าราวกับกำลังร้องขอความช่วยเหลือ เสด็จอาเก้าหาได้ทำให้เขาลำบากใจไม่ "ยังตกตะลึงอะไรอยู่เล่า คุณหนูซูหว่านไม่สบายเช่นนี้ ยังไม่รีบประคองคุณหนูซูหว่านกลับไปพักผ่อนอีก อีกครู่หนึ่ง เปิ่นหวางจะส่งท่านหมอตามไปดูอาการ"

"หม่อมฉัน" ยามที่ซูหว่านกำลังจะบอกว่าตนเองไม่เป็นอันใดนั้น ก็พลันถูกเสด็จอาเก้าตัดบทออกมา พนร้อมกับใช้สายตาตวัดมองไปที่คุณหนูซูหว่านว่า "คุณหนูซูหว่าน เปิ่นหว่างไม่ชอบสตรีที่อ่อนแอ" พูดจบ ก็ทิ้งผู้คนที่อยู่ในจุดชมวิวและเดินจากไปในทันที

นี่มันหมายความว่าอันใดกัน?

ซูหว่านรู้สึกอับอายยิ่งนัก ยามที่เห็นสีหน้าของผู้คนที่มองมานั้น พร้อมกับมองร่างของเสด็จอาเก้าที่เดินลับสายตาไป ทำให้พวกเขารู้สึกงุนงงยิ่งนัก หากแต่ก็ไม่มีผู้ใดพูดอันใดออกมา ทั้งเป่ยหลิงเฟิ่งเฉียนและซีหลิงเทียนเหล่ยต่างก็มีสีหน้าที่ไม่ค่อยพอใจออกมาในทันที

เสด็จอาเก้าส่งเทียบเชิญ เชื้อเชิญพวกเขามาเช่นนี้ ถึงแม่ว่าจะไม่สนใจเขาก็ตาม ทั้งยังทิ้งแขกของตนเองอีก นี่มันไม่เห็นพวกเขาอยู่ในสายตากันเกินไปแล้ว

องค์รัชทายาทได้แต่แย้มยิ้มออกมาด้วยความขมขื่น เขารู้ดีว่ากับข้าวสำรับของเสด็จอาเก้ามิค่อยอร่อยนัก หลังจากที่รอตงหลิงจื่อชุนพยุงซูหว่านออกไปแล้วนั้น องค์รัชทายาทก็พลันกระแอมกระไอออกมาว่า

"องค์รัชทายาทเหล่ย ฝ่ายาทเฟิ่งเฉียน องค์หญิงเหยาหวาพ่ะย่ะค่ะ ได้โปรดอย่าให้ความสนใจเลยพ่ะย่ะค่ะ เสด็จอาเก้าหาได้คิดละเลยทุกคนไม่ เพียงแต่ว่า เสด็จอาเก้ามิชอบให้ผู้ใดมาแตะต้องเนื้อตัวพะยะค่ะ เกรงว่าเสด็จอาเก้าคงไปผลัดเปลี่ยนอาภรณ์ชุดใหม่กระมัง " ขออภัยคุณหนูซูหว่านจริง ๆ ที่ทำให้ท่านต้องอับอายเช่นนี้

ถึงแม้ว่าเสด็จอาเก้าและเฟิ่งชิงเฉินจะใส่เสื้อสีชนกันเช่นนี้ เขาหาได้ไปเปลี่ยนอาภรณ์ไม่ เพียงชนกับคุณหนูซูหว่านเช่นนี้ ก็รีบไปเปลี่ยนทันที มิได้บ่งบอกว่าเสด็จอาเก้ารังเกียจคุณหนูซูหว่านหรอกหรือ

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: นางสนมแพทย์อัจฉริยะ