เฟิ่งชิงเฉินยืนมองซากความเสียหายของจวนเฟิ่งด้วยอาการเหม่อลอย นัยน์ตาของนางเริ่มมีน้ำไหลคลอ นี่เป็นครั้งแรกที่นางมาที่จวนเฟิ่งหลังจากที่จวนเฟิ่งถูกไฟไหม้ ใช่ว่านางไม่อยากมา แต่เป็นเพราะนางไม่กล้ามา นางกลัว นางกลัวว่าจะต้องมาเห็นภาพที่น่าสังเวชของจวนเฟิ่ง......
หยาดน้ำตาค่อยๆรินไหลมาอาบแก้มเฟิ่งชิงเฉิน นางไม่รีบเช็ดน้ำตา แต่กลับค่อยๆหลับตา เพื่อกักเก็บหยาดน้ำตาที่พรั่งพรูเอาไว้
แม้ว่าหลี่เซี่ยงจะตายแล้ว แต่จวนเฟิ่งก็ไม่สามารถย้อนกลับไปเป็นดังในอดีตได้ ที่ผ่านมาแม้ว่าจวนเฟิ่งจะผุพังไปบ้าง ขาดชีวิตชีวาไปบ้าง แต่นั่นก็คือบ้านของนาง นางผูกพันกับจวนเฟิ่งแห่งนี้ แต่ทว่าตอนนี้กลับไม่เหลืออะไรแล้ว
เฟิ่งชิงเฉินยืนนิ่งไม่ไหวติง การที่นางมาที่นี่ไม่ได้มาเพื่อตามหาสิ่งของ กล่องไม้ปริศนาของจวนเฟิ่งอยู่ในมือนางแล้ว ที่นางมาที่นี่ในวันนี้ก็เพื่อมายืนใช้ความคิดเท่านั้น
ตอนแรกนางก็อยากจัดการเรื่องในเมืองหลวงให้จบสิ้น แล้วออกไปใช้ชีวิตในหมู่บ้านเล็กๆ แต่ว่าตอนนี้?
นางยังจะสามารถไปได้อยู่อีกหรือ?
เฟิ่งชิงเฉินค่อยๆลืมตา แม้ในตาของนางยังส่องประกายระยิบระยับ แต่สภาวะจิตใจนางเริ่มสงบลงแล้ว เฟิ่งชิงเฉินหาก้อนหินมา 1 ก้อนแล้วนั่งลงบนนั้นโดยไม่สนใจว่าจะเปื้อน จากนั้นนางก็แหงนหน้ามองฟ้า......
"ท่านพ่อ ท่านแม่ พวกท่านคิดว่าข้าควรทำเช่นไรดี? สืบค้นสถานะที่แท้จริงของพวกท่าน สืบหาสาเหตุการตายของพวกท่าน หรือว่าใช้ชีวิตไปเรื่อยๆอย่างไม่มีจุดหมายปลายทางคะ?"
เฟิ่งชิงเฉินรู้สึกเกลียดชัง แต่นางก็ไม่อยากแบกรับความรู้สึกนี้ไว้ ทว่าคำพูดของหวังจิ่นหลิงทำให้นางรู้ว่าการตายของท่านพ่อท่านแม่ไม่ใช่การตายธรรมดา หากทำการสืบค้นอย่างเจาะลึก คงได้พบกับบางสิ่งที่นางไม่อยากเจอ
เรื่องสถานะของท่านพ่อท่านแม่นาง หากเป็นไปตามที่หวังจิ่นหลิงพูด บวกกับการพิจารณากล่องไม้ในมือนาง นางก็ยิ่งมั่นใจว่าท่านพ่อท่านแม่ไม่ใช่ชาวบ้านทั่วๆไป ชาติกำเนิดของพวกเขาจะต้องไม่ธรรมดา และไม่แน่ว่าชาติกำเนิดของลูกสาวของพวกเขาก็อาจจะไม่ธรรมดาด้วยเช่นกัน
หากนางสืบค้นข้อเท็จจริงได้แล้ว นางในฐานะทายาท จะต้องแบกรับทุกสิ่งทุกอย่างไว้ นางไม่อยากมีภาระ หรือต้องแบกรับหน้าที่อันหนักอึ้ง
ใครต่อใครอาจใฝ่ฝันที่จะเกิดมาสูงส่ง แต่เฟิ่งชิงเฉินไม่ต้องการเช่นนั้น ยิ่งทุ่มเทมากเพียงใด ยิ่งเป็นที่เคารพนบนอบมากเท่าไร ผลกระทบที่ตามมาก็จะสาหัสมากเท่านั้น
หวังจิ่นหลิงรู้เรื่องพ่อแม่นางมานานแล้วแต่เพิ่งมาบอกนาง แถมยังกุลีกุจอในการสร้างจวนเฟิ่งขึ้นมาใหม่ เขาคงจะเห็นแล้วว่านางเหนื่อยหน่ายกับการต่อสู้ในเมืองหลวงเหลือเกิน
หวังจิ่นหลิงอยากให้นางอยู่ต่อ แต่ไม่อาจบอกนางตรงๆได้ เขาใช้วิธีนี้ในการเหนี่ยวรั้งนาง หวังจิ่นหลิงเข้าใจนางมาโดยตลอด จึงรู้วิธีเหนี่ยวรั้งหัวใจนาง เพื่อทำให้นางสามารถอยู่ใกล้ๆเขาได้ต่อไป
นางไม่โทษหวังจิ่นหลิง นางโทษตัวเองที่ผูกพันเสียจนวางไม่ลง
เฟิ่งชิงเฉินโน้มศีรษะลงไประหว่างเข่าทั้งสองข้าง และภาพความทรงจำเมื่อชาติก่อนก็ปรากฏ......
ภาพคนถือกล่องยาและสะพายเป้ทหารเดินเข้าไปในป่าลึก ภาพการกู้ชีพให้ผู้รอดชีวิตในดินแดนที่เป็นจุดกึ่งกลางระหว่างความเป็นกับความตาย......
เป็นชีวิตที่โกลาหล แต่ก็ไม่ซับซ้อน หากเป็นไปได้นางก็อยากกลับไปที่สนามรบอีกครั้ง ไปเป็นหมอทหารธรรมดาๆ ที่นั่นไม่มีเล่ห์ลับหรือกลลวง ไม่มีความอิจฉาริษยา สิ่งที่นางต้องทำก็คือการช่วยชีวิตคน ต่อให้ที่นั่นจะมีคนเพียงคนเดียว แต่นางก็ไม่เคยรู้สึกเหงา อยู่ที่นี่นางเดียวดายเหลือเกิน......
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: นางสนมแพทย์อัจฉริยะ
ขอบคุณน่ะค่ะที่ต้องอดหลับอดนอนอัพเดต สู้ๆๆๆๆน่ะค่ะเป็นกำลังใจให้ค่ะ ผู้อ่านก็ไม่ได้หลับได้นอนเหมือนกัน ติดงอมเลย...
ง่ายๆๆยึดอำนาจ...
มาต่อได้ไหมมมมมมมม พลีสสสสสสสสสสสสสสสสส...
Update ให้หน่อยค่ะ จอดอยู่ที่ 1430 นานแล้ว ขออีกสัก 29 ตอนนะคะ Pleaseeeeee Admin ที่น่ารัก...
ไม่อัพเดตแล้วหรอค่ะ...
สามารถซื้ออ่านผ่านช่องทางไหนได้บ้างค่ะ...
ไทม์ไลน์บอก อัพถึง บท1459 แต่ยังดูได้แค่ บท1430...
Update ให้หน่อยคร่า รออ่านอยู่ คร่า...
ไม่ Update นานแล้ว ไปเที่ยวเพลินเลย สงสารคนรอเถอะ เข้ามาทุกวัน อ่านช้ำไป 2 รอบแล้ว...
ตอนที่ 1425 หายไปค่ะ...