หยุนเซียวและชุยห้าวถิงทำราวกับว่ามองไม่เห็นซากศพบนพื้น ใบหน้าของทั้งสองดูยิ้มแย้มอยู่ตลอด แล้วพวกเขาก็เดินอ้อมศพมาอย่างไร้ปัญหา
พรึบ......หยุนเซียวคลี่พัดด้วยท่าทางห้าวหาญ "เจ้าเมืองเย่เฉิง แม่นางเฟิ่ง ข้ากับพี่ห้าวถิงได้ยินเสียงโครมครามดังมาจากหน้าเรือน จึงรีบตามมาดู ไม่ทราบว่าท่านทั้งสองเป็นอะไรหรือไม่?"
ซูหว่านรีบจัดระเบียบเสื้อผ้าให้เรียบร้อย แล้วโปรยยิ้มหวานละมุนออกมา นางรู้ดีว่าไม่มีใครกล้าเสียมารยาทต่อหน้าชายหนุ่มผู้เก่งกล้าเช่นนี้แน่ ต่อหน้าคุณชายทั้งสอง ในฐานะที่นางเป็นผู้หญิงก็อยากสร้างความประทับใจให้พวกเขา
ส่วนเฟิ่งชิงเฉินกลับไม่ได้หวั่นไหวเมื่อต้องอยู่ต่อหน้าคุณชายผู้ยิ่งใหญ่หรือแม้แต่เสด็จอาเก้าผู้สูงศักดิ์ นางหันไปทางหยุนเซียวแล้วส่ายหน้าเบาๆ สื่อความหมายว่านางไม่เป็นอะไร แล้วจึงเชิญคนทั้งสองนั่งลง
"คุณชายหยุน ท่านผู้นี้คือ?" เจ้าเมืองเย่เฉิงเห็นหยุนเซียวเรียกชุยห้าวถิงว่าพี่ ความสัมพันธ์ย่อมไม่ธรรมดา เขาจึงเอ่ยปากถามหยุนเซียว
"อ้อ ข้าเกือบลืมแนะนำเลย เจ้าเมืองเย่เฉิง ท่านผู้นี้คือพี่ห้าวถิง แซ่ชุย เป็นคุณชายสิบหกแห่งตระกูลชุยจากชิงเหอ" หยุนเซียวเน้นลำดับในตระกูลของชุยห้าวถิงเป็นพิเศษ ที่ทำเช่นนี้ก็เพราะมันมีประโยชน์นั่นเอง
ในตอนแรก เจ้าเมืองเย่เฉิงก็ไม่ได้คิดอะไรมาก แต่เมื่อได้ยินว่าเขาคือคุณชายสิบหกแห่งตระกูลชุย สีหน้าของเจ้าเมืองเย่เฉิงจากที่ดูเคร่งขรึมก็ถูกสีหน้าที่เป็นมิตรมาแทนที่
"ที่แท้ก็คุณชายสิบหกนั่นเอง ข้าไม่ทราบว่าเป็นท่าน จึงมิได้กล่าวคำทักทายเลย" เมื่อพูดจาปราศรัยได้สักพัก เจ้าเมืองเย่เฉิงก็ไล่คนคุ้มกันออกไป "พวกเจ้าทุกคนถอยออกไปก่อน"
"เจ้าเมืองเย่เฉิงเกรงใจเกินไปแล้ว" ชุยห้าวถิงตอบด้วยน้ำเสียงนุ่มนวลแต่ก็แฝงไปด้วยความรู้สึกที่ห่างเหิน
เอ๋?
เจ้าเมืองเย่เฉิงพูดจาดีจริงๆ เฟิ่งชิงเฉินเลิกคิ้วด้วยความแปลกใจ นางมองหยุนเซียวและชุยห้าวถิงด้วยท่าทางเหมือนกำลังครุ่นคิด แล้วชุยห้าวถิงก็พยักหน้าให้นาง เป็นการสื่อว่าเขามั่นใจในการคาดเดาของนาง
เฟิ่งชิงเฉินยิ้ม คุณชายสิบหกงั้นหรือ ท่าทางชุยห้าวถิงจะวิเศษมากกว่าที่นางคิดไว้เสียอีก นางได้ปลามาตัวใหญ่เบ้อเริ่มเลย ช่างโชคดีจริงๆ!
คุณชายสิบหก คุณชายตระกูลชุยที่มีเชื้อสายสูงศักดิ์ มีท่านยายเป็นถึงพระธิดาในองค์หญิงรัชกาลก่อนหน้า แม้ว่าตอนนี้เขาจะไม่ได้ใกล้ชิดกับทางราชวงศ์ แต่เนื่องจากเขาเป็นพระนัดดาหนึ่งเดียวขององค์หญิง จึงมีตำแหน่งที่พิเศษกว่าใครในตระกูล นอกจากตระกูลชุยแล้ว ทั่วแผ่นดินก็หาผู้ที่มีความสัมพันธ์ทางสายเลือดกับราชวงศ์ก่อนหน้านี้ไม่ได้อีกแล้ว
สถานะของชุยห้าวถิงไม่ค่อยมีใครได้ล่วงรู้ ตระกูลชุยปิดเรื่องนี้ไว้เป็นอย่างดี ลูกหลานตระกูลชุยทั้งหลายก็ไม่ค่อยเปิดเผยสถานะที่แท้จริงของตัวเองให้คนทั่วไปได้รับรู้
ราชวงศ์สี่แคว้นแม้ไม่มีคำสั่งให้ตามฆ่าล้างโคตรตระกูลชุย แต่ตระกูลชุยก็ระวังตัวมาตลอด เมื่อต้องออกสู่โลกภายนอก คนตระกูลชุยจะไม่ออกมาด้วยสถานะที่แท้จริง
ลูกหลานตระกูลชุยที่ปรากฏตัวต่อสาธารณชนทุกวันนี้เป็นรุ่นลูกพี่ลูกน้องของชุยห้าวถิง แต่พวกเขาเหล่านี้ได้จากโลกนี้ไปนานแล้ว
หลังการสูญสิ้นราชวงศ์ก่อนหน้า ยังเหลือคุณชายอีกห้าคนที่คนทั่วไปได้รู้จัก สี่คนก่อนหน้านี้เสียชีวิตไปนานแล้วด้วยสาเหตุต่างๆนานา ชุยห้าวถิงถือเป็นคนที่ห้า และเป็นคนที่สูงศักดิ์มากที่สุด
เจ้าเมืองเย่เฉิงทราบเรื่องสถานะของชุยห้าวถิงเป็นอย่างดี การมีคนที่มีสถานะไม่ธรรมดาอยู่ตรงหน้า ต่อให้เจ้าเมืองเย่เฉิงจะกล้าหาญเพียงใด ก็ไม่กล้ารังแกเฟิ่งชิงเฉินต่อหน้าชุยห้าวถิง
เมื่อชุยห้าวถิงถามเจ้าเมืองเย่เฉิงว่ามาที่เรือนเล็กซีชวีด้วยเหตุใด เจ้าเมืองเย่เฉิงก็มองไปที่ซากศพพลางตอบว่า "ลูกชายข้าเจ็บหนัก อาการน่าเป็นห่วงเหลือเกิน ข้าร้อนใจมาก จึงมาขอให้แม่นางเฟิ่งช่วยเหลือ หวังว่าแม่นางเฟิ่งผู้เปี่ยมล้นไปด้วยคุณธรรมของคนที่เป็นหมอจะยื่นมือมาช่วยรักษาลูกชายข้า"
พูดมาขนาดนี้ หากเฟิ่งชิงเฉินไม่ช่วย ก็แสดงว่านางไม่มีคุณธรรมของคนที่เป็นหมอน่ะสินะ
เฟิ่งชิงเฉินเหลือกตามองบน นางมองเจ้าเมืองเย่เฉิงที่ก่อนหน้านี้มีสีหน้าบึ้งตึง มาบัดนี้กลับหน้าตาเบิกบาน แถมยังพูดจากับชุยห้าวถิงอย่างสุภาพอ่อนน้อม เฟิ่งชิงเฉินเห็นแล้วก็ขัดหูขัดตา สถานะคนเรามันสำคัญอย่างนี้นี่เอง
ชุยห้าวถิงไม่ต้องทำอะไรเลย เพียงแค่บอกว่าตนเองคือใคร ก็สามารถลดความจองหองของเจ้าเมืองเย่เฉิงได้ หากรู้เช่นนี้ตั้งแต่แรก นางคงไม่ต้องเปลืองกระสุน แค่เอาชุยห้าวถิงออกมาตั้งเป็นพระพุทธรูปตั้งแต่แรกก็สิ้นเรื่อง
"เจ้าเมืองเย่เฉิง ท่านอย่าทำเป็นเกรงใจหน่อยเลย ท่าทีการร้องขอจากท่านมันไม่ได้มีความเกรงใจเลยสักนิด หากทุกคนมาขอร้องหมอด้วยท่าทีเหมือนเจ้าเมืองเย่เฉิง โลกใบนี้คงไม่มีใครกล้าเรียนหมอแล้วล่ะ เมื่อครู่นี้เจ้าเมืองเย่เฉิงยังข่มขู่ข้าอยู่เลย ท่านบอกว่าจะทำให้เรือนเล็กแห่งนี้ต้องนองเลือด"
ถนัดเรื่องการฟ้องไม่ใช่หรือ เย่เย่ฟ้องท่านพ่อตัวเองได้ นางเองก็ฟ้องคนอื่นได้เช่นกัน ฟ้องกันต่อหน้าต่อตาเลย นางอยากรู้นักว่าเจ้าเมืองเย่เฉิงจะหน้าหนาเหมือนกำแพงเมืองเย่เฉิงหรือไม่
"มีเรื่องเช่นนี้ด้วยหรือ?" ชุยห้าวถิงมองหน้าเจ้าเมืองเย่เฉิง แม้เขาจะไม่มีท่าทีเหมือนตำหนิ แต่ก็แสดงให้เห็นว่าต้องการคำอธิบายจากเจ้าเมืองเย่เฉิง
เจ้าเมืองเย่เฉิงอึกอัก "นี่เป็นการเข้าใจผิด ลูกชายข้าเจ็บหนัก เห็นแม่นางเฟิ่งยืนกรานว่าจะไม่ช่วยเหลือ ข้าจึงยิ่งร้อนใจ จึงได้ข่มขู่คนเป็นหมอ"
เท่าที่ฟังมา ที่เจ้าเมืองเย่เฉิงอธิบายมาก็ฟังดูเข้าที ชุยห้าวถิงพยักหน้า ทำให้เจ้าเมืองเย่เฉิงโล่งอก แต่เฟิ่งชิงเฉินก็ยังหาเรื่องให้เขาต่อ "เจ้าเมืองเย่เฉิง ท่านพูดจาตกหล่นไปนะ ข้าไม่ได้บอกว่าข้าจะไม่ช่วย ข้าเพียงแต่บอกว่าการช่วยเหลือท่านเย่จะต้องมีข้อแม้"
มีชุยห้าวถิงมาช่วยถ่วงเวลา เสด็จอาเก้าและตี๋ตงหมิงก็ใกล้มาถึงแล้ว อย่างน้อยๆก็สามารถทำให้เย่เย่ทรมานต่ออีกหน่อย แล้วค่อยมาเล่นงานเจ้าเมืองเย่เฉิงในภายหลัง เฟิ่งชิงเฉินไม่อยากญาติดีกับเจ้าเมืองเย่เฉิงอยู่แล้ว
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: นางสนมแพทย์อัจฉริยะ
ขอบคุณน่ะค่ะที่ต้องอดหลับอดนอนอัพเดต สู้ๆๆๆๆน่ะค่ะเป็นกำลังใจให้ค่ะ ผู้อ่านก็ไม่ได้หลับได้นอนเหมือนกัน ติดงอมเลย...
ง่ายๆๆยึดอำนาจ...
มาต่อได้ไหมมมมมมมม พลีสสสสสสสสสสสสสสสสส...
Update ให้หน่อยค่ะ จอดอยู่ที่ 1430 นานแล้ว ขออีกสัก 29 ตอนนะคะ Pleaseeeeee Admin ที่น่ารัก...
ไม่อัพเดตแล้วหรอค่ะ...
สามารถซื้ออ่านผ่านช่องทางไหนได้บ้างค่ะ...
ไทม์ไลน์บอก อัพถึง บท1459 แต่ยังดูได้แค่ บท1430...
Update ให้หน่อยคร่า รออ่านอยู่ คร่า...
ไม่ Update นานแล้ว ไปเที่ยวเพลินเลย สงสารคนรอเถอะ เข้ามาทุกวัน อ่านช้ำไป 2 รอบแล้ว...
ตอนที่ 1425 หายไปค่ะ...