ที่สวนจิงชิวมีกองกำลังสามชั้นซึ่งคอยคุ้มกันเอาไว้ เฟิ่งชิงเฉินเห็นดังนั้นก็ได้แต่ส่ายหน้า
เจ้าเมืองเย่เฉิงนำทหารชั้นยอดนับพันนายมาที่ลานเล็กๆ ของนางฝั่งตะวันตก คาดว่าที่นี่มีคนอยู่อย่างน้อยสามพันคน องค์จักรพรรดิบ้าไปแล้วจริงๆ ที่ให้เจ้าเมืองเย่เฉิงพาทหารมากมายเช่นนี้เข้ามา
ทหารและม้ามากมายเพียงนี้อยู่ในเมืองหลวง หากไม่ระวังอาจทำให้เกิดหายนะได้ เจ้าเมืองเย่เฉิงพาคนและม้าเหล่านี้เข้ามาโดยไม่สนใจสายตาของผู้ใด เพราะถึงอย่างไรหากเกิดเรื่องขึ้น เขาก็เพียงแค่กลับไปยังเมืองเย่ไม่มีใครทำอะไรเขาได้
เฟิ่งชิงเฉินและตี๋ตงหมิงมองหน้ากันแล้วยิ้มอย่างขมขื่น เช่นเดียวกัน แววตาของตี๋ตงหมิงเผยถึงความไม่พอใจและโกรธเคืองออกมา
ทหารเหล่านี้ของเย่เฉิงดูเหมือนจะนำอันตรายที่ซ้อนเร้นเข้ามายังเมืองหลวงด้วย หากเกิดเรื่องขึ้นละก็คนที่โชคร้ายเป็นคนแรกก็คงจะเป็นตี๋ตงหมิง ไม่ใช่องค์จักรพรรดิที่สั่งให้เจ้าเมืองเย่เฉิงพารากองกำลังทหารเข้ามา
องค์จักรพรรดิไม่มีความผิดอย่างแน่นอน ผู้ที่ผิดล้วนแต่เป็นขุนนางด้านล่างที่คอยรับใช้ หากเฟิ่งชิงเฉินเดาไม่ผิดล่ะก็ จากเรื่องของฮองเฮาในครานั้นดูเหมือนองค์จักรพรรดิจะไม่เชื่อผู้ใดอีกเลย การกระทำเช่นนี้ของฝ่าบาทแสดงให้เห็นถึงความโปรดปรานที่มีต่อเจ้าเมืองเย่เฉิง อีกอย่างเขาต้องการจะใช้โอกาสนี้หาความผิดให้แก่ตี๋ตงหมิงแล้วยึดอำนาจทหารของตี๋ตงหมิงเสีย
โชคดีเหลือเกินที่เสด็จอาเก้าจัดการเรื่องของทหารในเรือเล็กฝั่งตะวันตก ด้วยบทเรียนนี้เจ้าเมืองเย่เฉิงไม่ว่าอย่างไรก็ถือว่าคอยระมัดระวังตัวไว้บ้าง และฝ่าบาทคงจะไม่โทษว่าตี๋ตงหมิงผิด
โดยมีเจ้าเมืองเย่เฉิงคอยนำทาง เฟิ่งชิงเฉินได้คนอื่นๆ ในไม่ช้าก็เดินทางมาถึงภายในห้อง เย่เย่นอนอยู่บนเตียงเงียบๆ ดูท่าทางห่อเหี่ยวใบหน้าเขียวคล้ำราวกับว่าพิษงูกำลังกำเริบ
“ถอยไป” เฟิ่งชิงเฉินวางกล่องยาไว้บนโต๊ะจากนั้นหยิบชุดทำงานออกมา โยนถุงมือไปให้แก่ซุนซือสิง ส่วนตัวนางเองก็ได้ใส่มันลงไปด้วย
บัดนี้ยังมัวสนใจเรื่องของเสื้อผ้าเครื่องแต่งกายอยู่อีก! เจ้าเมืองเย่เฉิงโมโหยิ่งนัก หากไม่ใช่เพราะต้องการให้เฟิ่งชิงเฉินช่วยเหลือล่ะก็ หากไม่ใช่เพราะคุณชายตระกูลหยุนอยู่ล่ะก็ เขาคงจะออกคำสั่งให้ฆ่าเฟิ่งชิงเฉินไปเสีย
ภายในสวนจิงชิวแห่งนี้เต็มไปด้วยคนของเขา เพียงแค่เขาออกคำสั่งเฟิ่งชิงเฉินต่อให้มีปีกก็บินหนีไปยาก ต่อให้เสด็จอาเก้าเก่งกาจเพียงใดก็มาไม่ทัน
ความสนใจของเฟิ่งชิงเฉินจับจ้องไปที่เย่เย่จึงไม่ได้ทันสังเกตเห็นแววตาอาฆาตของเย่เฉิง หลังจากสวมใส่เครื่องแเต่งกายและถุงมือเรียบร้อยแล้ว เฟิ่งชิงเฉินก็ได้ส่งสัญญาณให้ซุนซือสิงเป็นความหมายว่าให้เตรียมยา อุปกรณ์และคอยช่วยเหลือนางอยู่ด้านข้าง
ซุนซือสิงอาจมีประสบการณ์ไม่มากนัก แต่เขาก็เป็นผู้ช่วยได้อย่างดีเยี่ยมเนื่องจากเขามีทักษะการแพทย์มาแต่กำเนิด
“จงถอยไปให้ห่างสิบเก้า” เฟิ่งชิงเฉินหันกลับมาและเดินไปที่ข้างเตียง สั่งให้เจ้าเมืองเย่เฉิงถอยออกไป เนื่องจากตี๋ตงหมิงและหยุนเซียวนั่งอยู่บนเก้าอี้ห่างออกไปตั้งแต่ก่อนหน้าแล้วจึงไม่เป็นการรบกวนเฟิ่งชิงเฉินและซุนซือสิง
เมื่อนางเปิดผ้าห่มของเย่เย่ออกมา ก็เป็นไปดังที่เฟิ่งชิงเฉินคิดเอาไว้ แขนข้างซ้ายของเย่เย่เน่าเฟะส่งกลิ่นเหม็นโชยออกมา บริเวณที่ถูกงูกัดนั้นกลายเป็นสีม่วงดำ
“โชคดีเหลือเกินที่ได้ยาล้างพิษจากหุบเขาหมอเทวดา จึงสามารถปกป้องหัวใจและการแพร่กระจายของพิษงูเอาไว้ได้ ไม่เช่นนั้นต่อให้เป็นเทพเจ้าก็ไม่อาจช่วยชีวิตเขาเอาไว้ได้ทัน” อาการบาดเจ็บของเย่เย่ดูน่ากลัวมาก เฟิ่งชิงเฉินไม่ได้กล่าวเกินความเป็นจริง
หากไม่ใช่เพราะว่าอาการใกล้ตาย เจ้าเมืองเย่เฉิงคงจะไม่ยอมไปขอความช่วยเหลือจากใครง่ายๆ เช่นนี้
“ยาแก้พิษของหมอจากหุบเขาหมอเทวดา? คุณชายเย่เคยกินมันเข้าไปอย่างงั้นหรือ?” เมื่อได้ยินประโยคนั้นของเฟิ่งชิงเฉิน หยุนเซียวจึงได้เอ่ยถาม
“นั่นสิ หากไม่มียาขับพิษ คุณชายเย่จะอยู่ถึงตอนนี้ได้อย่างไร” หยุนเซียวเป็นคนที่เฉลียวฉลาดเสียจริง โชคดีที่เขาเดินทางมาด้วย จึงทำให้แบ่งเบาเรื่องราวได้มากมาย หากจะคอยพึ่งพาตี๋ตงหมิงคาดว่าคงจะเหนื่อยตาย
“ว่าแต่ อย่าถอนพิษของคุณชายเย่มาจากที่ใด สามารถนำยาถอนพิษของหมอจากหุบเขาหมอเทวดามาได้ เหตุใดจึงไม่สามารถรักษาคุณชายเย่ได้?” หยุนเซียวเอ่ยถามด้วยความสงสัย
“ข้าเป็นคนให้เอง คุณชายเย่ถูกงูพิษกัดข้าจึงได้ให้ยาแก่เขาเพื่อแก้พิษ แต่ขณะที่กำลังจะเตรียมถอนพิษในขั้นตอนสุดท้าย ปรากฏว่า คุณชายเย่ตื่นขึ้นมาและไม่ยอมให้ข้ารักษา เนื่องจากเกรงว่าข้าจะใช้โอกาสนี้ในการแก้แค้น” หยุนเซียวและเฟิ่งชิงเฉินกล่าวออกมาด้วยความสอดคล้องกัน ทำให้เห็นว่าเฟิ่งชิงเฉินมีความเมตตา ไม่เพียงเท่านั้นยังชี้ให้เห็นว่าสองพ่อลูกตระกูลเย่ คิดจะแก้แค้นคนอื่นอยู่ตลอดเวลา
เฟิ่งชิงเฉินเป็นผู้ช่วยชีวิตของเย่เฉิงเอาไว้ อีกทั้งยังช่วยเย่เย่อยู่ถึงสองหน เย่เฉิงไม่เพียงแต่จะไม่ตอบแทนบุญคุณอีกทั้งยังอาฆาตแค้นอยากจะฆ่าเฟิ่งชิงเฉินเสียให้ได้ ประการนี้ชี้ให้เห็นว่าสองพ่อลูกตระกูลเย่น่ารังเกียจเพียงใด
ใบหน้าของเจ้าเมืองเย่เฉิงแดงเรื่องขึ้นเล็กน้อย เมื่อต้องเผชิญหน้ากับคำกล่าวหาเมื่อครู่ของเฟิ่งชิงเฉิน แต่เขาก็ไม่อาจกล่าวสิ่งใดออกมาได้เลยและโมโหเสียจนอยากจะกินเฟิ่งชิงเฉินเข้าไปทั้งตัว
ในเมื่อหยุนเซียวรู้เรื่องนี้ นั่นก็หมายความว่าห้าวถิงก็รู้เรื่องนี้เช่นกัน และชื่อเสียงของเย่เฉิง......
เมื่อบรรลุเป้าหมายแล้ว เฟิ่งชิงเฉินจึงไม่ยากกล่าวสิ่งใดอีก นางหันไปพยักหน้ากับหยุนเซียวเป็นความหมายแสดงความขอบคุณ จากนั้นเฟิ่งชิงเฉินก็จดจ่อกับการช่วยชีวิตผู้คนของนาง
“ซือสิง ทดสอบยาที่ผิวหนังให้คุณชายเย่ แล้วเลือกใช้ยาชาเฉพาะที่” เฟิ่งชิงเฉินสวมถุงมือแพทย์ กดไปที่แขนของเย่เย่ พบว่ามีทั้งหนองและเลือดไหลออกมาจากผิวหนัง เย่เย่ส่งเสียงร้องออกมาด้วยความเจ็บปวดเบาๆ เลือดสีดำไหลออกมาเป็นความหมายว่าเย่เย่ได้รับบาดเจ็บค่อนข้างจะสาหัส
“ขอรับท่านอาจารย์”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: นางสนมแพทย์อัจฉริยะ
ขอบคุณน่ะค่ะที่ต้องอดหลับอดนอนอัพเดต สู้ๆๆๆๆน่ะค่ะเป็นกำลังใจให้ค่ะ ผู้อ่านก็ไม่ได้หลับได้นอนเหมือนกัน ติดงอมเลย...
ง่ายๆๆยึดอำนาจ...
มาต่อได้ไหมมมมมมมม พลีสสสสสสสสสสสสสสสสส...
Update ให้หน่อยค่ะ จอดอยู่ที่ 1430 นานแล้ว ขออีกสัก 29 ตอนนะคะ Pleaseeeeee Admin ที่น่ารัก...
ไม่อัพเดตแล้วหรอค่ะ...
สามารถซื้ออ่านผ่านช่องทางไหนได้บ้างค่ะ...
ไทม์ไลน์บอก อัพถึง บท1459 แต่ยังดูได้แค่ บท1430...
Update ให้หน่อยคร่า รออ่านอยู่ คร่า...
ไม่ Update นานแล้ว ไปเที่ยวเพลินเลย สงสารคนรอเถอะ เข้ามาทุกวัน อ่านช้ำไป 2 รอบแล้ว...
ตอนที่ 1425 หายไปค่ะ...