“เจ็บ เสด็จอาเก้า เบาๆ หน่อย!”
คำพูดนี้หมายความว่าอย่างไรไม่มีบุรุษคนใดที่ไม่เข้าใจ หากประโยคเดียวยังไม่พอ เช่นนั้นเสียงครางต่ำเบาๆ ก็คงจะยิ่งทำให้คาดเดาถึงความเป็นจริงได้
“อย่าขยับ ข้าจะทำเบาๆ”
หญิงสาวที่โลกนี้ที่สามารถทำให้เสด็จอาเก้าเอาใจได้ก็สามารถพิสูจน์ได้แล้วว่านางมีตำแหน่งไม่ธรรมดาในใจเขา
นอกกระโจม รอยยิ้มของหวังจิ่นหลิงแข็งค้าง ตัวของเขาแข็งทื่ออยู่อย่างนั้น ผ่านไปอยู่นานจึงจะได้สติ มุมปากของเขายกขึ้นเป็นรอยยิ้มเรียบๆ ราวกับกำลังเย้ยหยันตนเอง
เขาจ้องกระโจมที่อยู่ตรงหน้าแล้วจึงหมุนเก้าอี้รถเข็นจากไปเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ราวกับเขาไม่เคยมาที่นี่
เสด็จอาเก้าใช้แผนนี้รับมือเขาจะไม่อ่อนหัดไปหน่อยหรือ? เขาคิดว่าหวังจิ่นหลิงโง่เขลาถึงเพียงนั้นเชียวหรือ?
แต่… แม้จะรู้ว่าไม่จริง แต่เหตุใดในใจของเขาก็ยังเจ็บปวด ผู้ที่ทำให้เฟิ่งชิงเฉินลดละความถือตัวลงมีเพียงเสด็จอาเก้าเท่านั้นหรือ? เป็นเขาไม่ได้หรือ?
หวังจิ่นหลิงเงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้ายามโพล้เพล้ วางมือขวาลงบนหัวใจและรู้สึกถึงจังหวะหัวใจที่กำลังเต้นอย่างเงียบเชียบและขจัดความขมขื่นในจิตใจออกไป
มีบางเรื่องที่ต้องลงมือ อำนาจของตระกูลอยู่ส่วนอำนาจของตระกูล มีเพียงตัวของหวังจิ่นหลิงเท่านั้นที่เป็นของเขาเอง นับแต่บัดนี้ไปเขาจะไม่เป็นคุณชายใหญ่ตระกูลหวัง แต่เขาจะเป็นหวังจิ่นหลิงที่มีเพียงผู้เดียวเท่านั้น
ฝู่หลินเดินออกมาจากกระโจม เมื่อเห็นท่าทางเหม่อลอยของหวังจิ่นหลิงก็เดินเข้ามาหาอย่างไม่เข้าใจนัก เขายืนข้างกายหวังจิ่นหลิงและเงยหน้ามองดูท้องฟ้าตามหวังจิ่นหลิง
“บนฟ้ามีอะไรหรือ?” ไม่ใช่กลางคืนสักหน่อยที่จะมีดาวให้ดู
“ไม่มีอะไรเลย” ยามที่ฝู่หลินเดินเข้ามาใกล้ หวังจิ่นหลิงก็รู้ตัวแล้วเพียงแต่แสร้งทำเป็นไม่รู้เท่านั้น
บนร่างของฝู่หลินมีพลังประหลาดแผ่กระจายออกมา ทำให้เขาไม่เป็นที่สังเกตของผู้คนแต่ก็ไม่กลมกลืนไปกับผู้อื่น
“ไม่มีอะไรเเล้วเจ้ามองดูอะไร?” แม้ฝู่หลินจะพูดกับหวังจิ่นหลิง แต่ดวงตาทั้งสองของเขากับจ้องมองไปที่กระโจมของเฟิ่งชิงเฉิน
พูดตามจริงแล้วเขารู้สึกสนใจผู้ที่นามสกุลตงหลิงชื่อจิ่วผู้นั้น
“มองความว่างเปล่าของมัน มองความไร้ตัวตนของมัน มองความโอบอ้อมอารีของมัน” หวังจิ่นหลิงไม่ได้มีนิสัยชอบพูดความในใจกับผู้ใด อย่าว่าแต่ฝู่หลินเป็นเพียงคนรู้จักของเฟิ่งชิงเฉินเท่านั้นเลย แม้แต่จะเป็นตัวเฟิ่งชิงเฉินเอง เขาก็ไม่มีทางพูดเรื่องที่เขาคิดอยู่ในใจออกมาก่อน นอกตากนางจะถามแล้วเขาถึงตอบ
“ไม่เข้าใจ” ความสงบใจของการบรรลุธรรมนั้น หากไม่มีใจที่สงบถึงก็ไม่มีทางเข้าใจได้ แม้จะรู้จักกับหวังจิ่นหลิงเพียงไม่นาน แต่ฝู่หลินก็รู้ว่าเขาไม่ได้ดูไร้พิษสงเหมือนที่แสดงออกมาภายนอก
บุรุษข้างกายของเฟิ่งชิงเฉินแต่ละคนรับมือยากยิ่งนัก พูดความจริงดีที่สุด
“ไม่เข้าใจนับว่าโชคดียิ่ง หากคุณชายฝู่ไม่มีอะไรทำ เดินเล่นเป็นเพื่อนข้าสักครู่ดีหรือไม่” หวังจิ่นหลิงขัดขวางไม่ให้ฝู่หลินไปหาเฟิ่งชิงเฉินอย่างแนบเนียน
ฝู่หลินเลิกคิ้วอย่างข้องใจ เขาเหลือบมองกระโจมของเฟิ่งชิงเฉินอย่างครุ่นคิดเล็กน้อยและเข็นหวังจิ่นหลิงไปอีกทาง
อันวัตรแห่งวิญญูชนนั้น พึงใช้ความสงบในการบำเพ็ญตน ใช้ความประหยัดเสริมคุณธรรม ด้วยหากมิสมถะก็มิอาจแจ้งในปณิธาน หากมิสงบก็มิอาจตรองไกล ด้วยการปลูกฝังมากว่ายี่สิบปี ความเป็นวิญญูชนได้ฝังรากลึกลงไปในตัวของหวังจิ่นหลิง ไม่ว่าจะปวดใจหรือน่าอนาถเพียงใด เขาก็ไม่มีทางแสดงออกมา
หากฝู่หลินต้องการชมละครสนุกๆ ก็เกรงว่าจะต้องผิดหวังเสียแล้ว
เสด็จอาเก้า ท่านดูเถอะว่าข้ายอดเยี่ยมเพียงใด!
เขาไม่มีทางให้คนอื่นได้เห็นสิ่งที่ไม่ควรเห็น เขาไม่มีทางทำให้ชื่อเสียงของเฟิ่งชิงเฉินต้องด่างพร้อยลงไปอีก
มุมปากของหวังจิ่นหลิงยกขึ้นเป็นรอยยิ้มขมขื่น ความขมขื่นนี้หยั่งรากลึกลงไปถึงก้นบึ้งของหัวใจ
ผู้ที่ขมขื่นไม่ได้มีหวังจิ่นหลิงเพียงคนเดียว ยามที่ปู้จิงหยุนพาร่างที่มีบาดแผลเต็มตัวรีบเร่งเดินทางมาถึงหุบเขาไท่ลู่เก๋อกลับพบว่าเสด็จอาเก้าพาทหารมาล้อมไว้ก่อนแล้วและยังก้าวนำเขาไปข้างหน้าอีก
ปู้จิงหยุนกระทั่งคิดอยากตายเสียแล้ว ผลงานของเขา โอกาสที่เขาจะสร้างความชอบลบล้างความผิด แต่เขากลับไม่กล้าพูดอะไรสักคำกับเสด็จอาเก้า อย่างไรก็เป็นเขาที่มาช้าเอง
ตอนกลางคืน ปู้จิงหยุนได้รับข่าวจากหลานจิ่วชิง เขาจึงรีบไปที่เสวียนเซียวกงเพื่อตรวจสอบเรื่องข่าวลือของผู้นำเผ่าเสวียนเซียวกง ฮูหยินและคุณหนูใหญ่แห่งเสวียนเซียวกง พร้อมทั้งให้คนคอยจับตาดูเสวียนเซียวกงไว้ หากพบว่าเสวียนเซียวกงมีความผิดปกติอันใดก็ให้รีบมารายงานทันที
เสวียนเซียวกงเป็นสำนักเก่าแก่แห่งหนึ่งในยุทธภพ ถึงแม้ว่าปู้จิงหยุนจะเป็นชนรุ่นหลังในยุทธภพที่โดดเด่นขึ้นมาอย่างรวดเร็ว แต่เขาก็ไม่อาจแฝงสายลับเข้าไปได้
ภายใต้การดำเนินงานในหลายปีมานี้ ปู้จิงหยุนเพียงแต่ส่งลูกน้องปลายแถวเข้าไป การสืบเรื่องของเสวียนเซียวกงจึงเป็นเรื่องยาก แต่ปู้จิงหยุนก็ไม่กล้าบ่น เขารีบจากไปยังเสวียนเซียวกงด้วยตนเองทันที
เขาจะต้องทำผลงานลบล้างโทษให้ได้ ตอนนี้เขาเข้าใจจิ่วชิงแล้ว จิ่วชิงมีนิสัยของกษัตริย์โดยแท้ สิ่งที่เขาชอบทำมากที่สุดก็คือโมโห
เขาทำผิด จิ่วชิงจะต้องโกรธเป่าเอ๋อร์ เพื่อเป่าเอ๋อร์แล้ว เขาจะต้องตั้งใจทำงาน!
…
หวังจิ่นหลิงและฝู่หลินสนทนากันอยู่ด้านนอก เฟิ่งชิงเฉินไม่รู้แต่นั่นไม่ได้หมายความว่าเสด็จอาเก้าจะไม่รู้ เสร็จธุระแล้วเขาก็จะรู้ และเมื่อรู้เรื่องนี้แล้ว เสด็จอาเก้าก็เพียงแต่หัวเราะออกมาทีหนึ่ง
หวังจิ่นหลิงเป็นวิญญูชนยิ่งนัก ดังนั้นเขาย่อมต้องแพ้พ่าย
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: นางสนมแพทย์อัจฉริยะ
ขอบคุณน่ะค่ะที่ต้องอดหลับอดนอนอัพเดต สู้ๆๆๆๆน่ะค่ะเป็นกำลังใจให้ค่ะ ผู้อ่านก็ไม่ได้หลับได้นอนเหมือนกัน ติดงอมเลย...
ง่ายๆๆยึดอำนาจ...
มาต่อได้ไหมมมมมมมม พลีสสสสสสสสสสสสสสสสส...
Update ให้หน่อยค่ะ จอดอยู่ที่ 1430 นานแล้ว ขออีกสัก 29 ตอนนะคะ Pleaseeeeee Admin ที่น่ารัก...
ไม่อัพเดตแล้วหรอค่ะ...
สามารถซื้ออ่านผ่านช่องทางไหนได้บ้างค่ะ...
ไทม์ไลน์บอก อัพถึง บท1459 แต่ยังดูได้แค่ บท1430...
Update ให้หน่อยคร่า รออ่านอยู่ คร่า...
ไม่ Update นานแล้ว ไปเที่ยวเพลินเลย สงสารคนรอเถอะ เข้ามาทุกวัน อ่านช้ำไป 2 รอบแล้ว...
ตอนที่ 1425 หายไปค่ะ...