นางสนมแพทย์อัจฉริยะ นิยาย บท 617

อุ๊บ…

ท่ามกลางหมู่คน มีผู้ที่ทนไม่ไหวหลุดหัวเราะออกมา

แต่ก่อนล้วนเป็นกั๋วกงที่ใช้เงินฟาดหัวผู้อื่น คิดไม่ถึงเลยว่าวันหนึ่งเขาจะถูกเอาเงินฟาดหัวบ้าง ช่างน่าขบขันยิ่งนัก

เจ้าหน้าที่จากซุ่นเทียนฝู่ล้วนหวาดกลัวจนตัวสั่นเทา แต่ละคนเบิกตากว้างโดยไม่กล้าพูดอะไร แทบไม่อยากเชื่อว่านางจะกล้าล้อเลียนเจิ้นกั๋วกงเช่นนี้ นางไม่อยากมีชีวิตอยู่ต่อแล้วหรือ?

“เฟิ่งชิงเฉิน เจ้ากล้าหรือ เจ้ากล้าใช้เงินดูหมิ่นข้า เจ้า… แค่กๆ” เจิ้นกั๋วกงสำลักอากาศ เขาไอจนหน้าแดง คราวนี้จึงเหมือนที่เฟิ่งชิงเฉินพูดว่าสีหน้าแดงระเรื่ออิ่มเอิบ

“ดูหมิ่น? ให้เงินท่านกั๋วกงถือเป็นการดูหมิ่นหรือ? หากเป็นเช่นนั้นท่านกั๋วกงก็ให้เงินข้าแทนก็แล้วกัน ท่านให้มากเท่าไหร่ ข้าก็จะรับมากเท่านั้น” เฟิ่งชิงเฉินพูดอย่างไรเดียงสา แต่สองตาของนางกลับมองผ่านกลุ่มคนไปยังที่ห่างไกล

เจ้าบ้าเซียวหยุน นานๆ ทีที่นางจะไปขอความช่วยเหลือ คนล่ะ อยู่ที่ไหน ทำไมยังไม่มาอีก หากยังไม่มานางจะร้องไห้แล้วนะ ตอนนี้ตาแก่เจิ้นกั๋วกงหัวโขกจนเลอะเลือนไร้สติ หากรอจนเขาได้สติขึ้นมา ไม่แน่ว่าจะใช้ไม้แข็งกับนางอีก

“เฟิ่งชิงเฉิน เจ้ามันไร้เหตุผล เจ้าจะไม่เห็นจวนกั๋วกงอยู่ในสายตาเกินไปแล้ว” เจิ้นกั๋วกงยิ่งหน้าแดง ใครบ้างที่จะไม่รู้ว่าช่วงนี้จวนกั๋วกงมีแต่เรื่องวุ่นวายไม่หยุดหย่อน เจิ้นกั๋วกงให้เงินแก้ปัญหาไปมากมาย ตอนนี้กำลังลำบาก ไฉนเลยจะยังมีเงินมาใช้ “ดูหมิ่น” เฟิ่งชิงเฉิน

“อ้อ…” เฟิ่งชิงเฉินเข้าใจขึ้นมาทันที นางทำท่าราวกับเข้าอกเข้าใจเขาเสียเต็มประดา “ที่แท้ท่านกั๋วกงรังเกียจที่จำนวนน้อยไปไม่อาจเทียบเคียงเกียรติของท่านได้หรือ ก็จริง ท่านกั๋วกงทั้งเนื้อทั้งตัวเต็มไปด้วยความสูงศักดิ์ ถึงแม้รถชนครั้งนี้จะไม่ได้ทำให้ผิวแตก เลือดออก แต่ก็ยังต้องการโสมและรังนกบำรุงสักหน่อย เซี่ยหว่าน หยิบเงินออกมาอีก อย่าให้ท่านกั๋วกงบอกว่าข้าดูหมิ่นเขา”

เซี่ยหว่านให้ความร่วมมืออย่างดี นางหยิบตั๋วเงินมูลค่าหนึ่งพันตำลึงออกให้เฟิ่งชิงเฉิน “คุณหนู”

โชคดีที่วันนี้นางจะไปจวนเฟิ่ง ยามออกจากจวนนาจึงย้ำเตือนเป็นพิเศษว่าให้พกเงินออกมามากหน่อย นางดูจวนเฟิ่งแล้วจะไปซื้อของไปเติมของในจวนเฟิ่งที่ขาดไป

ทำเช่นนี้หนึ่งเป็นการใช้เงินแก้เครียด ในขณะเดียวกันก็ทำให้คนอื่นเห็น ให้ทุกคนไม่ร้อนใจเรื่องเสด็จอาเก้า หากนางไม่ได้เดือดเนื้อร้อนใจแล้วผู้อื่นจะร้อนใจไปไย เสด็จอาเก้าไม่มีทางเป็นอะไรไป ไม่เห็นหรือว่าเขายังสบายใจเฉิบ

“ท่านกั๋วกง เพิ่งให้อีกพันตำลึงพอหรือไม่?” เฟิ่งชิงเฉินสีหน้าไม่เปลี่ยนและให้เซี่ยหว่านหยิบตั๋วเงินวางลงไป

ล้อเล่นหรือเปล่า หากจะเป็นฟุ่มเฟือยก็ต้องทำอย่างดูดี ตนเองจะทำเองทำไม ยามนี้เป็นยามที่ต้องใช้สาวใช้ หากทำทุกอย่างเองเสียหมดก็ดูไม่มีสง่าราศีเลย

“เฟิ่งชิงเฉิน เจ้า…” เจิ้นกั๋วกงสีหน้าม่วงแดง ท่าทางโมโหจนแทบทนไม่ไหวแล้ว

หากเป็นยามปกติ เจิ้นกั๋วกงคงจะไม่สามารถถูกยั่วโมโหได้ง่ายดายถึงเพียงนี้ แต่วันนี้จิตใจของเขาไม่สงบ กลัวว่าจะถูกฝ่าบาทกริ้วใส่ อีกทั้งยังมาพบเฟิ่งชิงเฉินที่เป็นคู่อริ จึงอดไม่ได้ที่จะสูญเสียการควบคุม

เฟิ่งชิงเฉินไม่ให้โอกาสเจิ้นกั๋วกงได้พูด นางพูดเสียงดังกลบเสียงของเจิ้นกั๋วกงไป “ยังไม่พออีกหรือ? หนึ่งพันหนึ่งร้อยตำลึงแล้วยังไม่พอให้ท่านกั๋วกงไปหาหมออีกหรือ? ก็ได้… เซี่ยหว่าน เพิ่งเข้าไปอีก เพิ่มเข้าไปจนท่านกั๋วกงพอใจ”

ก็แค่ใช้เงินเหมือนกระดาษเท่านั้นเองมิใช่หรือ หากมันสามารถทำให้เจิ้นกั๋วกงกลายเป็นคนได้เงินก็ไม่เสียดายชีวิต เสียเงินเล็กน้อยเช่นนี้นางก็ยินดี

ไม่ใช่ซูโหรวมาแล้วหรือ การประลองระหว่างนางกับตระกูลซูจะจบลงแล้ว ไม่ว่านางจะชนะหรือแพ้ ในฐานะเจ้ามือบ่อนพนัน นางก็จะมีรายรับก้อนใหญ่เข้าสู่มือนาง

เจิ้นกั๋วกงโมโหจนปากสั่น เขาชี้หน้าเฟิ่งชิงเฉินแต่ผ่านไปครู่ใหญ่สิ่งที่ออกมาก็มีเพียง “เจ้า… เจ้า…”

เฟิ่งชิงเฉินเงยหน้ามองฟ้าและตะโกนเสียงดังต่อไป “สามพันตำลึงยังไม่พออีกหรือ? ท่านกั๋วกงช่างสูงส่งยิ่งนัก เซี่ยหว่าน ยังไม่ได้ยินคำของข้าอีกหรือ เพิ่งเข้าไปจนกว่าท่านกั๋วกงจะพอใจ”

ชิชะ แค่นี้ก็โกรธเป็นฟืนเป็นไฟเสียแล้ว ไม่มีความสง่าเอาเสียเลย เฟิ่งชิงเฉินลูบไล้นิ้วมือเล่น นางสงบนิ่งและมีท่าทางสบายๆ ราวกับผู้มองดูและมองเจิ้นกั๋วกงด้วยท่าทางราวกับตนเองสูงกว่า มุมปากของนางยกยิ้มสีหน้าเต็มไปด้วยความเย้ยหยัน

เรื่องนี้ทำให้พวกเรารู้ว่าการที่ไม่มีร่างกายอันแข็งแรงก็ต้องพาคนมาด้วยให้มากหน่อย เช่นนี้ถึงแม้จะเถียงไม่ชนะอีกฝ่ายก็ยังสามารถให้ข้ารับใช้ช่วย มิเช่นนั้นก็คงจะเป็นเช่นเจิ้นกั๋วกงที่เป็นใบ้พูดไม่ออกราวกับกินหวงเหลียนรสชาติขมมา…

เมื่อเจ้าหน้าที่แห่งซุ่นเทียนฝู่เห็นภาพเช่นนี้เข้า เขาจะอยู่ก็ไม่ดี จะจากไปก็ไม่ได้ ได้แต่แอบโทษตนเองที่ไม่ดูตาม้าตาเรือ ครั้งหน้าหากพบเฟิ่งชิงเฉินอีกเขาจะต้องเดินอ้อมอย่างแน่นอน

เจ้าหน้าที่ยืนอยู่ที่เดิมด้วยใบหน้าขมขื่น เห็นว่าเจิ้นกั๋วกงโกรธจัดเสียแล้วก็กลัวว่าจะเกิดเรื่องแย่จึงรีบเดินเข้าไปเกลี้ยกล่อมเบาๆ “แม่นางเฟิ่ง ขอให้ท่านได้โปรดละเว้นเหล่าขุนนางเล็กๆ อย่างพวกเราไปด้วยเถิด หากท่านกั๋วกงเป็นอะไรไป พวกเราคงไม่รอดแน่”

ท่านขุนนางโปรดวางใจ เจิ้นกั๋วกงได้รับบาดเจ็บเพียงเล็กน้อยเท่านั้น พวกท่านวางใจเถอะ ไม่เป็นอะไรหรอก” หากแม้แต่ร่างกายของอีกฝ่ายเป็นอย่างไรนางก็ไม่รู้ เช่นนั้นนางก็คงไม่ต้องทำอาชีพหมอแล้ว

เจิ้นกั๋วกงยังคงกระวนกระวายไม่สงบ เพลิงโกรธในใจของเขาปะทุออกมา ยั่วโมโหอีกฝ่ายสักหน่อยก็ดีเหมือนกัน อีกอย่างไม่รับฉวยโอกาสทำให้ชื่อเสียงของเจิ้นกั๋วกงเสียหาย นางก็อย่าได้คิดว่าจะได้ไปเลย แม้ว่านางจะเป็นผู้เสียหาย แต่ก็ต้านทานตำแหน่งใหญ่ของอีกฝ่ายไม่ไหว อีกทั้งเขายังได้รับบาดเจ็บ หากมีเรื่องจนถึงที่สุด คนซวยคงจะเป็นนาง

ครั้งนี้เจิ้นกั๋วกงโมโหจนแทบจะเป็นลม เมื่อดูตั๋วเงินที่วางซ้อนทับกันอยู่ข้างหน้าบวกกับคำพูดของเฟิ่งชิงเฉิน วันนี้เขาเสียหน้าหมดแล้ว มือของเขาสั่นเทา ตาเหลือก จากนั้นก็หมดสติไป

“แย่แล้ว แย่แล้ว ท่านกั๋วกงแย่แล้ว” คนขับรถม้าและข้ารับใช้ของเจิ้นกั๋วกงตื่นตกใจอย่างมาก หากเจิ้นกั๋วกงเป็นอะไรไป พวกเขาเป็นคนแรกที่จะเคราะห์ร้าย

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: นางสนมแพทย์อัจฉริยะ