อุ๊บ…
ท่ามกลางหมู่คน มีผู้ที่ทนไม่ไหวหลุดหัวเราะออกมา
แต่ก่อนล้วนเป็นกั๋วกงที่ใช้เงินฟาดหัวผู้อื่น คิดไม่ถึงเลยว่าวันหนึ่งเขาจะถูกเอาเงินฟาดหัวบ้าง ช่างน่าขบขันยิ่งนัก
เจ้าหน้าที่จากซุ่นเทียนฝู่ล้วนหวาดกลัวจนตัวสั่นเทา แต่ละคนเบิกตากว้างโดยไม่กล้าพูดอะไร แทบไม่อยากเชื่อว่านางจะกล้าล้อเลียนเจิ้นกั๋วกงเช่นนี้ นางไม่อยากมีชีวิตอยู่ต่อแล้วหรือ?
“เฟิ่งชิงเฉิน เจ้ากล้าหรือ เจ้ากล้าใช้เงินดูหมิ่นข้า เจ้า… แค่กๆ” เจิ้นกั๋วกงสำลักอากาศ เขาไอจนหน้าแดง คราวนี้จึงเหมือนที่เฟิ่งชิงเฉินพูดว่าสีหน้าแดงระเรื่ออิ่มเอิบ
“ดูหมิ่น? ให้เงินท่านกั๋วกงถือเป็นการดูหมิ่นหรือ? หากเป็นเช่นนั้นท่านกั๋วกงก็ให้เงินข้าแทนก็แล้วกัน ท่านให้มากเท่าไหร่ ข้าก็จะรับมากเท่านั้น” เฟิ่งชิงเฉินพูดอย่างไรเดียงสา แต่สองตาของนางกลับมองผ่านกลุ่มคนไปยังที่ห่างไกล
เจ้าบ้าเซียวหยุน นานๆ ทีที่นางจะไปขอความช่วยเหลือ คนล่ะ อยู่ที่ไหน ทำไมยังไม่มาอีก หากยังไม่มานางจะร้องไห้แล้วนะ ตอนนี้ตาแก่เจิ้นกั๋วกงหัวโขกจนเลอะเลือนไร้สติ หากรอจนเขาได้สติขึ้นมา ไม่แน่ว่าจะใช้ไม้แข็งกับนางอีก
“เฟิ่งชิงเฉิน เจ้ามันไร้เหตุผล เจ้าจะไม่เห็นจวนกั๋วกงอยู่ในสายตาเกินไปแล้ว” เจิ้นกั๋วกงยิ่งหน้าแดง ใครบ้างที่จะไม่รู้ว่าช่วงนี้จวนกั๋วกงมีแต่เรื่องวุ่นวายไม่หยุดหย่อน เจิ้นกั๋วกงให้เงินแก้ปัญหาไปมากมาย ตอนนี้กำลังลำบาก ไฉนเลยจะยังมีเงินมาใช้ “ดูหมิ่น” เฟิ่งชิงเฉิน
“อ้อ…” เฟิ่งชิงเฉินเข้าใจขึ้นมาทันที นางทำท่าราวกับเข้าอกเข้าใจเขาเสียเต็มประดา “ที่แท้ท่านกั๋วกงรังเกียจที่จำนวนน้อยไปไม่อาจเทียบเคียงเกียรติของท่านได้หรือ ก็จริง ท่านกั๋วกงทั้งเนื้อทั้งตัวเต็มไปด้วยความสูงศักดิ์ ถึงแม้รถชนครั้งนี้จะไม่ได้ทำให้ผิวแตก เลือดออก แต่ก็ยังต้องการโสมและรังนกบำรุงสักหน่อย เซี่ยหว่าน หยิบเงินออกมาอีก อย่าให้ท่านกั๋วกงบอกว่าข้าดูหมิ่นเขา”
เซี่ยหว่านให้ความร่วมมืออย่างดี นางหยิบตั๋วเงินมูลค่าหนึ่งพันตำลึงออกให้เฟิ่งชิงเฉิน “คุณหนู”
โชคดีที่วันนี้นางจะไปจวนเฟิ่ง ยามออกจากจวนนาจึงย้ำเตือนเป็นพิเศษว่าให้พกเงินออกมามากหน่อย นางดูจวนเฟิ่งแล้วจะไปซื้อของไปเติมของในจวนเฟิ่งที่ขาดไป
ทำเช่นนี้หนึ่งเป็นการใช้เงินแก้เครียด ในขณะเดียวกันก็ทำให้คนอื่นเห็น ให้ทุกคนไม่ร้อนใจเรื่องเสด็จอาเก้า หากนางไม่ได้เดือดเนื้อร้อนใจแล้วผู้อื่นจะร้อนใจไปไย เสด็จอาเก้าไม่มีทางเป็นอะไรไป ไม่เห็นหรือว่าเขายังสบายใจเฉิบ
“ท่านกั๋วกง เพิ่งให้อีกพันตำลึงพอหรือไม่?” เฟิ่งชิงเฉินสีหน้าไม่เปลี่ยนและให้เซี่ยหว่านหยิบตั๋วเงินวางลงไป
ล้อเล่นหรือเปล่า หากจะเป็นฟุ่มเฟือยก็ต้องทำอย่างดูดี ตนเองจะทำเองทำไม ยามนี้เป็นยามที่ต้องใช้สาวใช้ หากทำทุกอย่างเองเสียหมดก็ดูไม่มีสง่าราศีเลย
“เฟิ่งชิงเฉิน เจ้า…” เจิ้นกั๋วกงสีหน้าม่วงแดง ท่าทางโมโหจนแทบทนไม่ไหวแล้ว
หากเป็นยามปกติ เจิ้นกั๋วกงคงจะไม่สามารถถูกยั่วโมโหได้ง่ายดายถึงเพียงนี้ แต่วันนี้จิตใจของเขาไม่สงบ กลัวว่าจะถูกฝ่าบาทกริ้วใส่ อีกทั้งยังมาพบเฟิ่งชิงเฉินที่เป็นคู่อริ จึงอดไม่ได้ที่จะสูญเสียการควบคุม
เฟิ่งชิงเฉินไม่ให้โอกาสเจิ้นกั๋วกงได้พูด นางพูดเสียงดังกลบเสียงของเจิ้นกั๋วกงไป “ยังไม่พออีกหรือ? หนึ่งพันหนึ่งร้อยตำลึงแล้วยังไม่พอให้ท่านกั๋วกงไปหาหมออีกหรือ? ก็ได้… เซี่ยหว่าน เพิ่งเข้าไปอีก เพิ่มเข้าไปจนท่านกั๋วกงพอใจ”
ก็แค่ใช้เงินเหมือนกระดาษเท่านั้นเองมิใช่หรือ หากมันสามารถทำให้เจิ้นกั๋วกงกลายเป็นคนได้เงินก็ไม่เสียดายชีวิต เสียเงินเล็กน้อยเช่นนี้นางก็ยินดี
ไม่ใช่ซูโหรวมาแล้วหรือ การประลองระหว่างนางกับตระกูลซูจะจบลงแล้ว ไม่ว่านางจะชนะหรือแพ้ ในฐานะเจ้ามือบ่อนพนัน นางก็จะมีรายรับก้อนใหญ่เข้าสู่มือนาง
เจิ้นกั๋วกงโมโหจนปากสั่น เขาชี้หน้าเฟิ่งชิงเฉินแต่ผ่านไปครู่ใหญ่สิ่งที่ออกมาก็มีเพียง “เจ้า… เจ้า…”
เฟิ่งชิงเฉินเงยหน้ามองฟ้าและตะโกนเสียงดังต่อไป “สามพันตำลึงยังไม่พออีกหรือ? ท่านกั๋วกงช่างสูงส่งยิ่งนัก เซี่ยหว่าน ยังไม่ได้ยินคำของข้าอีกหรือ เพิ่งเข้าไปจนกว่าท่านกั๋วกงจะพอใจ”
ชิชะ แค่นี้ก็โกรธเป็นฟืนเป็นไฟเสียแล้ว ไม่มีความสง่าเอาเสียเลย เฟิ่งชิงเฉินลูบไล้นิ้วมือเล่น นางสงบนิ่งและมีท่าทางสบายๆ ราวกับผู้มองดูและมองเจิ้นกั๋วกงด้วยท่าทางราวกับตนเองสูงกว่า มุมปากของนางยกยิ้มสีหน้าเต็มไปด้วยความเย้ยหยัน
เรื่องนี้ทำให้พวกเรารู้ว่าการที่ไม่มีร่างกายอันแข็งแรงก็ต้องพาคนมาด้วยให้มากหน่อย เช่นนี้ถึงแม้จะเถียงไม่ชนะอีกฝ่ายก็ยังสามารถให้ข้ารับใช้ช่วย มิเช่นนั้นก็คงจะเป็นเช่นเจิ้นกั๋วกงที่เป็นใบ้พูดไม่ออกราวกับกินหวงเหลียนรสชาติขมมา…
เมื่อเจ้าหน้าที่แห่งซุ่นเทียนฝู่เห็นภาพเช่นนี้เข้า เขาจะอยู่ก็ไม่ดี จะจากไปก็ไม่ได้ ได้แต่แอบโทษตนเองที่ไม่ดูตาม้าตาเรือ ครั้งหน้าหากพบเฟิ่งชิงเฉินอีกเขาจะต้องเดินอ้อมอย่างแน่นอน
เจ้าหน้าที่ยืนอยู่ที่เดิมด้วยใบหน้าขมขื่น เห็นว่าเจิ้นกั๋วกงโกรธจัดเสียแล้วก็กลัวว่าจะเกิดเรื่องแย่จึงรีบเดินเข้าไปเกลี้ยกล่อมเบาๆ “แม่นางเฟิ่ง ขอให้ท่านได้โปรดละเว้นเหล่าขุนนางเล็กๆ อย่างพวกเราไปด้วยเถิด หากท่านกั๋วกงเป็นอะไรไป พวกเราคงไม่รอดแน่”
ท่านขุนนางโปรดวางใจ เจิ้นกั๋วกงได้รับบาดเจ็บเพียงเล็กน้อยเท่านั้น พวกท่านวางใจเถอะ ไม่เป็นอะไรหรอก” หากแม้แต่ร่างกายของอีกฝ่ายเป็นอย่างไรนางก็ไม่รู้ เช่นนั้นนางก็คงไม่ต้องทำอาชีพหมอแล้ว
เจิ้นกั๋วกงยังคงกระวนกระวายไม่สงบ เพลิงโกรธในใจของเขาปะทุออกมา ยั่วโมโหอีกฝ่ายสักหน่อยก็ดีเหมือนกัน อีกอย่างไม่รับฉวยโอกาสทำให้ชื่อเสียงของเจิ้นกั๋วกงเสียหาย นางก็อย่าได้คิดว่าจะได้ไปเลย แม้ว่านางจะเป็นผู้เสียหาย แต่ก็ต้านทานตำแหน่งใหญ่ของอีกฝ่ายไม่ไหว อีกทั้งเขายังได้รับบาดเจ็บ หากมีเรื่องจนถึงที่สุด คนซวยคงจะเป็นนาง
ครั้งนี้เจิ้นกั๋วกงโมโหจนแทบจะเป็นลม เมื่อดูตั๋วเงินที่วางซ้อนทับกันอยู่ข้างหน้าบวกกับคำพูดของเฟิ่งชิงเฉิน วันนี้เขาเสียหน้าหมดแล้ว มือของเขาสั่นเทา ตาเหลือก จากนั้นก็หมดสติไป
“แย่แล้ว แย่แล้ว ท่านกั๋วกงแย่แล้ว” คนขับรถม้าและข้ารับใช้ของเจิ้นกั๋วกงตื่นตกใจอย่างมาก หากเจิ้นกั๋วกงเป็นอะไรไป พวกเขาเป็นคนแรกที่จะเคราะห์ร้าย
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: นางสนมแพทย์อัจฉริยะ
ขอบคุณน่ะค่ะที่ต้องอดหลับอดนอนอัพเดต สู้ๆๆๆๆน่ะค่ะเป็นกำลังใจให้ค่ะ ผู้อ่านก็ไม่ได้หลับได้นอนเหมือนกัน ติดงอมเลย...
ง่ายๆๆยึดอำนาจ...
มาต่อได้ไหมมมมมมมม พลีสสสสสสสสสสสสสสสสส...
Update ให้หน่อยค่ะ จอดอยู่ที่ 1430 นานแล้ว ขออีกสัก 29 ตอนนะคะ Pleaseeeeee Admin ที่น่ารัก...
ไม่อัพเดตแล้วหรอค่ะ...
สามารถซื้ออ่านผ่านช่องทางไหนได้บ้างค่ะ...
ไทม์ไลน์บอก อัพถึง บท1459 แต่ยังดูได้แค่ บท1430...
Update ให้หน่อยคร่า รออ่านอยู่ คร่า...
ไม่ Update นานแล้ว ไปเที่ยวเพลินเลย สงสารคนรอเถอะ เข้ามาทุกวัน อ่านช้ำไป 2 รอบแล้ว...
ตอนที่ 1425 หายไปค่ะ...