นางสนมแพทย์อัจฉริยะ นิยาย บท 622

สรุปบท บทที่ 622 การตาย ราชองครักษ์บุกเข้ามาหานาง: นางสนมแพทย์อัจฉริยะ

ตอน บทที่ 622 การตาย ราชองครักษ์บุกเข้ามาหานาง จาก นางสนมแพทย์อัจฉริยะ – ความลับ ความรัก และการเปลี่ยนแปลง

บทที่ 622 การตาย ราชองครักษ์บุกเข้ามาหานาง คือตอนที่เปี่ยมด้วยอารมณ์และสาระในนิยายInternet นางสนมแพทย์อัจฉริยะ ที่เขียนโดย อาช้าย เรื่องราวดำเนินสู่จุดสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นการเปิดเผยใจตัวละคร การตัดสินใจที่ส่งผลต่ออนาคต หรือความลับที่ซ่อนมานาน เรียกได้ว่าเป็นตอนที่นักอ่านรอคอย

ซูเหวินชิงไม่สบาย ทำอย่างไรดี?

แน่นอนล่ะ ต้องพาไปหาหมอ

หมอที่มีฝีมือมากที่สุดในเมืองหลวงคือใครกันล่ะ?

แน่นอนล่ะ เฟิ่งชิงเฉินอย่างไรล่ะ

การเดินทางจากจวนซูไปยังเรือนเล็กซีชวีต้องใช้เวลามาก หลานจิ่วชิงจึงตัดสินใจเลือกจวนเฟิ่ง หลานจิ่วชิงให้สายลับไปรายงานเฟิ่งชิงเฉิน ให้เฟิ่งชิงเฉินรีบมาที่จวนเฟิ่ง ส่วนตัวเองก็ประคองซูเหวินชิงไปยังห้องผ่าตัดที่เพิ่งสร้างขึ้นในจวนเฟิ่ง โดยใช้เส้นทางลับ

ในช่วงที่มีการก่อสร้างจวนเฟิ่ง หลานจิ่วชิงให้ซูเหวินชิงขุดเส้นทางลับที่เชื่อมระหว่างจวนเฟิ่งและห้องลับของจวนซู ซึ่งเรื่องเส้นทางลับนี้ เฟิ่งชิงเฉินเองก็ไม่รู้มาก่อน

จุดประสงค์ในตอนแรก หลานจิ่วชิงเพียงต้องการใช้เส้นทางนี้ไว้ให้เขาและปู้จิงหยุนไปหาเฟิ่งชิงเฉินเพื่อทำแผลอย่างสะดวก นับตั้งแต่ครั้งแรกที่เฟิ่งชิงเฉินช่วยเขา นางก็กลายเป็นหมอประจำตัวของพวกเขาไปเสียแล้ว ไม่นึกเลยว่าคนที่จะได้ใช้เส้นทางลับสายนี้เป็นคนแรกจะกลับกลายมาเป็นซูเหวินชิง

เมื่อสายลับได้รับคำสั่งแล้วก็เงยหน้ามองท้องฟ้า เมื่อเขาปรากฏตัวอยู่ที่หน้าประตูห้องของเฟิ่งชิงเฉินแล้วก็ลังเลอยู่พักใหญ่ จนในที่สุดก็เคาะประตูห้อง

เขากลัวว่าผู้เป็นนายจะควักลูกตาเขา หากรู้ว่าเขาบุกเข้าไปในห้องส่วนตัวของแม่นางเฟิ่ง

"แม่นางเฟิ่ง"

"นั่นใคร?" เฟิ่งชิงเฉินรู้สึกตัวแล้ว และสิ่งแรกที่นางทำก็คือคว้าปืนที่อยู่ข้างๆหมอน

"ข้าน้อยเป็นสายลับที่ถูกส่งมาเพื่อคุ้มกันแม่นางเฟิ่ง นายของข้าน้อยส่งข่าวมาบอกว่า เขากำลังรอท่านอยู่ที่ห้องผ่าตัดในจวนเฟิ่ง ขอให้ท่านรีบไปที่นั่นโดยเร็วที่สุด มีคนอาการหนักขอรับ" นั่นก็หมายความว่า คนที่อาการหนักไม่ใช่หลานจิ่วชิง

เฟิ่งชิงเฉินถอนหายใจด้วยความโล่งอก นางนวดขมับสักครู่ แล้วตะโกนตอบผู้ที่รออยู่ด้านนอก "เช่นนั้นรอเดี๋ยว" ก่อนจะลุกขึ้นมาจุดเทียนจนสว่าง

การที่ต้องลุกขึ้นมาจากเตียงกลางดึกในช่วงฤดูหนาวไม่ใช่สิ่งที่รื่นรมย์เท่าใดนัก เฟิ่งชิงเฉินก็รู้สึกเช่นนั้น นางแต่งตัวในขณะที่หน้าหงิก เปิดกระเป๋าเครื่องมือแพทย์อัจฉริยะ แล้วหยิบยาที่จำเป็นออกมา ก่อนจะนำยาเก็บลงในกล่องปฏิบัติการ

กระเป๋าเครื่องมือแพทย์อัจฉริยะแสดงผลคะแนนจรรยาแพทย์ขึ้นมาว่ายังมีอีก 10 คะแนน เฟิ่งชิงเฉินได้แต่หวังในใจว่าการไปหาหลานจิ่วชิงครั้งนี้จะทำให้นางได้คะแนนเพิ่มขึ้น นางอยากได้ปืนกลรุ่นเอเค 47 เหลือเกิน แต่ช่วงนี้นางไม่ค่อยได้ออกไปรักษาผู้คนเลย

เฟิ่งชิงเฉินหิ้วของเดินออกมา แต่นางยังไม่เดินตามสายลับไป แต่ยืนสังเกตสายลับอยู่สักพัก

สายลับเหล่านี้นางเคยเจอแล้วครั้งหนึ่ง แต่มองเพียงผ่านๆ จึงจำหน้าตาไม่ค่อยได้ สายลับก็รู้ดีว่าควรทำอย่างไร เขาหยิบป้ายสลักที่มีสัญลักษณ์ตระกูลซูออกมาแล้วส่งไปให้เฟิ่งชิงเฉิน เมื่อเฟิ่งชิงเฉินตรวจสอบอย่างถี่ถ้วนดีแล้วก็พยักหน้า "ส่งคนเข้าไปอยู่ในห้องนี้ อย่าให้ใครรู้ว่าข้าออกไปข้างนอก"

"ขอรับ" เมื่อเฟิ่งชิงเฉินพูดจบ สายลับก็ยกมือขึ้นมาส่งสัญญาณ แล้วบอกเฟิ่งชิงเฉินไปว่า "ขออภัยนะขอรับ" แล้วทำการยกร่างเฟิ่งชิงเฉินออกไปจากเรือนเล็กซีชวีอย่างรวดเร็ว

เฟิ่งชิงเฉินตกใจยิ่งนัก แต่ก็ต้องอุดปากตัวเองไว้ เพื่อไม่ให้ตัวเองแหกปากลั่น นางได้แต่ด่าคนของหลานจิ่วชิงอยู่ในใจที่บุ่มบ่ามเกินไป หารู้ไม่ว่าในใจของสายลับผู้นั้นก็ขมขื่นไม่แพ้กัน

ทั้งสองฝ่ายต่างรีบเร่งเดินทาง หลังจากที่หลานจิ่วชิงออกมาจากเส้นทางลับได้ไม่นาน เฟิ่งชิงเฉินก็มาถึงพอดี นางมองไปยังห้องไม้เล็กๆพลางถอนหายใจ แล้วจึงถือไฟเดินไปทางห้องนั้น และยังสั่งให้สายลับไปช่วยจุดไฟห้องอื่นๆให้สว่าง

หากจุดไฟให้สว่างเพียงห้องเดียว ก็จะตกเป็นเป้าสายตามากเกินไป

เมื่อเฟิ่งชิงเฉินเดินเข้าไปในห้องก็เห็นหลานจิ่วชิงยืนกอดอกอิงผนังอยู่ ท่าทางที่ดูเหมือนจะชวนหาเรื่องของหลานจิ่วชิง ดูๆแล้วกลับมีความพิเศษ ช่างดูชวนมองเหลือเกิน

เฟิ่งชิงเฉินให้สารอาหารเหลวและกลูโคสกับซูเหวินชิง ซูเหวินชิงนั่งอยู่กับที่นานเกินไป ทำให้เลือดลมไหลเวียนไม่สะดวก เมื่อครู่นี้ก็ได้ยินหลานจิ่วชิงบอกว่าซูเหวินชิงเลือดออกจำนวนมาก เฟิ่งชิงเฉินจึงไม่กล้าฉีดยากระตุ้นเลือดให้เขา ได้แต่ช่วยเขานวดกดจุด ให้ส่วนต่างๆในร่างกายมีเลือดไปหล่อเลี้ยงอย่างทั่วถึง

เมื่อเห็นท้องฟ้าใกล้สว่าง เฟิ่งชิงเฉินก็รู้ว่าต้องรีบกลับไปแล้ว นางสั่งให้หลานจิ่วชิงช่วยดูแลซูเหวินชิงให้ดีๆ ให้ซูเหวินชิงมีเวลาพักผ่อนมากกว่านี้ แล้วนางก็มอบยากระตุ้นภูมิคุ้มกันมาให้ ก่อนจะเก็บข้าวของอย่างรีบด่วน

นางถือของเดินออกมาด้านนอก หลานจิ่วชิงก็ยืนขวางนางไว้ เฟิ่งชิงเฉินจึงมองหน้าเขาด้วยความสงสัย "มีอะไรหรือ?"

หลานจิ่วชิงมีคำพูดนับพันที่อยากพูดออกมา เมื่อต่อหน้าดวงตาที่ดูอ่อนล้าของเฟิ่งชิงเฉินแล้ว สิ่งที่เขาอยากพูดจึงเก็บเอาไว้ก่อน แล้วตอบนางสั้นๆว่า "ไม่ต้องเป็นห่วง เดี๋ยวทุกอย่างก็จะดีขึ้นเอง เขา......จะต้องไม่เป็นไร"

เขากำลังหมายถึงใคร คนทั้งสองรู้ดีอยู่แก่ใจ

ที่แท้ก็เป็นการปลอบใจตัวเอง เฟิ่งชิงเฉินยิ้มเล็กน้อยและกล่าวว่า "ข้ารู้ และข้าก็เชื่อว่าเขาจะต้องไม่เป็นไร"

เฟิ่งชิงเฉินกล่าวอย่างหนักแน่น ไม่รู้ว่าเป็นการให้กำลังใจตัวเองหรือให้กำลังใจหลานจิ่วชิงกันแน่

หลานจิ่วชิงมีแววตาอันขื่นขม "รีบกลับไปเถอะ พักผ่อนให้มากๆ เรื่องอื่นเจ้าไม่ต้องเป็นห่วง"

เดิมทีเขาก็อยากให้นางอยู่เป็นเพื่อนต่อไปอีกสักพัก แต่เมื่อได้เห็นท่าทางอ่อนเพลียของนางแล้วก็อดเห็นใจนางไม่ได้ กลัวว่านางจะเป็นอย่างซูเหวินชิงไปอีกคน

เฟิ่งชิงเฉินยิ้ม นางไม่ได้พูดอะไรอีก ก่อนจะเดินทางกลับไปยังเรือนเล็กซีชวีโดยมีสายลับตามไปส่ง ยังไม่ทันที่นางจะได้เปลี่ยนเสื้อผ้า ก็ถูกบรรดาราชองครักษ์เข้ามาห้อมล้อมไว้......

นี่มันอะไรกัน?

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: นางสนมแพทย์อัจฉริยะ