สรุปเนื้อหา บทที่ 643 รนหาที่ตาย เฟิ่งชิงเฉินถูกยั่วโมโห – นางสนมแพทย์อัจฉริยะ โดย อาช้าย
บท บทที่ 643 รนหาที่ตาย เฟิ่งชิงเฉินถูกยั่วโมโห ของ นางสนมแพทย์อัจฉริยะ ในหมวดนิยายInternet เป็นตอนที่โดดเด่นด้วยการพัฒนาเนื้อเรื่อง และเปิดเผยแก่นแท้ของตัวละคร เขียนโดย อาช้าย อย่างมีศิลป์และชั้นเชิง ใครที่อ่านถึงตรงนี้แล้ว รับรองว่าต้องติดตามตอนต่อไปทันที
วันย้ายจวน เฟิ่งชิงเฉินถึงกับให้สำนักหอดูดวงมาคำนวณฤกษ์วันมงคลให้ โดยเฉพาะ อากาศหนาวเย็นยามเหมันตฤดูเช่นนี้ การที่จะมาพบเจอวันที่มีพระอาทิตย์สดใสเช่นนี้ได้ นับว่าไม่ง่ายเลย แต่ก็ยังมีคนที่ชอบใช้วันเวลาดี ๆ เหล่านี้ก่อเรื่องขึ้นมาอีก
เฟิ่งชิงเฉินพลันเดินออกไปท่ามกลางสาวใช้ที่กำลังพรั่งพรูเข้ามา พลางเห็นสาวใช้กลุ่มหนึ่งอยู่ไกล ๆ ออร่าความสง่างามราศีหาได้มีไม่ ทั้งยังมิอาจทำให้คนรู้สึกเห็นอกเห็นใจอีกด้วย เมื่อคนภายนอกจวนเฟิ่งเห็นกลุ่มสตรีเหล่านี้ ก็ได้แต่หันหน้าหนีในทันที
ก่อนหน้านั้น บุคคลที่อยู่สูงส่งก็คือนาง แต่ผู้ที่ต้องก้มหน้าคุกเข่าอยู่กับพื้นคือเฟิ่งชิงเฉิน ทว่าในยามนี้เล่า ?
ยามที่คนทั้งสองคนมาประชันหน้ากันนั้น ผู้ที่ถูกสาวใช้รุมล้อมกันนั้นคือเฟิ่งชิงเฉิน แต่ผู้ที่กำลังโดนผู้อื่นเหยียบย่ำอยู่นั้น กลับเป็นนาง
คนที่ยืนอยู่ด้านนอกนั้น พลันดึงอาภรณ์ที่สวยงาม ทว่าดูเหมือนจะไม่มีความหนาทั้งยังไร้ประโยชน์ออกมาคุมตัวตนเองเอาไว้ เพื่อให้ความอบอุ่นแก่ร่างกายของตนเอง มิให้โดนอากาศเย็นแข็งตายไปเสียก่อน เมื่อเห็นเฟิ่งชิงเฉินอยู่ห่างจากหน้าประตูจวนไปไม่ถึงสิบก้าวนั้น ก็พลันปล่อยมือของตนเองออกมา แล้วจึงแย้มยิ้มด้วยความสดใสออกมาว่า "นู๋เจียขอเข้าพบแม่นางเฟิ่ง"
ท่าทางอ่อนแอ่น ท่าทีเย้ายวนมีชั้นเชิงเช่นนี้ เพียงแค่เปิดปากออกมา น้ำเสียงพลันไพเราะเสนาะหูยิ่งนัก มิต้องคิดให้มากความก็รับรู้ได้ทันทีเลยว่า คนตรงหน้ามาจากหอนางโลม
น่าเสียดายนัก วิธีการเช่นนี้ใช้ได้แต่กับบุรุษเพศเท่านั้น มาใช้งานกับสตรีหาได้มีประโยชน์อันใดไม่ เฟิ่งชิงเฉินที่ยืนอยู่หน้าประตูนั้น พร้อมทั้งใช้สายตากวาดตามองนางราวกับว่าเป็นสิ่งของอย่างหนึ่งเท่านั้น หลังจากที่จ้องมองสตรีตรงหน้าแล้ว ถึงได้เอ่ยปากขึ้นมาว่า "แม่นางหรง ท่านมาผิดที่แล้วหรือไม่? นี่คือจวนเฟิ่ง หาใช่จวนกั๋วกงไม่ โอ้ใช่ แม่นางหรงควรจะไปที่จวนของทางการถึงจะถูก หากข้าจำไม่ผิดละก็ แม่นางหรงกำลังหนีทางการอยู่กระมัง"
มิผิด สตรีที่มา นางก็คือคุณหนูแห่งจวนกั๋วกงหรงชิงชิว แต่เดิมนางมีศักดิ์เป็นถึงองค์หญิงอู๋อัน ทว่าในยามนี้กลับต้องตกมาเป็นนางโลมเสียแล้ว คล้ายกับว่าเกิดจากสวรรค์ตกลงมาอยู่ในนรกเสียอย่างนั้น ไม่แปลกใจเลยที่ทางการจะไม่อาจหาหรงชิงชิวพบ ที่แท้นางก็นางก็มีชีวิตคล้ายกับฝุ่นผงเช่นนี้นี่เอง
หรงชิงชิวที่แย้มยิ้มออกมาคล้ายกับดอกไม้บานนั้น นางหัวเราะคล้ายกับว่าได้ยินเรื่องขบขันจากเฟิ่งชิงเฉิน "แม่นางเฟิ่ง ท่านทักผิดคนแล้วเจ้าค่ะ นู๋เจียหาได้มีนามว่าหรงชิงชิวไม่ นู๋เจียมีนามว่าฮวาขุยเหนียงจื่อ นางโลมงามล่มเมืองแห่งหอฉู่ฮวาเจ้าค่ะ"
หรงชิงชิวเน้นคำว่า "ล่มเมือง" สองคำนี้ เกรงว่าเฟิ่งชิงเฉินจะมิได้ยินกระมัง
ฮวาขุยเหนียงจื่อ สตรีผู้งามล่มเมือง!
ทันทีที่คำแนะนำตัวนี้ถูกพูดออกมานั้น ข้ารับใช้ภายในจวนเฟิ่งพลันสีหน้าเปลี่ยนสีไปในทันที โดยเฉพาะชุนเซี่ยชิวตงทั้งสี่คนนั้น พลันถลึงตามองไปที่หรงชิงชิวด้วยสายตารังเกียจเดียดฉันท์ หรงชิงชิวจึงยิ้มออกมาอย่างได้ใจ ทว่า เฟิ่งชิงเฉินหาได้มีท่าทีโมโหอันใดไม่
"ที่แท้ก็เป็นแม่นางฮวาขุยนี่เอง ชิงเฉินคงสายตาฟาดเฟือนไปเสียแล้ว ที่ได้มองแม่นางฮวาขุยไปเป็นคุณหนูแห่งจวนกั๋วกงไปเสียได้ ชิงเฉินยังคิดว่าเป็นสหายเก่ามาเยี่ยมเยียน ถึงได้ออกมาต้อนรับด้วยตนเองเช่นนี้ มิคิดเลยว่า จะเป็นนางโลมชั้นต่ำคนหนึ่งเท่านั้น พวกเจ้า ไล่นางออกไป"
ฮวาขุยนางโลมล่มเมืองเช่นนั้นหรือ ใจใหญ่ยิ่งนัก ใบหน้าของนาง เฟิ่งชิงเฉินแปะเอาไว้สองคำว่ารังแกได้หรืออย่างไรกัน? หาญกล้ามาหาเรื่องนางในวันนี้ หรงชิงชิว ข้าเฟิ่งชิงเฉินจะทำให้เจ้าได้รู้จักกับคำว่าเสียใจสองคำนี้เอง
"ขอรับ" ข้ารับใช้ภายในจวน พลันถือกระบองไม้ก้าวเดินไปด้านหน้าในทันที พร้อมกับตีไปที่บนตัวของหรงชิงชิง หรงชิงชิวมิคิดว่าเฟิ่งชิงเฉินจะโหดเหี้ยมได้ถึงเพียงนี้ ทำเอาผู้คนที่อยู่ภายในเหตุการณ์ต่างหน้าซีดไปตาม ๆ กัน พร้อมกับรีบนั่งคุกเข่าลงกับพื้นโดยไว จนนางเสียอาการตะโกนออกมาว่า "หยุดมือ! หยุดมือ หยุดมือเดี๋ยวมือ! เฟิ่งชิงเฉิน ข้ามามอบของขวัญให้กับเจ้า เพื่อแสดงความยินดีกับการที่เจ้าย้ายจวนแล้ว เฟิ่งชิงเฉินเจ้าไม่ควรจะทำกับข้าเช่นนี้ เจ้า เจ้าเจ้า"
หรงชิงชิวพลันลืมไปแล้ว ว่าตนเองในยามนี้หาได้มีตำแหน่งสูงศักดิ์เป็นคุณหนูดังเดิมไม่ นางเป็นเพียงนางโลมชั้นต่ำเท่านั้น ทว่า ไม่ว่านางจะร้องตะโกนเช่นไร ก็หาได้มีผู้ใดสนใจนางไม่ แม้ว่าเหล่าข้ารับใช้เหล่านี้จะรู้สึกสงสารนางเพียงใด มีเฟิ่งชิงเฉินอยู่ด้วยเช่นนี้ พวกเขาก็ไม่มีความกล้าอันใดมากนัก ไม่นานนัก หรงชิงชิวก็พลันล้มลงไปกับพื้นในทันที
น่าเสียดายนักที่เรื่องราวยังไม่จบแต่เพียงเท่านี้ ของขวัญขนาดใหญ่ของหรงชิงชิวก็พลันมาถึงในทันที เป็นสตรีมากกว่าสิบคนสวมใส่อาภรณ์น้อยชิ้นมาจากที่ใดก็ไม่รู้ พร้อมทั้งเข้ามารุมล้อมหรงชิงชิว พลางตะโกนกล่าวว่า "อ๊าย ฆ่าคน ฆ่าคนแล้ว จวนขุนนางผู้ภักดิกำลังฆ่าคน"
"บุตรีตระกูลเฟิ่งกำลังจะฆ่าคน"
สตรีเหล่านี้เสียงดียิ่งนัก เมื่อพวกเขากรีดร้องออกมานั้น นับว่ามีพลังยิ่งนัก ทว่า มิรู้สึกว่าเป็นเสียงไม่น่าฟังเลยแม้แต่น้อย เฟิ่งชิงเฉินรู้ได้ทันทีเลยว่า หากพวกนางยังคงตะโกนเช่นนี้อยู่ อีกไม่นาน จวนของนางจะต้องเป็นที่สนใจมากแน่ ๆ
เรื่องวุ่นวายเช่นนี้ พร้อมกับของขวัญชิ้นใหญ่ที่ไร้มารยาท แต่ทว่ากลับคว้าชัยได้ง่ายนัก
เหล่าสตรีพวกนั้นหาได้ยินยอมโดนรังแกไม่ ในเมื่อไม่อาจทำอะไรองครักษ์เหล่านั้น แล้วพวกนางจะทำอันใดตัวเองมิได้งั้นหรือ แคว่ก แคว่ก สองสามคน พลันฉีกอาภรณ์ของตนเองให้ขาดออกในทันที เพื่อโผล่ให้เห็นเนื้อตัวที่ขาวผ่องของพวกนางก้อนเนื้อทั้งสองข้างของพวกนางนั้นพลันสั่นไปมา เหล่าองครักษ์ที่เป็นชายชาตรี เมื่อได้เห็นภาพตรงหน้าก็พลันเลือดกายแล่นไปทั่วร่างในทันที แม้ว่าจะเป็นในยามเหมันตฤดูที่หนาวสั่นเช่นนี้ พวกเขาก็อดที่จะรู้สึกว่าท้องน้อยของตนเองร้อนวูบวาบออกมามิได้
ในยามที่เหล่าองครักษ์มัวแต่ตกตะลึงนั้น เหล่านางโลมที่ดิ้นหลุดพ้นจากการจับตัวไปได้นั้น ก็วิ่งมาทางเฟิ่งชิงเฉินในทันที จากนั้นก็วิ่งไปด้วย พร้อมกับทึ่งอาภรณ์ของตนเองไปด้วยเช่นกัน จากที่พวกนางมีอาภรณ์น้อยชิ้นติดตัวเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว เมื่อมาฉีกออกเช่นนี้ บนตัวของนางจะเหลือสิ่งใดเอาไว้ปกปิดตัวเองกัน
เซี่ยหว่านกับตงชิวที่เห็นเช่นนั้น พลันเกิดอาการหน้าแดงไปในทันที พร้อมทั้งก้มหน้าลง มิกล้ามองภาพที่อยู่ตรงหน้า ทั้งองครักษ์และเหล่าข้ารับใช้ในจวนเองต่างก็ตกใจเช่นกัน ทุกคนต่างมิรู้ว่าควรทำเช่นไรดี สตรีที่เปือยกายอยู่ตรงหน้าเช่นนี้ การที่จะไปแตะตัวพวกนางหาใช่เรื่องที่ดีไม่
"เฮ้อ"
เมื่อต้องมาพบกับเหล่าสตรีที่บ้าบิ่นเช่นนี้ เฟิ่งชิงเฉินรู้สึกปวดหัวยิ่งนัก อีกทั้งยังไม่รู้สึกเขินอายกับฉากน่าอายที่อยู่ตรงหน้าเลยแม้แต่น้อย พลางกวาดตามองไปยังเหล่าองครักษ์ด้วยความเย็นชา พร้อมทั้งตวาดใส่ด้วยเสียงที่เกรี้ยวกราดว่า "พวกเจ้ายังมัวตกตะลึงอันใดอีก ยังมีรีบลงมือ ไล่พวกนางออกไปเสีย"
"ขอ ขอรับ"เหล่าองครักษ์พร้อมกับข้ารับใช้ต่างก็ขมวดคิ้วลงด้วยความลำบากใจ แต่ก็ต้องก้าวเดินไปด้านหน้า ทว่า เหล่าสตรีพวกนั้นหาได้อยู่นิ่ง ๆ ให้จับตัวได้ไม่ พร้อมทั้งวิ่งไปมาอยู่หน้าจวนเฟิ่ง แล้วร้องเรียกออกมาว่า "มาสิ มาสิ มาจับข้าสิ"
หากผู้ใดไม่รู้ คงคิดว่าที่นี่คือหอนางโลมกระมัง วุ่นวายยิ่งนัก
"แม่นางเฟิ่ง ของขวัญชิ้นนี้ ท่านชอบหรือไม่เล่า?" หรงชิงชิวที่ยืนอยู่ตรงกลางนั้น พร้อมด้วยผมเพ้ารุงรัง พลันมองมาที่เฟิ่งชิงเฉินด้วยท่าทีมีชัย
"นับว่าเป็นของขวัญชิ้นใหญ่ยิ่งนัก หรงชิงชิวบัญชีนี้ ข้าจะไปตามเก็บที่ตระกูลหรงเอง ในเมื่อเจ้ากล้ายั่วโมโหข้าเช่นนี้ เจ้าก็ควรจะต้องจ่ายค่าตอบแทนกลับมา เจ้ายังคิดว่าตนเองเป็นองค์หญิงผู้ส่งอยู่งั้นหรือ? ยังคิดว่าตระกูลหรงของเจ้าเป็นคนชั้นสูงของจวนกั๋งกงอยู่งั้นหรือ? เฮอะ หรงชิงชิว เจ้ากล้ามาวุ่นวายกับงานเลี้ยงของเข้าเช่นนี้ ข้าจะให้ตระกูลหรงของเจ้าที่เหลืออยู่ มีชิวตสู้แบบไม่สู้ตายเลยทีเดียว" สายตาของเฟิ่งชิงเฉินพลันฉายแววไอสังหารออกมาในทันที
วันนี้หรงชิงชิวนับว่ายั่วโมโหนางแล้ว
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: นางสนมแพทย์อัจฉริยะ
ไม่ต่อให้จบเหรอคะ นานแล้ว แวะมาบอกกล่าวกันบ้าง...
ขอบคุณน่ะค่ะที่ต้องอดหลับอดนอนอัพเดต สู้ๆๆๆๆน่ะค่ะเป็นกำลังใจให้ค่ะ ผู้อ่านก็ไม่ได้หลับได้นอนเหมือนกัน ติดงอมเลย...
ง่ายๆๆยึดอำนาจ...
มาต่อได้ไหมมมมมมมม พลีสสสสสสสสสสสสสสสสส...
Update ให้หน่อยค่ะ จอดอยู่ที่ 1430 นานแล้ว ขออีกสัก 29 ตอนนะคะ Pleaseeeeee Admin ที่น่ารัก...
ไม่อัพเดตแล้วหรอค่ะ...
สามารถซื้ออ่านผ่านช่องทางไหนได้บ้างค่ะ...
ไทม์ไลน์บอก อัพถึง บท1459 แต่ยังดูได้แค่ บท1430...
Update ให้หน่อยคร่า รออ่านอยู่ คร่า...
ไม่ Update นานแล้ว ไปเที่ยวเพลินเลย สงสารคนรอเถอะ เข้ามาทุกวัน อ่านช้ำไป 2 รอบแล้ว...