นางสนมแพทย์อัจฉริยะ นิยาย บท 66

รักษาโรคหัวใจขององค์รัชทายาทหรือ?

ตงหลิงจื่อลั่วไม่เชื่อว่าเฟิ่งชิงเฉินมีความสามารถนี้ และฮองเฮาก็ไม่เชื่อเช่นกันว่าเฟิ่งชิงเฉินมีความสามารถเช่นนี้ แต่ทว่า.......

"จื่อลั่ว ต่อให้เราจะฆ่าผิดคน แต่เราก็ห้ามปล่อยไปเด็ดขาด ไม่ว่าอย่างไรเฟิ่งชิงเฉินก็เก็บไว้มิได้" ฮองเฮาไม่สนใจเรื่องเหล่านี้ นางสนเพียงแค่การลดความอันตรายให้เหลือน้อยที่สุด

ความตายเฟิ่งชิงเฉินแลกกับความสบายใจของนาง ถือเป็นการแลกเปลี่ยนที่คุ้มค่าอย่างมาก

"ข้าทราบแล้ว เสด็จแม่ข้าจะจัดการเอง" เมื่ออยู่ต่อหน้าอำนาจของบัลลังก์ คำรับปากนั้นไม่มีค่าใดๆ

สิ่งที่ฮองเฮาและตงหลิงจื่อลั่วคิดได้ องค์รัชทายาทก็ได้คิดได้เช่นกัน

"ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม ปกป้องเฟิ่งชิงเฉินให้ดี ข้าจะไว้ชีวิตนาง" บุตรชายของอดีตฮองเฮาแห่งราชวงศ์ตงหลิง ตงหลิงจื่อเทียนยืนหันหลังให้กับแสงเทียน เขาดูผอมและอ่อนแอเล็กน้อยเมื่ออยู่ใต้แสงไฟที่มือมัว

"ขอรับ ฝ่าบาท" ชายชุดดำทั้งแปดรับคำสั่ง พวกเขาจะคอยคุ้มกันเฟิ่งชิงเฉินทั้งกลางวันและกลางคืนเพื่อดูแลความปลอดภัยของเฟิ่งชิงเฉิน

พายุนองเลือดกำลังจะเริ่มขึ้น!

เฟิ่งชิงเฉินไม่รู้เลยแม้แต่น้อยว่าในขณะที่นางหลับสนิท นางได้เฉียดตายไปหลายต่อหลายครั้งแล้ว ด้านนอกจวนเฟิ่งมีศพมากมายที่ถูกยกออกไป

กลิ่นของดอกไม้ลอยล่องไปในอากาศ และกลบกลิ่นเลือดนั้นเอาไว้

หลานจิ่วชิงซ่อนตัวอยู่ในความมืด และมองเห็นภาพทุกอย่าง หลังจากที่จัดการกับศพกลุ่มสุดท้ายแล้ว หลานจิ่วชิงก็ไม่รอนาน

"เฟิ่งชิงเฉิน ความแค้นใจของเราสองคนให้มันจบที่ตรงนี้เสีย ตอนนี้ได้มีการเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้น หวังว่าเจ้าจะหาทางแก้ไขมันเองได้"

...........

สำหรับเฟิ่งชิงเฉินแล้ว การต่อสู้ระหว่างองค์รัชทายาทและองค์ชายเจ็ดนั้น เป็นเรื่องยาวไกลจากนางอย่างมาก นางไม่เคยคิดเลยว่าตนจะมีส่วนเกี่ยวข้องในการแย่งชิงบัลลังก์ของราชนิกุล ความคิดทั้งหมดของนางในตอนนี้ ล้วนจดจ่ออยู่กับการสร้างห้องผ่าตัดใหม่ในสนามหลังบ้าน. .

เฟิ่งชิงเฉินดูแลงานสร้างทุกอย่างด้วยตนเอง ทุกรายละเอียดจะต้องสมบูรณ์แบบ และจะไม่มีการลักไก่เด็ดขาด

หวังชีมองดูด้วยความชื่นชม แต่ต้องยอมรับว่าเฟิ่งชิงเฉินเป็นผู้หญิงที่ทำงานเป็น เมื่อเขารายงานเรื่องต่างๆที่เฟิ่งชิงเฉินทำให้ช่วงที่ผ่านมานี้ให้กับตระกูลหวัง เสียงการปฏิเสธของตระกูลหวังก็น้อยลงเรื่อยๆ

สามวันผ่านไปอย่างรวดเร็ว เฟิ่งชิงเฉินเตรียมไปสถานที่ก่อสร้างในสวนหลังบ้านตามปกติ แต่โจวสิงมารายงานว่า มีองครักษ์หลวงสี่คนอยู่นอกจวน เขากล่าวว่าจะรับเฟิ่งชิงเฉินไปที่เรือนนอกของพระราชวัง เพื่อเข้าร่วมเทศกาลดอกท้อที่จัดโดยองค์หญิงอันผิง

"ว่าอย่างไรนะ เทศกาลดอกท้อรึ?" เฟิ่งชิงเฉินตะลึง

นางลืมเรื่องนี้ไปสนิท

โจวสิงพยักหน้าและพูดอย่างกังวล " หรือว่า ให้ข้าไปบอกพวกเขาว่าเจ้าไม่สบายขอยกเลิกออกงานดีหรือไม่?"

"ยกเลิกออกงานอย่างนั้นรึ? โจวสิงอย่าไร้เดียงสา องครักษ์หลวงมารับถึงที่ แม้ว่าข้าตายไป พวกเขาก็จะเอาศพข้าไปให้ได้" เฟิ่งชิงเฉินหลับตาและสูดหายใจเข้าลึกๆ

นางจำได้ว่าซูเหวินชิงเคและหวังชีเคยพูดไว้ว่า จะมีเรื่องที่เกี่ยวกับคนตายเกิดขึ้นในงานเทศกาลดอกท้อ แต่น่าเสียดายที่นางไม่รู้อะไรเกี่ยวกับเทศกาลดอกท้อเลย ดูเหมือนว่าเจ้าของร่างนี้ไม่เคยเข้าร่วม เทศกาลดอกท้อนี้มาก่อน

"โจวสิง เจ้ารู้หรือไม่ว่าในงานเทศกาลดอกท้อจะมีกระไรบ้าง?" เฟิ่งชิงเฉินเอ่ยปากถามโดยไม่หวังกระไร และเป็นไปตามคาด โจวสิงส่ายหน้า "มิทราบ ให้ข้าไปถามคุณชายหวังหรือคุณชายซูหรือไม่?"

สองสามวันที่ผ่านมาข้ายุ่งมากจนไม่มีเวลาไปคิดเรื่องเทศกาลดอกท้อเลย

เฟิ่งชิงเฉินส่ายหน้า "สายเกินไปแล้ว เจ้าไปบอกองครักษ์เหล่านั้นว่า ข้าขอเปลี่ยนชุดแล้วจะออกไป"

งานมาก็หาทางรับมือกับมันเสีย

นางไม่เชื่อหรอกว่า นางสามารถออกมาจากพระราชวังอย่างมีชีวิตอยู่ แล้วจะไม่สามารถออกมาจากเรือนนอกพระราชวังอย่างปลอดภัย

ก็แค่เทศกาลดอกท้อ จะไปกลัวกระไร

เฟิ่งชิงเฉินกลับไปที่ห้อง นางถอดเสื้อผ้าฝ้ายหยาบที่สำหรับผู้ดูแลออก และเปลี่ยนเป็นกระโปรงผ้าใหม่เอี่ยม

กระโปรงผ้าสีฟ้าทะเลปักด้วยลวดลายผีเสื้อหลายตัวที่ชายกระโปรง เมื่อเวลาเดินจะดูเหมือนผีเสื้อที่โบยบิน ซึ่งดูสง่างามและสะดุดตา ทำให้เฟิ่งชิงเฉินดูงดงามขึ้นอย่างมาก

นางแต่งหน้าเล็กน้อย เพื่อให้ตัวเองดูมีชีวิตชีวามากขึ้น นางหยิบต่างหูและสร้อยคอมาสวมใส่ แม้ว่าจะไม่คุ้นชินเท่าไหร่ แต่เฟิ่งชิงเฉินก็สวมกำไลเงินนั้นไปด้วย

เฟิ่งชิงเฉินไม่ได้ตั้งใจจะไปเปรียบเทียบความงามของตนกับใคร นางเพียงแค่มิอยากให้คนอื่นคิดว่านางนั้นเสียมารยาท ถึงอย่างไรแล้วการเข้าร่วมงานเลี้ยงดังกล่าว หากแต่งกายธรรมดาไม่เพียงแต่ทำให้ดูยากจน และยังดูโง่อีกด้วย

ในยุคปัจจุบัน นางมักจะเห็นนางเอกสไตล์ซินเดอเรลล่าในละครโง่เขลา เวลาไปงานเลี้ยงนางเอกมักแต่งกายเรียบง่าย ไม่สวมเครื่องประดับใดๆ จากนั้นก็ทำให้ผู้คนทั้งงานตกตะลึง

อันที่จริงสถานการณ์ดังกล่าวจะไม่มีวันเกิดขึ้นในชีวิตจริง

เฟิ่งชิงเฉินในฐานะแพทย์ทหารสาว นางเองก็มีโอกาสได้เข้าร่วมงานเลี้ยงที่ค่อนข้างใหญ่อยู่หลายครั้ง ในงานเลี้ยงดังกล่าว หากแต่งกายด้วยเสื้อผ้าธรรมดาและไม่สวมเครื่องประดับใดๆ แม้ว่าจะมีความสามารถและสวยงามเพียงใด ก็ไม่มีความหมาย และพระเอกก็จะมองไม่เห็นเจ้าเช่นกัน เพราะว่า.......

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: นางสนมแพทย์อัจฉริยะ