นางสนมแพทย์อัจฉริยะ นิยาย บท 708

สรุปบท บทที่ 708 คำเตือน ความโกรธของจักรพรรดิ: นางสนมแพทย์อัจฉริยะ

ตอน บทที่ 708 คำเตือน ความโกรธของจักรพรรดิ จาก นางสนมแพทย์อัจฉริยะ – ความลับ ความรัก และการเปลี่ยนแปลง

บทที่ 708 คำเตือน ความโกรธของจักรพรรดิ คือตอนที่เปี่ยมด้วยอารมณ์และสาระในนิยายInternet นางสนมแพทย์อัจฉริยะ ที่เขียนโดย อาช้าย เรื่องราวดำเนินสู่จุดสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นการเปิดเผยใจตัวละคร การตัดสินใจที่ส่งผลต่ออนาคต หรือความลับที่ซ่อนมานาน เรียกได้ว่าเป็นตอนที่นักอ่านรอคอย

อาวุธลับมีพิษ!

ทายาทของอารามเทพผู้สง่างามกลับใช้อาวุธลับที่มีพิษ มันไร้ยางอายเป็นอย่างมาก และสิ่งที่ไร้ยางอายมากกว่านั้นก็คือ จักรพรรดิยอมให้ฝู่หลินนำอาวุธลับเข้ามาในพระราชวัง ดูแล้วจักรพรรดิทรงให้ความสำคัญกับฝู่หลินเป็นอย่างมาก

ทายาทของอารามเทพมีความสามารถอย่างที่คิด เพียงช่วงระยะเวลาอันสั้นกลับทำให้จักรพรรดิเชื่อใจได้ถึงเพียงนี้ เขาอยากจะรู้เหลือเกินว่าพรุ่งนี้ฝู่หลินจะสร้างปาฏิหาริย์อะไรออกมา

“ควับ......” หลานจิ่วชิงใช้แขนเสื้อพันบาดเหนือบาดแผลเอาไว้ จากนั้นใช้อีกมือหนึ่งดึงอาวุธลับออก

เลือดสีดำพุ่งออกมาทำให้รู้สึกเวียนศีรษะเล็กน้อย หลานจิ่วชิงพบว่าตนเองไม่สามารถยืนอย่างมั่นคงได้ ฝีเท้าเลื่อนลอยราวกับกำลังเหยียบอยู่บนฝ้าย ตาทั้งสองข้างเริ่มเลือนราง ขาทั้งสองไม่สามารถรองรับน้ำหนักของตัวเองได้

บ้าเอ๊ย นี่มันพิษบ้าอะไรกัน มันใช้ได้ผลกับร่างกายของเขา เขาโตมากับการลิ้มลองพิษนานาชนิด พิษบางชนิดแทบไม่มีผลกับเขาเลย ต่อให้เป็นพิษที่ร้ายแรงที่สุดก็ไม่สามารถพรากชีวิตของเขาไปได้ คิดไม่ถึงว่าพิษบนอาวุธลับของฝู่หลินจะร้ายกาจถึงขนาดนี้ ถึงขั้นทำให้เขาควบคุมตนเองแทบไม่ได้ในระยะเวลาอันสั้น

ไม่ได้การ......ถ้าหากปล่อยให้เป็นเช่นนี้ต่อไป วันนี้เขาคงถูกฝังไว้ที่นี่

หลานจิ่วชิงรีบสะบัดหัว กัดปลายลิ้นของตนเองอย่างรุนแรง ใช้ความเจ็บปวดที่ทิ่มแทงหัวใจทำให้เขาฟื้นสติกลับคืนมา หลานจิ่วชิงหันกลับไปมองด้านหลัง พบว่าฝู่หลินกำลังถือดาบและไล่เข้ามา หลานจิ่วชิงพ่นลมหายใจอันเยือกเย็นและสบถกับตัวเอง......

ปัง......เห็นดาบของฝู่หลินทิ่มแทงเข้ามา หลานจิ่วชิงรีบทำลายอาวุธลับที่เต็มไปด้วยพิษชิ้นนั้น จากนั้นนำพิษจากเลือดอาบลงบนอาวุธลับของเขาและปล่อยมันออกไป

เรี่ยวแรงของเขาไม่เพียงพอ แต่โชคดีที่ระยะห่างของทั้งสองนั้นใกล้มากพอ อาวุธลับพุ่งไปยังฝู่หลิน ฝู่หลินจำเป็นต้องหยุดการเคลื่อนไหวอีกครั้งเพื่อหลบการโจมตีของอาวุธลับ

และจากช่องว่างของเวลานี้ มันเพียงพอแล้วสำหรับหลานจิ่วชิง

หลานจิ่วชิงแอบถอนหายใจด้วยความโล่งอก ปิดผนึกบาดแผลบนแขนซ้ายของเขาด้วยการฝังเข็มเพื่อป้องกันไม่ให้พิษแล่นเข้าสู่หัวใจ แขนซ้ายของเขาไร้ซึ่งเรี่ยวแรงในทันทีและถูกแขวนไว้

หลานจิ่วชิงถือดาบหนีออกไปด้านนอก เพิ่งจะออกมาจากตำหนักก็ถูกราชองครักษ์ในแต่ละชั้นล้อมเอาไว้ หลานจิ่วชิงถอนหายใจและรู้สึกว่าประสิทธิภาพของราชองครักษ์นั้นสูงขึ้น เขาไม่รู้ว่าเรื่องนี้ควรจะขอบคุณหรือเกลียดเฟิ่งชิงเฉินดี ถ้าหากไม่ใช่เพราะราชองครักษ์ถูกเฟิ่งชิงเฉินเอาเปรียบมากจนเกินไป พวกเขาคงไม่ฝึกฝนกันอย่างหนักเหมือนทุกวันนี้

ดูจากสถานการณ์แล้ว วันนี้ถ้าหากเขาจะฝ่าออกไป คงจำเป็นต้องแลกมาด้วยอะไรบางอย่าง!

แสงไฟสาดส่องมายังหน้ากากสีเงิน แสงสะท้อนจากหน้ากากสาดส่อง หลานจิ่วชิงถอนหายใจเฮือกใหญ่ออกมา ยกดาบขึ้นและพุ่งออกไปยังเส้นทางที่เปื้อนไปด้วยเลือด

เคร่ง เคร่ง เคร่ง...... เสียงการปะทะกันของอาวุธ ก่อนหน้านี้มันเป็นสิ่งที่หนานหลิงจิ่นฝานกับซีหลิงเทียนเหล่ยต้องเผชิญ ตอนนี้ถึงคราวของเขาต้องเผชิญ นี่เป็นสิ่งตอบแทนจากโลกนี้จริงๆ วันนี้เขาไม่ใช่แค่โชคร้ายเหมือนปกติแล้ว

หลานจิ่วชิงก้าวไปด้านหน้า เขาไม่ได้ทำการป้องกันแต่อย่างใด ร่างกายของเขาเต็มไปด้วยเลือด และไม่รู้ว่ามันคือเลือดของตนเองหรือเลือดของอีกฝ่าย ในตอนที่ฝู่หลินปรากฏออกมา ก็เห็นหลานจิ่วชิงในวงล้อม เขาตะโกนออกมาอย่างไม่เกรงใจด้วยน้ำเสียงอันเยือกเย็นว่า “พลธนู เตรียมยิง”

แต่น่าเสียดายที่เมื่อเหล่าราชองครักษ์ได้ยินคำสั่งของเขากลับไม่ได้กระตือรือร้นที่จะปฏิบัติตาม แต่กลับเงยหน้าขึ้นมามองด้านบนของตนเอง ผู้นำตัวน้อยของเหล่าราชองครักษ์ผงะอยู่คู่หนึ่ง จากนั้นหันไปพิจารณาจากสถานการณ์ที่เกิดขึ้นก็พยักหน้าทันที

ดวงตาของเต็มไปด้วยแสงแห่งความโกรธ บ้าเอ๊ย เขาลืมไปว่าที่นี่ไม่ใช่เขตปกครองของเขา เขารู้ว่านี่มันสายเกินไปที่คิดจะจับชายแซ่หลานผู้นั้น เป็นอย่างที่คิด......

การคาดเดาของฝู่หลินนั้นถูกต้อง เมื่อหลานจิ่วชิงได้ยินเสียงของฝู่หลินที่บอกให้พลธนูเตรียมยิ่ง เขารู้ทันทีว่าถ้าหากไม่หนีไปในตอนนี้ วันนี้ก็ไม่มีทางหนีพ้น หลานจิ่วชิงกัดฟันแน่น ไม่สนใจอันตรายของพิษที่กำลังแล่นเข้าสู่หัวใจ ภายใต้วงล้อมอันแน่นหนาของราชองครักษ์ เขาฝ่าการป้องกันและหนีออกไปจากตำหนักหย่งเหอ

“รีบตามไป ผู้บุกรุกผู้นั้นได้รับบาดเจ็บสาหัส เขาหนีไปได้ไม่ไกล” ฝู่หลินแกคำสั่งและกวาดสายตามองเหล่าราชองครักษ์อย่างเยือกเย็น

เจ้าโง่พวกนี้สมควรตาย ทำไมถึงไม่ยอมปฏิบัติตามคำสั่งของข้าด้วยความกระตือรือร้น ปล่อยให้คนร้ายหนีออกไปแล้ว เกรงว่าเขาคงไม่มีทางจัดการปัญหาที่จะเกิดขึ้นในภายหลังได้ ตอนนี้เขาทำได้เพียงแค่หวังว่าคนแซ่หลานผู้นี้จะทนต่อไป และหนีรอดไปจากเนื้อมือของเหล่าราชองครักษ์ได้ ไม่อย่างนั้นเขาจะต้องลำบากอย่างแน่นอน.....

“ขอรับ” ครั้งนี้ราชองครักษ์ไม่กล้าสงสัยในคำสั่งของฝู่หลิน พวกเขาบินไล่ตามออกไป แต่มันก็สายไปแล้ว

หลานจิ่วชิงฝ่าวงล้อมออกไปได้ มันก็เหมือนกับปลาที่ว่ายลงทะเล ราชองครักษ์พวกนี้คิดจะจับเขา บอกได้คำเดียวว่ายาก!

ในหนึ่งคืนมีผู้บุกรุกเข้ามาถึงสองคน ต่อให้จักรพรรดิสิ้นลมหายใจ ในตอนนี้เขาก็ต้องฟื้นขึ้นมาเพราะเสียงอึกกระทึกครึกโครม แต่เนื่องจากมีผู้บุกรุกเข้ามา จะให้จักรพรรดิออกมาเสี่ยงอันตรายได้อย่างไร เขาจึงหลบอยู่ในที่ปลอดภัย จนกระทั่งมีคนเข้ามารายงาน จักรพรรดิถึงเดินทางไปยังตำหนักเฉียนเหอพร้อมกับการป้องกันอันแน่นหนา

“ฝู่หลิน นี่มันเกิดอะไรขึ้น?” จักรพรรดิโกรธเป็นอย่างมาก ผลลัพธ์ที่ตามมาช่างร้ายแรง

พระราชวังสงบสุขมาโดยตลอด ทำไมเมื่อฝู่หลินมาอยู่ที่นี่กลับมีผู้บุกรุกบุกเข้ามา เป็นไปได้ไหมว่าฝู่หลินจะเหมือนกับหลี่เซี่ยง คือตัวซวย?

ความโกรธของจักรพรรดิ แน่นอนว่าคนทั่วไปไม่สามารถรับไหว แม้ฝู่หลินเป็นถึงทายาทแห่งอารามเทพ แต่เขาก็อาศัยอยู่ในโลกภายนอกมาโดยตลอด ทันทีที่จักรพรรดิแสดงแรงกดดันอันแข็งแกร่ง เขาจึงได้รับผลกระทบอย่างช่วยไม่ได้

ภายใต้แรงกดดันอันรุนแรงของจักรพรรดิ ฝู่หลินถอยหลังไปครึ่งก้าว ลมหายใจหนักอึ้ง สีเลือดบนใบหน้าจางลง จักรพรรดิพยักหน้าด้วยความพอใจ

ฝู่หลินแอบถอนหายใจออกมา รอจนหัวใจของเขาสงบลงจึงกล่าวออกมาว่า “ฝ่าบาท เกรงว่าข่าวเรื่องพิธีบูชาฟ้าของท่านในวันพรุ่งนี้คงจะรั่วไหล ดูเหมือนว่าคนทั้งสองกลุ่มนี้มุ่งเป้ามาที่ข้า”

ฝู่หลินกล่าวออกไปด้วยความนอบน้อม แต่ข้อกล่าวหาที่กล่าวออกมานั้นค่อนข้างชัดเจน เขากำลังจะบอกว่าจักรพรรดิรักษาความลับไว้ได้ไม่ดีพอ ก่อนที่จักรพรรดิจะได้ทำพิธีบูชาฟ้า กลับมีคนในพระราชวังนำข่าวออกไปยังโลกภายนอก จักรพรรดิยังมีหน้ามาถามเขาอีกว่ามันเกิดอะไรขึ้น เขาไม่โทษว่านี่เป็นความผิดของจักรพรรดิก็ดีแค่ไหนแล้ว

บ้าที่สุด รอบตัวของจักรพรรดิผู้สง่างามเต็มไปด้วยสายลับ เขาดูไร้ประโยชน์เกินไปหรือเปล่า โชคดีตอนที่เขาพูดกับฝู่หลินนั้นไม่มีคนนอกอยู่ด้วย ไม่อย่างนั้นเรื่องที่ว่าหิมะจะหยุดตกภายในระยะเวลา 3 ใน 4 ของวันคงแพร่งพรายออกไป พิธีบูชาฟ้าของเขาคงกลายเป็นเรื่องตลก

“ข้าน้อยรับคำบัญชา” ขันทีใหญ่หนาวจนตัวสั่น เขารู้ว่าฤดูหนาวในปีนี้คือหายนะของตงหลิง ไม่ว่าจะเป็นในหรือนอกพระราชวัง จะต้องมีศพกองเป็นภูเขาอย่างแน่นอน

“ฝ่าบาท ผู้บัญชาการราชองครักษ์ต้องการเข้าเฝ้า” ขณะที่จักรพรรดิกำลังก้าวเท้าเข้าตำหนัก ขันทีตัวน้อยเดินเข้ามารายงาน

“ให้เขาเข้ามา!” จักรพรรดิรู้ว่ามันต้องเกี่ยวข้องกับผู้บุกรุก เขาเองก็อยากจะรู้ว่าเป็นใครที่แทรกซึมมาได้นานขนาดนี้ นี่เป็นการท้าทายศักดิ์ศรีของจักรพรรดิ!

“ข้า......” ผู้บัญชาการราชองครักษ์ยังไม่ทันกล่าวจบ จักรพรรดิขัดคำพูดของเขาอย่างไร้ซึ่งความอดทน “รายงานผลออกมา ผู้บุกรุกอยู่ไหน?”

“ข้าน้อยไร้ความสามารถปล่อยให้ผู้บุกรุกหนีไปได้” ผู้บัญชาการราชองครักษ์กล่าวจบ ก้มหน้าลงอย่างสิ้นหวัง เหงื่อเย็นจำนวนมากไหลลงสู่พื้น

“ผู้บุกรุกหนีไปแล้ว? นี่ข้าเลี้ยงดูแต่พวกขยะอย่างนั้นหรือ? พวกเจ้ามีตั้งมากมายขนาดนี้ กับแค่ผู้บุกรุกเพียงไม่กี่คนกลับจับตัวมาไม่ได้” จักรพรรดิไม่พอใจ ไม่พอใจเป็นอย่างมาก และสิ่งที่ทำให้จักรพรรดิไม่พอใจ สิ่งที่ต้องชดใช้ก็คงจะเป็นหัวของผู้บัญชาการราชองครักษ์

หัวใจของผู้บัญชาการราชองครักษ์เต้นแรง ถ้าหากจักรพรรดิไม่พอใจ คงไม่ง่ายเหมือนถูกไล่ออก โทษนี้มันเกี่ยวข้องกับหัวของเขา ผู้บัญชาการราชองครักษ์ในตอนนี้ เขาไม่สนใจอะไรทั้งนั้น เขาหลับตาและกล่าวออกมาว่า “ฝ่าบาท แม้ข้าจะไม่สามารถจับตัวผู้บุกรุกมาได้ แต่ข้าเห็นใบหน้าของผู้บุกรุก”

“มันเป็นใคร? เจ้าพูดออกมา” รู้ตัวของผู้บุกรุก ดีกว่าไม่รู้อะไรเลย สีหน้าของจักรพรรดิดูดีขึ้นเล็กน้อย

ผู้บัญชาการราชองครักษ์ แม้จะไม่ค่อยแน่ใจนัก แต่เขายังคงหนักแน่นและพูดต่อไปว่า “กราบทูลฝ่าบาท ผู้บุกรุกมีทั้งหมด 3 คน ประกอบด้วย องค์ชายจิ่นฝานแห่งหนานหลิง องค์รัชทายาทเหล่ยแห่งซีหลิง และยังมีชายชุดดำในหน้ากากสีเงิน ถ้าหากข้าจำไม่ผิด คนผู้นี้น่าจะเป็นผู้ที่เพิ่งจะมีชื่อเสียงเมื่อไม่นานมานี้ในยุทธจักร หลานจิ่วชิง”

ทำทุกอย่างเพื่อให้ตนเองรอด ผู้บัญชาการราชองครักษ์รีบขายทั้งสามคนออกไปอย่างรวดเร็ว ส่วนสุดท้ายแล้วจะใช่ทั้งสามคนนี้หรือไม่เขาไม่สนใจ ไม่ว่าอย่างไรเขาก็มองว่าเป็นสามคนนี้

“หนานหลิง ซีหลิง ไม่ธรรมดาอย่างที่คิด ไม่เสียแรงที่รอมากว่าครึ่งปี” จักรพรรดิได้ยินเช่นนั้นก็ยิ้มออกมาอย่างเยือกเย็น ตอนแรกเขาคิดว่าเป็นน้องเก้าตัวดีของเขา คิดไม่ถึงเลยว่าการที่น้องเก้าถูกคุมขังในครั้งนี้จะทำให้ความกล้าของเขาลดน้อยลง ไม่กล้าเข้ามายุ่งเกี่ยวกับเรื่องในพระราชวัง

ส่วนหลานจิ่วชิง เป็นแค่คนในยุทธจักรเพียงคนเดียว จักรพรรดิไม่เห็นเขาอยู่ในสายตา แต่ไม่ว่าอย่างไรเจ้าหลานจิ่วชิงอะไรนั่นก็ต้องมีส่วนเกี่ยวข้องกับหนานหลิงจิ่นฝานและซีหลิงเทียนเหล่ยอย่างแน่นอน เมื่อรู้ตัวตนของผู้บุกรุก จักรพรรดิรู้สึกสบายใจขึ้นเป็นกอง จ้องมองผู้บัญชาการราชองครักษ์ที่คุกเข่าอยู่บนพื้น จักรพรรดิคิดว่าอย่างน้อยคนผู้นี้ก็ยังมีประโยชน์ จึงตัดสินใจปล่อยเขาไป “ข้าเข้าใจแล้ว เจ้าไปเสีย”

“ขอบคุณฝ่าบาทที่ทรงเมตตาแก่ความไร้เดียงสาของข้า” ผู้บัญชาการราชองครักษ์รีบคว้าชีวิตของตนเองไว้และจากไปทันที หลังจากเขาจากไปแล้ว สีหน้าของจักรพรรดิเคร่งขรึมทันที เขาหันไปพูดกับขันทีใหญ่ซึ่งอยู่ข้างกายว่า “ถ่ายทอดราชโองการของข้าออกไป เลื่อนพิธีสมรสระหว่างชุนอ๋องกับองค์หญิงเหยาหวาออกไป”

เขาต้องการมอบบทเรียนให้แก่หนานหลิงจิ่นฝานและซีหลิงเทียนเหล่ย ทำให้พวกเขาเข้าใจว่าอะไรเรียกว่าความซื่อสัตย์!

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: นางสนมแพทย์อัจฉริยะ